New Document









ร้านยาชานมโดยเภสัชกรตลอดวัน แต่ไม่ตลอดคืนนะค้าบ 3 ปีแว้ว

เภสัชกรร้านยา

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย HoMe_Rx » 01 ส.ค. 2009, 15:34

มาให้กำลังใจคนทำงาน....
เงยหน้าสู้ลูกค้า หันหลังสู้ยา...เอ๊ะยังไง...

ไปแระ
ฟิ้วววว
HoMe_Rx
 
โพสต์: 87
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2008, 17:09
ที่อยู่: เชียงใหม่







Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย Amazee » 01 ส.ค. 2009, 17:49

พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ปิดร้าน 1 วัน พาแม่ไปวัดคะ วันนี้แวะไปอ่านบทความดีๆของ coke@today แวะเอามาฝากเพื่อนๆให้อ่านกัน ในวันอาทิตย์นะ(กลัวเหงา)


ผมเคยได้ฟังบทเพลง ?ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน? เนื้อหาในบทเพลงได้กระตุ้นให้คิดในแง่มุมต่างๆ และทำให้เริ่มรู้จักหัดมองในมุมที่ต่างออกไป

โดยเฉพาะท่อนที่มี เนื้อหาว่า ?...จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา เพียงปรารถนา ให้มีลำแสง สีทอง จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา เพียงปรารถนา ดอกทานตะวัน หันมอง.....สักครั้ง?

หากเราเป็นไม้ขีดไฟก้านนั้น ที่จุดตัวเองได้เพียงครั้งเดียว แล้วก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน ก่อนที่จะจุด เราคงต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อนว่า จะตัดสินใจจุดตัวเองให้เกิดแสงสว่าง เพื่อประโยชน์อันใด





-1-

ช่อดอกและใบที่หัน ไปทางทิศของดวง ตะวัน หยัดสู้เงยหน้าต้านแสงอันแรงกล้าของดวงอาทิตย์ได้อย่างองอาจตลอดชีวิต ต่างก็ยกย่องและเรียกดอกไม้นี้ว่า ?ดอกทานตะวัน?

ผมเพิ่งทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า หนึ่งต้นออกเพียงดอกเดียว เท่ากับว่าโอกาสที่ดอกจะแย้มบานนั้น มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ใน ขณะที่ดอกกำลังเบ่งบาน เส้นกราฟความงามของดอกกำลังพุ่งสูงขึ้น แต่แทนที่จะพุ่งสูงขึ้นไปให้สุดถึงร้อยเปอร์เซนต์ พอขึ้นไปเพียงแค่สิบห้าเปอร์เซนต์เท่านั้น ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น กราฟก็หยุดชะงัก แล้วก็ค่อยๆ ดิ่งลงๆ ดอกที่กำลังโตและเริ่มบานก็ค่อยๆ เหี่ยว

ผมได้เห็นช่วงดอกทานตะวันกำลังจะเบ่งบานสองสามวัน แล้วที่เหลือผมได้เห็นความงามอีกรูปแบบหนึ่ง ที่แตกต่างไปจากที่วาดไว้ในจินตนาการ

ทำ ให้นึกถึงผลงานศิลปะ ที่มีชื่อเสียงและรู้จักกันไปทั่วโลก ของศิลปินเอกท่านหนึ่ง ที่เลือกที่จะมองและนำเสนอภาพที่ต่างออกไป แทนที่จะเป็นดอกที่บานสวยสดที่ปรากฏทั่วไป ก็กลายเป็นภาพวาดดอกทานตะวันที่ เหี่ยวแห้งในแจกัน

ต่างคนต่างมุมมอง และแต่ละคนมองไม่เหมือนกัน ความงดงามของทุกสิ่งจึงอยู่ที่จะมองมุมใด



-2-

ตลอดชีวิตของเราล้วนเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี เมื่อนึกถึงเรื่องดีก็พลอยมีความสุข เมื่อนึกถึงเรื่องไม่ดีก็ทำให้หดหู่

แม้ ใจของเราจะมีพื้นที่จำกัด แต่ก็สามารถที่จะจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างมากมาย เราจะเลือกเรื่องใดเก็บไว้ ให้เป็นความทรงจำที่งดงาม เมื่อย้อนกลับมานึกถึงแล้วสุขใจได้เสมอ ทุกอย่างอยู่ที่เรา

ก่อนที่ ชีวิตของเรานี้จะเป็นเถ้าถ่านดังไม้ขีดไฟ เราจะตัดสินใจจุดตัวเองให้เกิดแสงสว่าง เพื่อประโยชน์อันใด ที่จะมีค่าคู่ควรแก่การจดจำ

คนเราจะอยู่ไปทำไมถ้าไม่ทำความดี ทุกอย่างอยู่ที่เรา

แก้ไขล่าสุดโดย Amazee เมื่อ 01 ส.ค. 2009, 19:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
Amazee
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 15:33

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย HoMe_Rx » 01 ส.ค. 2009, 18:53

ต้นเดือน...ก้อแล้วนะ...
ยังเงียบไม่หยุดยั้ง..เปนกันบ้างไม๊??

แต่...
เอาน่ะ
มันต้องมีวันอย่างนี้บ้างของเดือน..
คิดซะว่าคนรอบๆชุมชนเราแข็งแรงไม่ป่วยไม่ไข้ไง....
วันไหนเงียบก้อคิดว่าวันนั้นเปนวันพักไง...
มันมีไม่กี่วันหรอกนะ


เชื่อซี คนดีอยู่ไหนก้อต้องดี.. (ไม่รู้ว่าเกี่ยวไม๊? ..)

ไปแระ..เนือยและง่วงมากๆๆ

ร่าเริงๆๆเข้าไว้เภสัชกรทั้งหลายยย
HoMe_Rx
 
โพสต์: 87
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2008, 17:09
ที่อยู่: เชียงใหม่

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย TDPharm » 01 ส.ค. 2009, 19:35

:lol: นึกแร้วว่าคุณต้องอ่าน :lol:

มุกนี้ยังใช้ได้อยู่ เป็นจั๋งได๋อยู๋ดีมีแฮงบ่ คักหลายๆๆๆ มื้อนี้ เป็นจั๋งได๋ ไปไสมาแหน่ มือนี้สินนท์ก็เฝ้าคอกยาอยู่ นอยเด้อ บ่คัก


ข่อยสิเบื่อเหมือนกัน บ่คึกคักเรยฮ่วงนี้ ไม่มักเรย เซ้งเซ้ง อยากพูดว่าคักอีหลี เด้อ แต่ก็เพลี้ยเพลีย

ยั้งไงเสภัชกรก็ เบิ่งโต๋เองแหน่เด้อ อย่าให้เจ็บให้ไข้

วันสิดีเด่วก็มา วันนี้บ่คัก พรุ่งนี้ก็บ่คักยิ่ง กว่า หุ ล้อเล่นคับล คึกคักๆๆ แซบหลาย มากินปลาร้าแซบหลาย มั๊กหลาย กินเองคับ ชายนนท์กิน
ไม่เป็น

คิดฮอดเด้อ

คืนนี้ฝันดีนะครับ

ขายดีตังแต่ ตี หนึ่ง หยันเที่ยงคืนนะครับ หุๆๆๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
TDPharm
 
โพสต์: 344
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2009, 09:36

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย INDY_Rx » 01 ส.ค. 2009, 20:04

ฮ่าๆ...พี่นนท์ร่ายหมอลำป่ะเนี่ย :biggrin:
INDY_Rx
 
โพสต์: 340
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2009, 14:02
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย TDPharm » 01 ส.ค. 2009, 20:50

INDY_Rx เขียน:ฮ่าๆ...พี่นนท์ร่ายหมอลำป่ะเนี่ย :biggrin:



:lol: :lol: น้อง Indy Rx ใครว่าพี่นนท์ร่ายหมอลำ

พี่นนท์ร่ายเภสัชรำ เราเป็นเภสัช ไม่ได้เป็นหมอ อะ เป็นหมอรำไม่ได้ เด่วเขาฟ้องเอา

หมอตี๋รำ อิอิอิ เป็นเภสัชรำดีแระ กินแร้วอร่อย อย่าลืมหยวกกล้วยหั่นฝอยๆ สับละเอียดด้วยนะครับ

แนะนำให้กินเป็นอาหารเช้า รับรองได้เส้นใยอาหารครบถ้วน

ระบบขับถ่ายดี ไม่เคยกินแต่อยากให้เพือนๆๆกินกัน ไปละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
TDPharm
 
โพสต์: 344
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2009, 09:36

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย Amazee » 01 ส.ค. 2009, 20:56

*I can't understand what you mean in this post.
because I'm ไฮโซ้...ไฮโซ.......คนลาวเนี่ย มีตังค์นักแบ่งกันใช้พ่องเน้อ
จะเซ็งอะไร้ กันคะคุณหนู เห็นมีเพื่อนเอย เด็กเอย ลูกค้าเอยตึมเรยไม่ใช่เหรอจ๊ะ
Amazee
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 15:33

ขอออกทะเลนะครับ

โพสต์โดย TDPharm » 02 ส.ค. 2009, 09:03

อยากให้อ่านทุกพยางค์
เพราะมันมีค่าสำหรับคนที่อ่านครบและอ่านจบเท่านั้น

อยากให้อ่านทุกพยางค์
เพราะมันมีค่าสำหรับคนที่อ่านครบและอ่านจบเท่านั้น

อยากให้อ่านทุกพยางค์
เพราะมันมีค่าสำหรับคนที่อ่านครบและอ่านจบเท่านั้น

อยากให้อ่านทุกพยางค์
เพราะมันมีค่าสำหรับคนที่อ่านครบและอ่านจบเท่านั้น

อยากให้อ่านทุกพยางค์
เพราะมันมีค่าสำหรับคนที่อ่านครบและอ่านจบเท่านั้น




ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน จากนั้นพ่อก็รู้เรื่องพ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน "ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ" พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า "ผมขโมยเองครับ"
ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน " ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า " พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว" ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ หลายปีผ่านไป แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี... เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน
คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า " ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ" แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า
"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน" ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า " ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว" พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้" คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน
ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
" ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"
แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
ใครจะรู้ได้ .......

วันต่อมาในตอนเช้ามืด น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ
" พี่ครับ การจะเข้ามหาวิท ยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่" ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น
กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ ....... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3 วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ"
ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ??? ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่ ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง...ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ" น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ
ก้อได้หัวเร าะเยาะพี่กันพอดี" ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม" จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉันแล้วพูดว่า "ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"
ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรกฉันสังเกตเห็นว่าหน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ" แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า " แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก
วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"
ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" ฉันถาม "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ
และ..." น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด เพราะฉันหันหน้าหนีเขา น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
"เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ" ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
แต่เมื่อออกไปแล้ว ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิมน้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...
เขาบอกกับฉันว่า "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง" สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท...
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า " ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้ ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง" คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขย เพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด" น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....ฉันบอกกับน้องว่า "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..." "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า " ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"
น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" .....และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้ "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน
วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้าง เดียวเดินเป็นระยะทางไกล
เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้น

ผมสาบานกับตัวเอง ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี
และจะทำดีกับเธอ" เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......
"ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"
ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง.. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม

จบบริบูรณ์....

ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท ส่วนน้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า
"ซัมซุง"

และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์ โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ

บู มิง ฮอง

เล่าเรื่อง

TDpharm ชายนนนท์แห่งทีดีฟาร์ม กระจายเรื่องต่อ อ่านแล้วซึ้งมากมาย ทำไมตาถึงรู้สึกเหมือนมีน้ำมาเลี้ยงหล่อตาเยอะจัด
ภาพประจำตัวสมาชิก
TDPharm
 
โพสต์: 344
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2009, 09:36

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย Annjung » 02 ส.ค. 2009, 12:20

เข้ามาตั้งใจอ่านอย่างมีสมาธิ อ่านทุกพยางค์ ทุกคำ ทุกประโยค....
เศร้ามากมาย...
:roll: :roll: :roll:
แต่อยากจะให้ในครอบครัวที่ชอบทะเลาะกันเข้ามาอ่านมั่งจัง...เผื่อจะรักกันมากขึ้น
Annjung
 
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 12:46

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย SkoopY » 02 ส.ค. 2009, 20:16

หนูเป็นอีกคนที่ติดตามกระทู้ของพี่ ไม่ได้เข้ามาอ่านเสียนาน เพราะวุ่นๆอยู่กับการเรียน

วันนี้เข้ามาอ่านกระทู้หลังจากที่ไม่ได้อ่านมานาน มีทั้งเรื่องขำขัน และเรื่องเล่าต่างๆมากมาย

อยากรู้จังเรื่องที่พี่เอามาโพสที่เป็นเรื่องของเจ้าของซัมซุงนี่ชื่อเรื่องอะไรหรือคะ
อยากดูจัง อ่านแล้วน้ำตาพาลจะไหล ซึ้งมาก
SkoopY
 
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 พ.ค. 2009, 00:48

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย Amazee » 03 ส.ค. 2009, 08:44

ทุก post ที่ตอบกลับ เปรียบเหมือน วิตามิน M อานะ แต่ไม่ใช่้ money แต่เป็น M 100 หรือ M 150 ที่ทำให้ จขกท. มีพลัง และมีไฟ ที่จะเขียนสิ่งดีๆ
รู้นะ จขกท.กำลังหน้าบาน อยู่ หุหุ
Amazee
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 15:33

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย Amazee » 04 ส.ค. 2009, 10:46

นอกจากโจร ตกยาคุมแล้ว ... ตอนนี้ที่ต้องระวังคือ แม่ค้าขายขนมเปี๊ยะ เป็นผู้หญิง (มีคนเห็นว่าขับรถBMW มะช่าย BMXนะ )
เค้าจะเดินถือเข้ามาในร้านยา แล้วประโยค ที่ เจอเหมือนกันคือ เป็นลูกค้าประจำที่นี่ ซื้อแคลเซี่ยมหลายแผงแล้ว พูดแบบเร็วๆ แล้ว ก้อเชิญให้เราซื้อขนมเปี๊ย บอกว่าเป็นสูตร ไร้ไขมัน เพิ่งเรียนมากับอาจารย์ยิ่งศักดิ์ และขายแพง มาก อันละ 40 กว่าบาท

ถ้าหลงกินเข้าไปแล้วจะรู้สึกว่าไม่อร่อย หวานมาก จริงๆ ก้อ มันอาจเป็นการทำมาหากิน ของเค้าละนะ
และ เราเอง ที่หลงซื้อเอง เพราะความตะกระตะกราม สุดท้ายมาเจ็บใจ แม่ง ขายแพงมาก

ร้านค้าแถวๆร้านที่เราอยู่เจอกันทุกร้านแล้ว และมาถามกันว่าทำไม มันแพง เยี่ยงนี้ นี่ได้ข่าวว่า ร้านยา แถวๆเชียงใหม่ ก้อโดนเหมือนกัน ประโยคเดียวกัน ร้านไหน ที่ยังไม่โดน เผื่ออ่านเจอ ฝากบอก แม่ค้าคนนั้นหน่อยนะ ว่า หวานโคดและแพงโคดๆจ้า หากินแบบนี้ไม่เจริญหรอกนะจ๊ะ
Amazee
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 15:33

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย Pjpharm » 08 ส.ค. 2009, 08:32

กำลังจาเปิดร้านแร้น ไปเซ้งต่อเค้ามา แต่เป็นร้านที่เพิ่งเปิดไม่นาน สาธุ..ขอให้ขายดีๆ

ดีใจที่มีคนมาโพสต์ให้กำลังใจ เจ้าของกิจการรายใหม่แบบนี้ เพราะกลัวบ้างเหมือนกัน เครียดด้วย มีหลายอย่างต้องทำ แต่ก็ขอบคุณนะคะ สำหรับกำลังใจ จากน้องนนท์ อิอิ :biggrin:
Pjpharm
 
โพสต์: 17
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 17:12

Re: ร้านยาของเภสัชกรชานม มามะมาให้กำลังใจเภสัชกรร้านยากันค้าบ

โพสต์โดย Amazee » 19 ส.ค. 2009, 09:20

ฟังเพลงกันดีกว่านิ


Amazee
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 15:33

Re: ร้อยเรื่องราว100รสชาด ร้านยาโดยเภสัชกร ระบายแชร์กันได้ที่นี่

โพสต์โดย TDPharm » 20 ส.ค. 2009, 19:05

:mrgreen: ไม่ได้โพสต์นานแระ มีแต่คนมาดันกระทู้ให้ คิคิ

วันนี้มีเรื่องมาบอกเล่าเก้าสิบ

ทำไมน้า คำพูดที่ลูกค้าพูดกับผมตอน 18.35 น. ของวันนี้ทำให้ผมรู้สึกอัพตลอด

ลูกค้าบอกว่า ต้องทำสมาชิคร้านยาร้านนี้แระ เป็นลูกค้าประจำไปและ นี่พี่แนะนำคนที่โรงงานมาซื้อร้านน้องหมดแล้วนะ

แค่นี้แหละคับ หัวใจของเราก้พองโตชั่วขณะ

แล้วนนท์ก็ยิ่งประโยคเด็ดแบบนี้ไปว่า ว่าแล้วที่คนเยอะขึ้นเพราะพี่นี่เอง

ลุกค้าก็ยิ้มกลับไป

คิคิ ศาสตร์และศิลป์ คือเราเอ่ย :mrgreen: :mrgreen:

ขอมีสาระ แบบไม่ขำสัก 1 วัน แล้วจะมาโพสต์ทุกวัน วันละเรื่องราว ล้านเรื่องเมื่อไหร่ ก็รวยและ คิคิ :lol: :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
TDPharm
 
โพสต์: 344
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2009, 09:36

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ลาเต้

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document