อยากถามเรื่องอาหารเสริมที่เขียนว่า

[Barrios]

ยา
รักษาโรค,ป้องกันโรค = indication
กว่าที่ยาตัวนึงจะ claim ว่ารักษาโรคได้ต้องทำอะไรตั้งเยอะนี่ครับ

ส่วนอาหารเสริมที่ว่า เค้าก็ตั้งใจให้ขายกันแบบสีเทาอยู่แล้ว บอกกันไปปากต่อปากเลี่ยงโฆษณากันไป
อย.ก็รู้ทัน ก็ให้ติดฉลากอย่างที่ว่า เพื่อบรรเทาปัญหาไปส่วนหนึ่ง

ขายอยู่ก็บอกว่าแคลเซียมป้องกันกระดูกพรุนได้ แต่สินค้าตัวนี้ยังไม่มีการศึกษา ถ้าจะเอาตัวที่ proof แล้วก็เอาตัวอื่นก็ได้
ขายของสีเทา ของที่ไม่ได้ถูก proof มาแบบยา จะคิดว่ามันต้องมีฉลาก, มี indication, มี dose ชัด ๆ จะอธิบายเต็มที่ เหมือนกับยาไม่ได้หรอกครับ

[humbler]

"ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค"
ผมว่าประโยคนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่นะ (ในสินค้าบางตัว)

ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมคาร์บอเนต 1500 mg +vit d+vit k (สินค้าตัวนี้มีอยู่จริง)
ทีถูกขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม เราจะไปบอกว่า "ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค" มันก็ไม่น่าจะถูกต้องซักเท่าไร
เพราะปริมาณ แคลเซียมขนาดนี้ป้องกันได้ครับ

แต่เท่าที่ทราบมาบางที ตัวบริษัทเองเขาอยากจะให้สินค้าของเขาขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมมากกว่า เพื่อหวังผลทางการตลาด
ที่จะโฆษณาได้ง่ายขึ้น หรือสามารถวางขายตามห้างได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องจำกัดให้ขายเฉพาะร้านยา

คำตอบนี้ ค่อนข้างเคลียร์ครับ
**มีหลายยี่ห้อ คงขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม เช่น ตัวอย่างตามที่เจ้าของกระทู้ บอกมา (เลยเขียนว่า--ไม่มีผลในการป้องกันโรคกระดูกพรุน)
**และมีหลายยี่ห้อที่ขึ้นทะเบียนเป็น ยา เช่น calcap , calvin 600, calvin+D , caltrate plus (เขียนว่า--สำหรับป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน)

ปล. ยี่ห้อที่ผมยกมา ไม่ได้ให้ค่าโฆษณาผม ครับ ..ผมเพียงกวาดสายตาไปมองสิ่งใกล้ตัว

คิคิ ......

[cckk]

ยา
รักษาโรค,ป้องกันโรค = indication
กว่าที่ยาตัวนึงจะ claim ว่ารักษาโรคได้ต้องทำอะไรตั้งเยอะนี่ครับ

ส่วนอาหารเสริมที่ว่า เค้าก็ตั้งใจให้ขายกันแบบสีเทาอยู่แล้ว บอกกันไปปากต่อปากเลี่ยงโฆษณากันไป
อย.ก็รู้ทัน ก็ให้ติดฉลากอย่างที่ว่า เพื่อบรรเทาปัญหาไปส่วนหนึ่ง

ขายอยู่ก็บอกว่าแคลเซียมป้องกันกระดูกพรุนได้ แต่สินค้าตัวนี้ยังไม่มีการศึกษา ถ้าจะเอาตัวที่ proof แล้วก็เอาตัวอื่นก็ได้
ขายของสีเทา ของที่ไม่ได้ถูก proof มาแบบยา จะคิดว่ามันต้องมีฉลาก, มี indication, มี dose ชัด ๆ จะอธิบายเต็มที่ เหมือนกับยาไม่ได้หรอกครับ

ขอบคุณครับ แต่ผมว่าเรื่องนี้เภสัชทุกคนทราบดีนะ ที่ผมถามไม่ได้มีเจตนาอะไรที่ไม่ดีนะครับ เพราะมันขัดแย้งในการอธิบาย และก็อย่าหลงประเด็นนะครับ ผมหมายถึงตัวที่เป็นอาหารเสริมแล้วเขียนแบบนี้ ไอ้ที่เป็นยาขายได้ก็ขายไปงั้นก็คงไม่ถามให้มันเมื่อย ไร้สาระเสียเวลา มัีนง่ายไปมั๊ย แต่เรามองถึงผู้บริโภค สมมุติว่าเราเป็นคนซื้อที่ไม่มีความรู้เรื่องยา เราก็คงงงว่าบอกว่าแคลเซียมป้องกันกระดูกพรุน แต่ข้างกล่องเขียนอย่างงี้ ไอ้เหตุผลทางการตลาดน่ะ ผมเชื่อว่าเป็นแบบนั้นครับ
แต่ที่บอกเอาตัวที่ไม่ใช่อาหารเสริม เอาตัวที่proof ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะproof น่ะ มันก็ local made มันก็ขายในร้านยานั่นแหละ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ผมถามถ้าสมมุติว่าผมจะซื้อสินค้าตัวนี้ต่างหาก

[cckk]

"ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค"
ผมว่าประโยคนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่นะ (ในสินค้าบางตัว)

ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมคาร์บอเนต 1500 mg +vit d+vit k (สินค้าตัวนี้มีอยู่จริง)
ทีถูกขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม เราจะไปบอกว่า "ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค" มันก็ไม่น่าจะถูกต้องซักเท่าไร
เพราะปริมาณ แคลเซียมขนาดนี้ป้องกันได้ครับ

แต่เท่าที่ทราบมาบางที ตัวบริษัทเองเขาอยากจะให้สินค้าของเขาขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมมากกว่า เพื่อหวังผลทางการตลาด
ที่จะโฆษณาได้ง่ายขึ้น หรือสามารถวางขายตามห้างได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องจำกัดให้ขายเฉพาะร้านยา

สงสัยจะมีแต่ท่านนี้ที่เข้าใจประเด็นจริงๆ อันอื่นมันมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับ มันไม่ตรงประเด็นเล้ย

[cckk]

"ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค"
ผมว่าประโยคนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่นะ (ในสินค้าบางตัว)

ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมคาร์บอเนต 1500 mg +vit d+vit k (สินค้าตัวนี้มีอยู่จริง)
ทีถูกขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม เราจะไปบอกว่า "ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค" มันก็ไม่น่าจะถูกต้องซักเท่าไร
เพราะปริมาณ แคลเซียมขนาดนี้ป้องกันได้ครับ

แต่เท่าที่ทราบมาบางที ตัวบริษัทเองเขาอยากจะให้สินค้าของเขาขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมมากกว่า เพื่อหวังผลทางการตลาด
ที่จะโฆษณาได้ง่ายขึ้น หรือสามารถวางขายตามห้างได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องจำกัดให้ขายเฉพาะร้านยา

คำตอบนี้ ค่อนข้างเคลียร์ครับ
**มีหลายยี่ห้อ คงขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม เช่น ตัวอย่างตามที่เจ้าของกระทู้ บอกมา (เลยเขียนว่า--ไม่มีผลในการป้องกันโรคกระดูกพรุน)
**และมีหลายยี่ห้อที่ขึ้นทะเบียนเป็น ยา เช่น calcap , calvin 600, calvin+D , caltrate plus (เขียนว่า--สำหรับป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน)

ปล. ยี่ห้อที่ผมยกมา ไม่ได้ให้ค่าโฆษณาผม ครับ ..ผมเพียงกวาดสายตาไปมองสิ่งใกล้ตัว

คิคิ ......

สรุป คือเหตุผลทางการตลาด แต่ทำให้ผู้บริโภคสับสน

[Barrios]

เหตุผลทางการตลาด ???
บ.เลยอยากจะพิมพ์ว่า product ตัวเองกินไปไม่ได้ผล ????

[cckk]

เหตุผลทางการตลาด ???
บ.เลยอยากจะพิมพ์ว่า product ตัวเองกินไปไม่ได้ผล ????

ผู้รู้จริงลองตอบให้ฟังหน่อยนะครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน ไอ้ที่ตอบมาเมื่อกี้ไม่เอานะครับ มันไม่สร้างสรรค์

[Barrios]

No

ลองหลับตานึกถึง แคลเซียม OTOP, แคลเซียมกลางกรุง แล้วจะเข้าใจว่า ทำไม อย.ถึงต้องบังคับให้มีข้อความที่ว่า

[cckk]

No

ลองหลับตานึกถึง แคลเซียม OTOP, แคลเซียมกลางกรุง แล้วจะเข้าใจว่า ทำไม อย.ถึงต้องบังคับให้มีข้อความที่ว่า

ไอ้ที่ว่ามาเนี่ยผมก็ไม่ได้ไปบอกว่ามันดีตรงไหน เป็นผม ผมก็ไม่ซื้อกิน แต่ผมหมายถึงไอ้ที่มันเป็นที่นิยม หรือบริษัทที่มันดีอ่ะ

[Barrios]

ถ้างั้นต้องเข้าใจระบบบังคับใช้กฎหมายสิ
ต้องไม่เลือกปฎิบัติ ไม่สองมาตรฐาน ไม่เลือกสี ไม่เลือกข้าง

การที่ อย.จะอนุญาตให้ใครเคลมอะไรได้ อย.ก็ต้องตอบคำถามได้ว่้า ทำไมถึงให้เคลม
จะตลกมาก ถ้า อย.ตอบว่า บ.เค้าน่าเชื่อถือ หรือเห็นคนนิยมกินกันเยอะ

อย่างที่บอกตอนแรกว่า อย.รู้ทันว่า บ.จะทำการตลาดโดยการโฆษณา สรรพคุณเกินจริง ( ซึ่ง marketing น่าจะทำอย่างนั้น)
และเกินจริงในความหมาย อย. คือ ไม่มี evidence base จึงให้ลงข้อความดังกล่าว ดักเอาไว้

เราในฐานะ scientist ควรจะเลือกเชื่อตาม evidence base ตามแบบ อย. รึเปล่า

[cckk]

ถ้างั้นต้องเข้าใจระบบบังคับใช้กฎหมายสิ
ต้องไม่เลือกปฎิบัติ ไม่สองมาตรฐาน ไม่เลือกสี ไม่เลือกข้าง

การที่ อย.จะอนุญาตให้ใครเคลมอะไรได้ อย.ก็ต้องตอบคำถามได้ว่้า ทำไมถึงให้เคลม
จะตลกมาก ถ้า อย.ตอบว่า บ.เค้าน่าเชื่อถือ หรือเห็นคนนิยมกินกันเยอะ

อย่างที่บอกตอนแรกว่า อย.รู้ทันว่า บ.จะทำการตลาดโดยการโฆษณา สรรพคุณเกินจริง ( ซึ่ง marketing น่าจะทำอย่างนั้น)
และเกินจริงในความหมาย อย. คือ ไม่มี evidence base จึงให้ลงข้อความดังกล่าว ดักเอาไว้

เราในฐานะ scientist ควรจะเลือกเชื่อตาม evidence base ตามแบบ อย. รึเปล่า

หรือว่าบริษัทต้องการขายได้เยอะๆวางขายที่ไหนก็ได้ ร้านสะดวกซื้อก็ได้ โฆษณาก็ได้ ไม่ต้องอยู่ในร้านยา เพราะข้อบังคับของ อย.ก็มีอยู่แล้ว
แต่ประเด็นของผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เราที่เชื่อครับ ผู้บริโภคต่างหากที่่ซื้อแล้วสับสน

[Barrios]

ถ้างั้นย้อนมาดูเรื่องผู้บริโภค
ผู้บริโภคที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
1.เชื่อตามที่ฉลากบอก
2.เชื่อตามที่เภสัชบอก
3.เชื่อเพื่อน
4.เชื่อ อย. หวังให้อย. คุ้มครองทั้งชีวิต
5.เชื่อโฆษณา
6.เชื่อตามแกนนำ
จะตอบข้อไหนครับ

ลองนึกว่าชีวิตคนหนึ่งคน ไม่ได้เลือกบริโภคยาหรืออาหารเสริมเพียงอย่างเดียว
ดังนั้นผู้บริโภคที่ดีควรจะเป็นอย่างไร จึงจะเลือกบริโภคสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกหลอก

เราในฐานะคนธรรมดา หมายถึงไม่มีอำนาจใหญ่โตอะไร ไม่ได้เก่งมาจากไหน ควรจะห่วงผู้บริโภคแค่ไหน เอามันทั้งประเทศ ทั้งจังหวัด หรือเอาเฉพาะคนรอบข้าง

[cckk]

ถ้างั้นย้อนมาดูเรื่องผู้บริโภค
ผู้บริโภคที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
1.เชื่อตามที่ฉลากบอก
2.เชื่อตามที่เภสัชบอก
3.เชื่อเพื่อน
4.เชื่อ อย. หวังให้อย. คุ้มครองทั้งชีวิต
5.เชื่อโฆษณา
6.เชื่อตามแกนนำ
จะตอบข้อไหนครับ

ลองนึกว่าชีวิตคนหนึ่งคน ไม่ได้เลือกบริโภคยาหรืออาหารเสริมเพียงอย่างเดียว
ดังนั้นผู้บริโภคที่ดีควรจะเป็นอย่างไร จึงจะเลือกบริโภคสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกหลอก

เราในฐานะคนธรรมดา หมายถึงไม่มีอำนาจใหญ่โตอะไร ไม่ได้เก่งมาจากไหน ควรจะห่วงผู้บริโภคแค่ไหน เอามันทั้งประเทศ ทั้งจังหวัด หรือเอาเฉพาะคนรอบข้าง

เกินไปมั๊ยนั่นน่ะ แล้วเค้าจะมีคุ้มครองผู้บริโภคไปทำไมเล่า ฝ่ายเภสัชซะด้วย ตอนแรกบอก scientist ตอนนี้บอกคนธรรมดา คุยเรื่องนี้ไปเรื่องโน้นอีก พอแค่นี้ดีกว่าครับ ผมไม่อยากรู้และ (เฉพาะจากคุณนะ)

[ภก.กุลเชษฐ์]

มันเป็นกฎหมายบังคับครับ การขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมมันง่าย คุณรู้หรือไม่กว่าจะขึ้นทะเบียนยาได้แต่ละตัวต้องเตรียมข้อมูลมากขนาดไหน ตั้งแต่ข้อมูลวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต การควบคุมคุณภาพ วิธีการวิเคราะห์ การเก็บข้อมูลความคงตัวของยาอย่างน้อย 6 เดือนตามมาตรฐาน ASEAN Harmonized ซึ่งทุกวิธีต้องมีมาตรฐานรองรับ เช่น ตัวโรงงานต้องได้ GMP วิธีการวิเคราะห์ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานตาม USP / BP / EP / JP / TP อย่างใดอย่างหนึ่งและต้องเป็นเล่มที่ไม่อายุไม่เกิน 5 ปี คือจะใช้ USP 2006 ไม่ได้ พวกนี้ออกทุกปี 1 เล่มหลักกับอีก 2 supplement (ตัวที่ต้องการจะเพิ่มเข้าไปในเล่มใหม่) และกว่า อย. จะพิจารณาให้ทะเบียนยาออกมาใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี (อาจเร็วกว่านั้นแต่ตอนที่ทำงานที่โรงงาน 1 ปีคือเวลาที่เร็วที่สุด) ยิ่งถ้าเป็นยาใหม่ต้องทำ BE เทียบกับยาต้นแบบเป็นข้อมูลประกอบการขึ้นทะเบียนด้วย เทียบกับการขอขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม มีข้อมูลว่าที่กินไปไม่เป็นอันตราย จะขอกับ สสจ ก็ได้ เมื่อตรวจเสร็จก็ได้ทะเบียน จบ จึงต้องมีข้อความที่คุณสงสัยติดไว้ไงครับ ป้องกันการเอาไปโฆษนาเกินจริง เขาป้องกันตัวอื่นๆด้วยเช่น พวกเสริมอาหารลดไขมันสารพัด ไม่มีใครกล้าขึ้นทะเบียนเป็นยา ผมรับรอง

[cckk]

มันเป็นกฎหมายบังคับครับ การขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมมันง่าย คุณรู้หรือไม่กว่าจะขึ้นทะเบียนยาได้แต่ละตัวต้องเตรียมข้อมูลมากขนาดไหน ตั้งแต่ข้อมูลวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต การควบคุมคุณภาพ วิธีการวิเคราะห์ การเก็บข้อมูลความคงตัวของยาอย่างน้อย 6 เดือนตามมาตรฐาน ASEAN Harmonized ซึ่งทุกวิธีต้องมีมาตรฐานรองรับ เช่น ตัวโรงงานต้องได้ GMP วิธีการวิเคราะห์ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานตาม USP / BP / EP / JP / TP อย่างใดอย่างหนึ่งและต้องเป็นเล่มที่ไม่อายุไม่เกิน 5 ปี คือจะใช้ USP 2006 ไม่ได้ พวกนี้ออกทุกปี 1 เล่มหลักกับอีก 2 supplement (ตัวที่ต้องการจะเพิ่มเข้าไปในเล่มใหม่) และกว่า อย. จะพิจารณาให้ทะเบียนยาออกมาใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี (อาจเร็วกว่านั้นแต่ตอนที่ทำงานที่โรงงาน 1 ปีคือเวลาที่เร็วที่สุด) ยิ่งถ้าเป็นยาใหม่ต้องทำ BE เทียบกับยาต้นแบบเป็นข้อมูลประกอบการขึ้นทะเบียนด้วย เทียบกับการขอขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม มีข้อมูลว่าที่กินไปไม่เป็นอันตราย จะขอกับ สสจ ก็ได้ เมื่อตรวจเสร็จก็ได้ทะเบียน จบ จึงต้องมีข้อความที่คุณสงสัยติดไว้ไงครับ ป้องกันการเอาไปโฆษนาเกินจริง เขาป้องกันตัวอื่นๆด้วยเช่น พวกเสริมอาหารลดไขมันสารพัด ไม่มีใครกล้าขึ้นทะเบียนเป็นยา ผมรับรอง

แหล่มเลย ของ่าย ขายดี ขายได้ทุึกที่ทุกเวลา ขอบคุณครับ