เอาแบบที่ทำแล้วเห็นผลระยะยาวนะคะ
1. ทำแผ่นพับ update ตามสถานการณ์ค่ะ แจกฟรีไปเลย ทำสวยๆหน่อย
2. ทำการ์ดคำแนะนำพิเศษวิธีใช้ยาต่างๆ แล้วก็อธิบายแนบไปกับยา
3. ออกทำแบบสอบถามบ้างค่ะ เพราะความต้องการแต่ละที่ไม่เหมือนกัน หาของแจกเล็กๆน้อยๆ พอเป็นค่าตอบ
4. หาสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง อาหารเสริม วิตามิน มาติดร้านไว้บ้าง เอาไว้คุยกะคนไข้เพิ่ม แล้วก็พอได้กำไรกับยอดด้วย
5. ทำบัตรสมาชิก ที่ร้านใช้วิธีทำบัตรแพ้ยาค่ะ คนไข้ยินยอมให้ข้อมูลแต่โดยดี ส่วนคนไข้ที่ไม่แพ้ยาก็จะล่อหลอกด้วยของแถมค่ะ ให้ข้อมูลเราปุ๊บ รอบหน้ามาจะได้ทราบว่ารอบที่ผ่านมาทานยาอะไรไปบ้าง หรือคนไข้ประสบอุบัติเหตุฉุกเฉิน และพกบัตรของที่ร้านอยู่ ทางโรงพยาบาลอาจโทรกลับมาขอข้อมูลกับเราได้ คนไข้ให้ข้อมูลทุกคนค่ะ ไม่มีลีลา ยิ่งช่วงไหนน้องฝึกงานเยอะยิ่งชอบ คนไข้ชอบคุยกะน้องๆค่ะ
ถามหาทุกวัน ว่าเมื่อไรจะมากันอีก
6. ทำตัวให้เป็นมืออาชีพทุกวัน สม่ำเสมอ คนไข้จะบอกต่อกันเองว่ามืออาชีพอยู่ร้านนี้
ระยะยาวเราลงทุนเยอะค่ะ แต่คนไข้จะกลับมาหาเราเยอะด้วย ต้องยอมลงทุนค่ะ
ระยะสั้นๆก็เช่น
1. จับฉลาก, จัดโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1, ตรวจวัดความดันและน้ำตาลฟรี ชั่งน้ำหนักวัด BMI วิเคราะห์สภาวะอ้วน ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ที่ความถูกต้องของกฎหมายด้วยค่ะ ห้ามแถมยา แจกยา ห้ามวินิจฉัยโรค แค่แจ้งคนไข้ว่าควรปฎิบัติตัวอย่างไร อย่าทำบ่อยมากค่ะ คนไข้เบื่อ พวกนี้เอาไว้ทำเป็นช่วงๆก็พอ คนไข้จะได้คิดถึง
2. หากมีคนรู้จักอยู่ตามอนามัย, โรงพยาบาล ที่เขามีออกหน่วยใกล้ๆร้าน ก็ลองขอแจมค่ะ แล้วเอาเอกสารอะไรที่มันมีตราร้านติดไปด้วย เอาไว้แจกคนไข้ได้ ถ้ามีงานวัด งานเฉลิมต่างๆ ที่คนในชุมนุมมารวมตัว ก็คุยกับสถานที่เขาว่ามาขอให้บริการให้คำแนะนำการใช้ยาฟรี เอาเอกสารไปแจกก็ได้ค่ะ อันนี้เคยลองพยายามทำ ตอนนี้ขาดจำนวนบุคลากรค่ะ ถ้าพร้อมก็จะทำแน่นอน
งานการตลาดจำเป็นมากค่ะสำหรับการทำธุรกิจ อย่าคิดว่าเป็นเภสัชกรอย่างเดียวแล้วจะยอดขึ้น ต้องมีเทคนิคแพรวพราวค่ะ ลองอ่านหนังสือเยอะๆค่ะ หาพวกหนังสือแฟชั่นมาอ่านบ้าง โดยเฉพาะคู่สร้างคู่สม ฮิตมากๆ จะได้รู้ว่าลูกค้านิยมอะไร เช่น มีช่วงนึงที่การล้างสารพิษฮิตมาก ก็ไม่พ้นร้านยาที่คนจะมาถามหา ถ้าไม่มีของก็เสียโอกาสค่ะ โทรทัศน์มีไว้ดูโฆษณากะสรยุทธ์ค่ะ ถ้าเช้านี้มีข่าวออกอะไรที่มันเกี่ยวกับเราจะได้ตอบคนไข้ทัน โฆษณาบางทีมาแค่แว้บเดียว แต่มันติดตาคนไข้เราก็ต้องติดตามหาข้อมูลค่ะ หนังสือ how to ทำธุรกิจทั้งหลายหามาอ่านบ้างก็ได้ แต่ต้องเลือกเล่มที่ช่วยแก้ทัศนคติแย่ๆของเราค่ะ เล่มที่บอกแค่ขั้นตอนการทำธุรกิจนี่ ใครๆก็เขียนได้ค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาอ่าน หลายคนคงเคยอ่านหนังสือของบัณฑิต อึ้งรังษี แนะนำให้อ่านให้ครบทุกเล่มค่ะ จะช่วยแก้ทัศนคติแย่ๆของเราได้ ฝึกทำทุกอย่างจนเป็นอัตโนมัติค่ะ พอถึงช่วงวิกฤตจะได้แก้สถานการณ์ทัน พอดีร้านอยู่กทม. ความต้องการคงแตกต่างค่ะ วันไหนมีอะไรนึกออกอีกจะมาบอกเพิ่มนะคะ