New Document









ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

เภสัชกรร้านยา

ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย rexking99 » 10 มี.ค. 2010, 18:37

ภัยคุกคาม และโอกาสทางธุรกิจร้านยาและวิชาชีพเภสัชกรรมชุมชน
รายจ่ายจะเพิ่มมากขึ้น
- ต้องมีเภสัชกรคนที่ 2
- ร้านที่ขายทั้งปลีกและส่ง ต้องมี 2 ใบอนุญาต (เภสัชกร 2 คน?)
- ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแพงขึ้น 5-10 เท่า
ความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น
- หากจ่ายยาผิดพลาด หรือไม่ให้คำแนะนำ คำเตือน
อาจถูกฟ้องร้องถึงขั้นหมดตัว ทั้งทรัพย์สินและชื่อเสียง
- บทลงโทษมากขึ้นเป็น 10 เท่า

ถามว่าร้านยาเภสัชกรชุมชนจะกระทบหรือไม่ จากพรบ.ยาใหม่นี้

1. ร้านยาที่ไม่ใช่เภสัชกร และไม่สามารถปรับตัวรับกับ พรบ.ยา ใหม่ได้ จะเลิกกิจการ รวมถึง ขย.2 เมื่อหมดเวลาตามบทเฉพาะกาล แต่คู่แข่งรายใหม่ ที่น่ากลัวกว่า คือ ร้านสะดวกซื้อ ที่มีอำนาจต่อรองสูงกว่า เปิดขาย 24 ชั่วโมง สามารถขายยาจำหน่ายทั่วไปเพิ่มมากขึ้น

2. การบริการภาครัฐขยายเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น เป็นคลินิคชุมชนรอบๆเมืองใหญ่ และในที่สุดเข้าสู่ชุมชนเมือง ประชาชนได้พบแพทย์ ได้ยาฟรี แล้วใครจะมาร้านยา

3. การบังคับใช้ GPP สิ่งนี้อาจเป็นภัยคุกคามของร้านยาที่ไม่ใช่เภสัชกร แต่อาจเป็นโอกาสสำหรับร้านยาเภสัชกรชุมชนที่จะลดร้านยาที่จะเกิดขึ้นใหม่ แต่เภสัชกรชุมชนก็ต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากฎเกณฑ์ของ GPP และร้านยาคุณภาพ

4. การแข่งขันที่รุนแรง จากร้านยาที่เปิดขึ้นมากจน Supply มากกว่า Demand ตลาดเป็นของผู้ซื้อ สามารถต่อรองราคาได้ บัณฑิตที่จบใหม่หางานทางสาขาอื่นยากขึ้น ไม่มีอัตรารองรับจะหันมาเปิดร้านยามากขึ้นและถ้าร้านสะดวกซื้อเปิดแผนกยาขึ้นโดยไม่ต้องขออนุญาตขายยา เพราะ item ของยามากกว่า 1000 รายการและบังคับให้เจ้าของผลิตภัณฑ์โฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ?หาซื้อยาได้ที่ร้าน?สะดวกซื้อ?

ข้อมูลอัตราการเจริญเติบโตในธุรกิจยาระหว่างร้านยาและโรงพยาบาล

เมื่อปี 1975 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา 70% แต่ซื้อผ่านโรงพยาบาล 30%
เมื่อปี 2000 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา 33% แต่ซื้อผ่านโรงพยาบาล 67%
เมื่อปี 2004 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา 25% แต่ซื้อผ่านโรงพยาบาล 75
คาดว่าปี 2010 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา ~15% แต่ซื้อผ่านระบบประกันสุขภาพ ~ 85%
การที่ตลาดยามีมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้น มองได้สองแง่มุม มุมหนึ่งประชากรอาจมีสุขภาพเลวร้ายลง การบริโภคจึงสูงขึ้น ถือว่าเป็นมุมมองในแง่ลบ ซึ่งมักจะเป็นทัศนคติของคนนอกวงการ โดยเฉพาะผู้ที่ดูแลงบประมาณด้านสุขภาพ อีกทัศนะหนึ่งในแง่บวก อาจมองว่าการขยายของตลาดยา บ่งบอกถึงประชาชนเข้าถึงยาได้มากขึ้น ประชาชนได้รับการบริบาลรักษาดีขึ้น สุขภาพและคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงยา และนวัตกรรม จะช่วยลดความจำเป็นในการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะปัจจุบันมียาหลายตัวที่ทำให้รักษาโรคได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และนอนโรงพยาบาล เช่น โรคต่อมลูกหมากโต โรคนิ่วในถุงน้ำดี ผู้ป่วยด้วยโรคบางอย่าง

จากข้อมูลที่มี ยอดขายผ่านช่อง 1 นับวันจะยิ่งเล็กลง คู่แข่งมากขึ้น ขายตัดราคากัน
แต่เราก็คุ้นเคยจะขายผ่านช่องนี้เท่านั้น
ในกรณี ช่อง 2 ผ่านการเชื่อมต่อกับระบบ สปสช.
ช่อง 3 ผ่านการเชื่อมต่อกับระบบประกันสังคม
การให้บริการของรัฐในช่องทั้ง 2 นี้ นับวันจะเพิ่มมากขึ้นในอัตราเร่ง
จาก 2:1 ในปี 2000
จาก 3:1 ในปี 2004
และ 5:1 ในปี 2010
ส่วนแบ่งของการขายผ่านช่องทางร้านยาจะลดลงเรื่อยๆ (แม้ดูเหมือนยอดขายจะเท่าเดิม แต่อีกช่องทางโตขึ้นเร็วมาก)
สำหรับช่อง 4 ระบบประกันเอกชน ถึงแม้ขณะนี้ยอดค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมด จะอยู่ที่ โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งหากเราเชื่อมต่อระบบนี้ได้ จะเป็นส่วนเสริมของร้านยาให้ดีขึ้นได้ทั้งภาพลักษณ์และรายได้

ถามว่า เรายังยินดีที่จะอยู่กับช่องจำหน่ายที่ 1 ที่นับวันจะยิ่งเล็กลง และการแข่งขันรุนแรงขึ้นหรือไม่?
ถ้าเราจะเชื่อมต่อกับระบบ สปสช ในช่องจำหน่ายที่ 2 กับระบบประกันสังคมในช่องที่ 3 และกับระบบประกันเอกชนในช่องที่ 4 จะต้องทำอย่างไร?
สิ่งที่เราได้ดำเนินการไป และได้รับคำถามจาก องค์กรที่รับผิดชอบ
- ร้านยามีคุณภาพหรือไม่ ใครจะเป็นคนรับรอง
- เข้าถึงง่ายหรือไม่ มีจำนวนมากพอ และกระจายตัวทุกจังหวัดหรือไม่

ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราทุกคน จะต้องปรับตัวให้เข้าสู่ระบบใหม่ให้ได้ เพื่อความอยู่รอดของเราทุกคน และของวิชาชีพด้วย เภสัชกรชุมชน ได้รับเกียรติว่าจะเป็น ?เรือธงของวิชาชีพ?
เราต้องพิสูจน์ให้ได้โอกาสที่ร้านยาจะไปถึงอุดมคติ
1.ทุกองค์กรของวิชาชีพ จะต้องมากำหนดทิศทาง และกลยุทธ์เพื่อผลักดันร่วมกัน อย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะผู้นำองค์กร และผู้มีวิสัยทัศน์ (Pharmacy summit)
2.ต้องพลักดันให้สมาชิกในองค์กรวิชาชีพได้รับทราบข้อมูล และให้ความร่วมมือ เกิน 50 %
3.ต้องเชื่อมต่อกับระบบต่างๆของรัฐให้ได้ อย่างมีแบบแผน เป็นขั้นตอน
4.สถาบันคณะเภสัชศาสตร์ ต้องวางกรอบผลิตบัณฑิตใหม่ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และจะต้องเป็นที่ปรึกษาเป็นพี่เลี้ยงให้กับเภสัชกรชุมชน ทั้งในเรื่องการพัฒนาทางกายภาพ ทางวิชาการ ระบบให้คำปรึกษาแนะนำ และการเป็นสถานฝึกงานของนักศึกษา

เภสัชกรประสิทธิ์ วงศ์นิจศีล

ประธานชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย
rexking99
 
โพสต์: 118
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มี.ค. 2010, 17:35







Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย Wiz@rd. » 10 มี.ค. 2010, 20:02

อ่านจบก็ยังร้อนอยู่ดีครับ...

คนที่ร้อนกว่า คือ ร้านยาหมอตี๋ดิถ้า พรบ.ผ่าน, GPP ผ่าน

ปัญหาของร้านยากับการเชื่อมต่อระบบประกันสุขภาพ คือ เรายังไม่มีคุณภาพ ปริมาณ มาตรฐาน ระบบของเรา ดีเพียงพอที่จะเชื่อมต่อกับระบบประกันสุขภาพ, การที่ระบบประกันสุขภาพไม่รู้จะมาคุยกับใคร ใครจะเป็นตัวแทนของร้านยาที่จะไปพูดคุย ตกลงกับเค้า

เค้าพูดแทนชมรมร้านขายยาโดยหมอตี๋แห่งประเทศไทยรึเปล่าล่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wiz@rd.
Global Moderator
 
โพสต์: 942
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2004, 20:15
ที่อยู่: โลก

Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย rexking99 » 10 มี.ค. 2010, 20:20

Wiz@rd. เขียน:อ่านจบก็ยังร้อนอยู่ดีครับ...

คนที่ร้อนกว่า คือ ร้านยาหมอตี๋ดิถ้า พรบ.ผ่าน, GPP ผ่าน

ปัญหาของร้านยากับการเชื่อมต่อระบบประกันสุขภาพ คือ เรายังไม่มีคุณภาพ ปริมาณ มาตรฐาน ระบบของเรา ดีเพียงพอที่จะเชื่อมต่อกับระบบประกันสุขภาพ, การที่ระบบประกันสุขภาพไม่รู้จะมาคุยกับใคร ใครจะเป็นตัวแทนของร้านยาที่จะไปพูดคุย ตกลงกับเค้า

เค้าพูดแทนชมรมร้านขายยาโดยหมอตี๋แห่งประเทศไทยรึเปล่าล่ะ


ที่หนาวคือคาดว่าปี 2010 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา ~15% แต่ซื้อผ่านระบบประกันสุขภาพ ~ 85%
หมายความว่ามันจะมีรายได้เข้าร้านของเราน้อยลงเรื่อยๆลงทุกปี ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบมากขึ้น
ไม่รู้ว่ามันจะคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ครับ

:sad: :sad: :sad:
rexking99
 
โพสต์: 118
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มี.ค. 2010, 17:35

Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย battyz » 10 มี.ค. 2010, 20:21


ที่คุณน้องเล่ามานั้น น่าจะเป็น บทสรุปของการเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆที่จะมีผลต่อร้านขายยา โดยเฉพาะร้านที่อยุ่ในกลุ่มชมรม รขย. แห่ง ปทท.
ที่ในระหว่างนั้นมีพี่เภสัชกรประสิทธิ์ วงศ์นิจศีล เป็นประธานชมรมอยู่ สามารถดูรายละเอียดได้จาก url address ข้างล่างนี้

http://www.ran-ya.com/Ranya.ppt?pku=310 ... BRH7XYXK6W

จริงๆแล้วที่ ชมรม รขย. แห่ง ปทท เขาหนาวเนี่ยก้อคือ เขากลัวการบังคับให้ร้านยามีเภสัชกรประจำตัวเป็นๆ ครับ
เพราะกฎต่างๆที่ทางราชการกำหนดเนี่ย ต้องมีเภสัชกรมาลงมือ "ทำ" ครับ
ถ้าไม่มีตัวจริง ร้านขายยาอย่างว่าก้อต้องปิดตัวลงหนีหนาวไป

เขาจึงมี presentation ชุดนี้สร้างภาพให้หนาวๆ เพื่อมาระดมกำลังให้สมาชิก ชมรม รขย. แห่ง ปทท มาระดมกำลังร่างแผนการทำงานที่ชื่อว่า
"แผนยุทธศาสตร์" ที่มีการทำงานที่น่ากลัวกว่าชุดแรกๆที่คุณเอามาเสียอีก

ตัวอย่าง "แผนยุทธศาสตร์" เช่น

* สนับสนุนให้ อย. สร้างนโยบายชะลอการเปิดร้านยาใหม่ (กลับไปสู่ระบบโควต้าเดิมๆ) และให้เวลาร้านยาที่มีอยู่แล้วพัฒนาปรับปรุงตนเองในเวลาที่เหมาะสม (แขวนป้ายเหมือนเดิมในเวลาที่เหมาะสม) สร้างกำแพงป้องกันคู่แข่งรายใหม่

* บันได 8 ขั้น สู่ GPP. ต้องไม่เพิ่มภาระแก่ผู้ประกอบการมากเกินไป (อั้วม่ายเอา gpp)

ที่น่าจะหนาวที่สุดก้อ อันนี้ครับ การสร้าง ?วิทยาลัยร้านยาแห่งประเทศไทย?
เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้เจ้าของร้านและผู้ช่วยเภสัชกร เน้นการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด การขาย กฎหมาย จริยธรรม ความรู้เรื่องยา
แล้วเภสัชกรจะไปอยู่ที่ไหน

อยากได้ต้นฉบับตัวจริง ทิ้ง e-mail ไว้ครับจะส่งไปให้
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24

Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย battyz » 10 มี.ค. 2010, 20:25

ที่น่าอิจฉา ชมรม นี้ ก้อ
เขามีคน "ลงมือทำงาน" อย่างจริงจังครับ

ได้แต่มารอดูเพื่อนๆแล้วหล่ะครับ
ว่าเราจะผลักดัน ช่วยเหลือเพื่อนๆ เพื่อให้ร้านยาทั่วประเทศไทย
มี "เภสัชกรตัวจริง" ไป "ลงมือทำงาน" อย่างจริงจัง ได้เมื่อไหร่
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24

Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย Pimano » 10 มี.ค. 2010, 20:50

สงสัยต้องตั้งชมรม ร้านยาของเภสัชกรแห่งประเทศไทย มาแข่ง แล้วละ :twisted:
Pimano
 
โพสต์: 90
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ต.ค. 2006, 14:42

Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย Wiz@rd. » 10 มี.ค. 2010, 20:58

ร้านยาจะอยู่รอดได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพัฒนาคุณภาพครับ และ เมื่อเข้าสู่ระบบคุณภาพได้มากพอ ก็จะมีการเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพครับ ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข อ.ย. และ สภาเภสัชฯ เค้าก็มีการผลักดันช่วยอยู่บ้าง (แม้ว่าอย่าคาดหวังกับอะไรที่เกิดขึ้น)

คาดว่าปี 2010 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา ~15% แต่ซื้อผ่านระบบประกันสุขภาพ ~ 85%

ปัญหาตอนนี้ คือ ระบบประกันสุขภาพต่างๆเนี่ย มันไปอยู่ที่ ร.พ. pcu ส.อ คลินิกบางส่วน เราเลยต้องพยายามผลักดันตัวเองเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพ

แต่ทว่า...

ตอนนี้ระบบประกันสุขภาพก็เป็นตัวสร้างปัญหาให้กับหน่วยงานทางสาธารณสุขเอาการอยู่เช่นกันนะครับ เราเข้าไปจะเอาตัวรอดไม๊ต้องคิดให้ดีๆด้วย ถ้าระบบการจัดการด้านยายังเป็นอย่างนี้ ผมว่าเข้าไปอาจจะฉุดกันลงเหวก็ได้ เหอๆๆ

รู้รึเปล่า ร.พ.รัฐขนาดใหญ่ เข้าข่ายกำลังจะเจ๊งแล้วกี่โรงพยาบาล...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wiz@rd.
Global Moderator
 
โพสต์: 942
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2004, 20:15
ที่อยู่: โลก

Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย roajrx » 12 มี.ค. 2010, 00:27

:lol: :lol: ไม่ต้องรีบร้อนหรอกเพื่อนฝูง แค่ระบบPICSมาใช้ในโรงงานยาเต็มที่ :arrow: โรงงานยาก็จะหายวับไปครึ่งหนึ่ง
:mrgreen: :mrgreen: อีกเรื่องหนึ่งร้านยาคุณภาพต้องรักษาอุณหภูมิยาไม่เกิน25-30องศาแล้วแต่ละชนิด อยากถามว่ายาที่ส่งมาจากบริษัทขนส่ง ไม่ต้องขนส่งมาในห้องปรับอากาศหรือ :question: ราคายาก็ต้องปรับขึ้นไปอีก บ้านนอกคุณรู้ไหม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเปิดสถานพยาบาลกันเยอะแยะ จ่ายยา ฉีดยาได้เหมือนหมอ(แต่ต้องรับผิดชอบเอง) รายได้ดีด้วย(เขาก็ช่วยรักษาคนไข้จำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ช่วยบรรเทาคนไข้ไม่ต้องไปร.พ.ได้ ถ้าคิดในแง่ดี ซึ่งก็ดี) ใครจะมาคิดสถานพยาบาลคุณภาพแบบเราบ้าง ผมคิดว่าคุณจบหรือทำงานเภสัชด้านไหนก็ทำไป อย่าแขวนป้ายสิ อยากทำชุมชนก็ลงมา .......ง่วงแล้วค่อยเข้ามาใหม่...ฝันดีครับ
roajrx
 
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 23:44
ที่อยู่: สุราษฎร์

Re: ลองอ่านดูแล้วจะหนาวครับ

โพสต์โดย apotheker » 12 มี.ค. 2010, 12:20

Pimano เขียน:สงสัยต้องตั้งชมรม ร้านยาของเภสัชกรแห่งประเทศไทย มาแข่ง แล้วละ :twisted:


ไม่รู้จะใช่แบบที่ต้องการหรือเปล่านะครับ :mrgreen:

http://www.pharcpa.com/
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity


ย้อนกลับไปยัง ลาเต้

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document