New Document









แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

เภสัชกรร้านยา

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย sukanya_rx19 » 28 พ.ค. 2008, 12:22

รูปสติกเกอร์เตือน นี่ได้ไอเดียเลย เดี๋ยวว่างๆจะลองทำโฟโต้ชอปเป็นภาษาไทย เเล้วปรินซ์ใส่กระดาษสติกเกอร์ คงจะเท่ห์ไม่น้อย 55+ ถ้าทำสำเร็จจะเอามาเเปะไว้เเจกนะคะ  :lol:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sukanya_rx19
Global Moderator
 
โพสต์: 2148
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2005, 16:06
ที่อยู่: ยโสธร







Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย mono » 28 พ.ค. 2008, 13:23

มารอของแจกอ่ะ  รอรับได้เลย555+++
ภาพประจำตัวสมาชิก
mono
 
โพสต์: 390
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2007, 19:29
ที่อยู่: ชลบุรี

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย doraemon » 28 พ.ค. 2008, 16:55

สวยดีเนอะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
doraemon
 
โพสต์: 445
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 มี.ค. 2004, 19:53
ที่อยู่: สมุทรสงคราม

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย apotheker » 29 พ.ค. 2008, 10:30

เยี่ยมมากเลยครับพี่
ยาหยอดตานี่ต้องแช่ตู้เย็นทุกตัวเลยหรือครับ :roll:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 29 พ.ค. 2008, 11:05

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1. การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2. การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3. การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4. เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5. การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6. การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7. การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
8. การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
9.การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
10.การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
11.การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
12.การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
13. การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน

  To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist 

  โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน 

อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง

  จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน

วันนี้ เพิ่มเติม

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง
การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ

สวัสดีครับตอนเช้าๆ

วันนี้ ผมไปว่ายน้ำ ก็ว่ายได้สัก 45 นาที ว่ายน้ำเช้าๆมันรู้สึกดีครับ ได้ออกกำลังบ้าง จิตใจแจ่มใส เภสัชกรชุมชน อยู่ร้านทุกวันๆละหลายชั่วโมง ควรหาเวลาไปออกกำลังบ้างนะครับ วิ่งเบาๆ สัก 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เช้าๆก็ดีครับ แต่ละวันเราจะเครียดกับผู้คน กับสิ่งต่างๆ เย็นๆก็มักจะคนเยอะ หาเวลาก็แล้วกันนะครับ ไปโรงแรมใหญ่ๆทำไมถึงต้องมีสระว่ายน้ำ ฝรั่งมันก็ชอบว่ายน้ำ ก็เพราะการว่ายน้ำ มันทำให้ได้ออกกำลังทุกส่วน ว่ายน้ำแล้วสบายตัวครับ

เมื่อวานแวะไปดู Blog ส่วนตัวของหนู meen ใน hi5 ดูแล้วเห็นความสดชื่น ความร่าเริง ของเภสัชรุ่นใหม่ๆ ดีครับ นับว่าโชคดีกว่าอีกหลายๆคนที่สามารถเปิดร้านได้เป็นของตัวเองครับ ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ Suppot หรือเปล่า การเปิดร้านยาใช้ทุนมากพอควร ผมน่ะลงทุนสร้างตึกเอง 3 ห้อง แบ่งให้เช่า 2 ห้อง ทำเป็น Office ร้านยา 1 ห้อง ก็ใช้เงินเก็บไปพอควร แต่ไม่สร้างตอนนั้น เดี๋ยวนี้คงสร้างไม่ได้แล้ว แพงขึ้นอีก 3 เท่าตัว เพราะฉะนั้น สถานที่สำคัญครับ แต่ถ้าเช่า วันๆค่าเช่ากินหมด ทำเลไม่ดี คงไม่ไหว

คนเป็นพ่อเป็นแม่ เดี๋ยวนี้นอกจาก ส่งลูกให้เรียนสูงๆแล้ว ยังต้องหาช่องทางทำมาหากิน หาโอกาสให้ลูกด้วย ของผมไอ้ที่ให้เช่า 2 ห้อง ก้เลยเปิดโอกาสให้หลานๆ ได้เปิดร้าน มีช่องทางทำมาหากิน เราคนเดียว สบายๆ ไม่มีภาระมากมายอะไร

พูดถึง ความสุขของเภสัชกรชุมชน ผมบอกได้เลยว่า วิชาชีพนี้ ดีกว่าอีกหลายๆอาชีพที่สามารถทำงานอิสระได้ คนจบมาทางด้านอื่นถ้าจบมาแล้ว เบื่อเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ ลูกจ้าง อยากมาเปิดร้านของตัวเองก็หาช่องทางยากสักหน่อย ดีตรงนี้

พูดถึงตรงนี้ Apotheker บอกว่าผมมองโลกในแง่ดี ก็ไม่ดีอย่างไรครับ เมื่อก่อนผมขับรถไปทำงาน ออกจากบ้านทุกเช้า 6.00 น. ไปกลับ ร่วม 100 กม เดินทางไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ร่วมยี่สิบกว่าปี ตอนหลังกลับมาดูแลบ้าน ดูแลบุพการีก่อนเสียชีวิต การได้มาทำงานใกล้บ้าน ไม่ต้องเจอรถติดบนท้องถนน เช้าๆได้มีโอกาสออกกำลังกาย ก็มีความสุขดี นี่แหละทางออกของการเป็นเภสัชกร และก็ไม่มีการเกษียณอายุ เบื่อก็เลิก

การเป็นมนุษย์เงินเดือนกับชีวิตการเปิดร้านก็คงต่างกัน แต่ถ้าเด็กจบใหม่ๆก็อยากจะไปกระโดดโลดเต้นก่อน จะให้มาจับเจ่าอยู่กับร้านทุกวัน ก็อาจจะเบื่อแย่นะครับ ฉะนั้นต้องหาช่องทางการผ่อนคลายครับ การได้มาระบายอะไรต่างๆนาๆใน Pharmacafe ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ดีครับ เพื่อนๆตอนเรียนก็คงต้อง Keep in touch ไว้เสมอๆครับ เดี๋ยวนีมีทั้ง Internet มือถือ ไม่ไกลกันเลยครับ ว่างๆปิดร้านชวนเพื่อนๆนัดไปเที่ยว ไปสังสรรค์ Shopping บ้าง จะได้ไม่เครียดครับ

คุยมาซะเยอะเลย น้องๆจะบอกว่า จะให้มีความสุขอย่างพี่ได้ไง ขายก็ไม่ดี วันๆขายไม่ได้กี่สตางค์ ไม่พอค่าใช้จ่าย ก็เลยขอแชร์ไอเดียร์ในการบริหารจัดการในความคิดเห็นของผมนะครับ อาจจะไม่ถูก หรือ บางคนอาจจะต่างลักษณะไป จะมาเปรียบเทียบไม่ได้ ก็ฟังๆเป็นคู่สนทนาก็แล้วกันครับ

การจะขายดีๆ ขายได้มากๆ มันมีปัจจัยหลายอย่างครับ ทำเลก็สำคัญมาก ทำเลดี ถ้าต้องเช่าก็มีค่าใช่จ่าย เช่นถ้าเปิดที่ตลาด คนเยอะแน่ ต้องใช้พื้นที่ให้คุ้ม ถ้าจะเปิดในที่ของตัวเองก็คนน้อย ต้องใช้กำลังภายในมาก ถ้าทำได้อยู่ได้ ก็อยู่ยาว แต่ก็นั่นแหละ การที่ผู้มารับบริการเขาจะซื้อยา เขาก็ต้องเลือก ถ้าร้านไหนถูก ก็จะซื้อร้านนั้น แต่ถ้าให้ความสำคัญของการให้จัดยาให้ หรือ การสอบถามความรู้ เภสัชจะได้เครดิตดีก็ตรงนี้ เพราะฉะนั้นจุดแข็งของเราคือ เครดิต เภสัชมาเปิดร้าน ถ้าจะมุ่งขายแบบ Minimart นอกจากจะแข่งเรื่องราคา การตกแต่งร้านให้ดูสวยงาม และถ้าระวังไม่ดี ขโมย ต้องมีคนคอยดูแล สินค้าที่ประเภทเรียกหา ซื้อมาขายไป Margin น้อย ลงทุนมาก Stock มาก เงินจม และก็บอกได้เลย คุณเป็นเภสัช ชาวบ้าน เขาอยากให้คุณจัดยาให้มากกว่า ยาเรียกหา ใครๆก็หยิบขายได้ อย่าไปเน้นมาก

จะสังเกตว่าทำไม พยาบาล ทั้งผู้ช่วย และ พยาบาลวิชาชีพ อยากเปิดคลินิกกันนัก เพราะ Margin มันสูง เฉพาะค่ายาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เราลงไปถึงขนาดนั้น ไม่ใช่ แต่การจัดยาให้คนไข้ มันจะมีเรื่องของความถูกต้อง ความรู้ ความรับผิดชอบ ที่เราจะบวกเป็นค่า Royalty ได้ และ Margin มันอยู่ตรงนี้ ฉะนั้น ถ้ายอดขายไม่มาก แต่จัดยามาก Margin อาจจะสูงกว่าการขายสินค้าราคาแพง ในแต่ละวัน Software ที่เราใช้สามารถตรวจสอบได้ และถ้าประเมินยอดขาย สามารถวิเคราะห์เชิงธุรกิจได้ ในจุดนี้ได้ การวิเคราะห์การขายก็สำคัญ ต้องดูด้วยว่าสินค้าขายดีมีอะไรบ้าง สินค้ากำไรดีมีอะไรบ้าง การเปิดร้าน การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย การบริหารการขาย จุดคุ้มทุน พวกนี้เป็นธุรกิจประกอบกับจรรยาบรรณทางวิชาชีพครับ

คราวนี้มาดูว่าการที่ลูกค้าจะเชื่อถือคุณมากน้อยอย่างไร เครดิตคุณมีมากพอที่เขาอยากให้คุณจัดยาให้ไหม ก็มีปัจจัยหลายอย่าง สิ่งแรกครับ ชื่อเสียงที่สะสม การสร้างลูกค้า พูดต่อๆกันสำคัญมาก ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี แล้วแต่ ไม่แน่นอนครับ ภาพลักษณ์ ถ้าเดินเข้ามาในร้าน เห็นคุณเภสัชกร ใส่เสื้อยืด ร้องเท้าแตะ เป็นผมก็ไม่ไหว ไม่น่าเชื่อถือครับ อายุ เด็กๆก็มีส่วนครับ ก็ลองไปทำหน้าแก่ ใส่แว่นตา ดูๆเป็นนักวิชาการ คือดูเป็นหมอน่ะ พูดง่ายๆ ความน่าเชื่อถือก็จะมีมากครับ อาจารย์สมัยเรียนเขาจึงย้ำนักย้ำหนาว่าทำอะไรให้มันเป็น Proffesional Look หน่อย

ดูง่ายๆถ้าลูกค้าเข้ามาในร้านเรียกเภสัชกรว่า ตี๋ หมวย เฮีย เจ๊ หรือ เถ้าแก่ เอา Tiffy แผง คุณเภสัชกรฟังดูแล้วคิดอย่างไร แต่ถ้ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน หมอๆขอ Tylenol แผงสิ วันนี้ผมปวดเมื่อเป็นไข้ ช่วยจัดยาให้หน่อย มันฟังแล้วต่างกัน ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นคุณสามารถเช็ค Rating ของคุณได้ทุกวัน และถ้ามีลูกค้ามาให้คุณจัดยาให้มากขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่า ประสิทธิภาพในการจัดยาให้ของคุณดีขึ้น เป็นเภสัชทั้งที ประชาชนเขาให้เครดิตเรื่องการจัดยาครับ

คราวนี้การมองคนก็เป็นศิลปะครับ ถ้าสมัยผมต้อง เชอร์ลอคโฮล์ม ครับ คือลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน ถ้าเป็น เชอร์ลอคโฮล์ม ก็จะบอกได้เลยว่า เขามีลักษณะอย่าง ไร มาจากไหน อาชีพอะไร ฐานะอย่างไร ถ้าให้เก่งก็บอกได้เลยว่า ท่าทางเขาจะไม่สบายเป็นอะไร นักวิทยาศาสตร์ต้องเป็นคนช่างสังเกตครับ คนจนๆเราก็จัดยาให้อีกแบบ พวกมีอันจะกินก็อีกอย่าง พวกมีอันจะกินและก็ไม่เห็นหัวเรา เห็นเราเป็นพ่อค้าก็อีกอย่าง พวกนี้จะเอาอะไรก็ให้ได้ดั่งใจ ข้ามีสตางค์ซะอย่างก็ให้อีกอย่าง คนไหนดี พูดง่าย อธิบายให้เข้าใจ เชื่อถือเราก็อีกอย่าง พวกนี้เป็นศิลปะส่วนบุคคลครับ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าลืมนะครับ คุณกำลังปฏิบัติหน้าที่เภสัชกรชุมชน ต้องมีจรรยาบรรณพอควร ไม่ใช่พ่อค้า อย่าทำอะไรให้ภาพลักษณ์ของวิชาชีพเภสัชกรชุมชนในสายตาเขาตกต่ำ และก็คนจนๆ ก็สงสารเขานะครับ อย่าคิดแพง ทำบุญๆครับ

การจัดยาให้คนไข้ คุณต้องมีความรู้ครับ ไม่ใช่รู้แต่เรื่องยาอย่างเดียวครับ ผมถึงเคยพูดว่าความรู้ทางคลินิกสำคัญครับ การใช้ยาในเด็กและผู้สูงอายุต้องระวังมากเป็นกรณีพิเศษนะครับ ลูกเขาตาย พ่อแม่เขาตาย เขาจะเอาเราตายนะครับ ต้อง Saveๆ และระวังเอามากๆ ถ้าเป็นผู้สูงอายุผมพยายามใช้ยาเป็นแผงๆครับ และถ้าเป็นยาที่ชาวบ้านรู้จักก็ดูจะปลอดภัยกับตัวเองครับ เด็กๆผมให้ความสำคัญกับน้ำหนักครับ ถ้าเด็ก นน ต่ำกว่า 10 กก ต้องระวังการใช้ยานะครับ และถ้าเห็นไม่ดี บอกให้ไปโรงพยาบาลนะครับ อย่าไปเสี่ยง บางทีไม่คุ้มกับกำไรไม่กี่สตางค์  ถ้าหนังสือการใช้ยาในเด็ก เห็นมีหนังสือ คู่มือการใช้ยาในเด็ก ของ คณะแพทย์ ม.ขอนแก่น ก็เขียนเป็นคู่มือการใช้ยาในเด็ก ง่ายๆดีครับ

ฉะนั้นขายได้เงินน้อย แต่ได้กำไรมาก เหมือนคลินิก ถีงอยู่ได้ เวลาคิดราคา คนจนๆก็อย่าคิดแพง แต่การจัดยาให้บางครั้งเรากำหนดราคาได้เองไม่ใช่หรือครับ กำไรดี แต่ความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น อย่าไปแข่งขันด้านราคากับร้านหมอตี๋ทั่วไปเลยครับ

จุดแข็งของเราอยู่ตรงนี้ครับ  ไปร้านยาถามหาเภสัชกร และให้เภสัชกรจัดยาให้  ถ้าจะไปหาซื้อ Tylenol Tiffy Sara ไปหาร้านหมอตี๋ที่ไหนก็ได้ ที่ไหนถูกก็ซื้อที่นั่น บอกลูกค้าไปเลยครับ ตัวเราเองก็ไม่ต้องไปซีเรียสเรื่องการแข่งขันด้านราคา และร้านอยู่ได้ครับ

ขอบคุณ
แก้ไขล่าสุดโดย นิวัช เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย kumnungv » 29 พ.ค. 2008, 13:04

ได้ความคิดมากมายครับ :D ขอบคุณครับ ตั้งแต่ผมเลิกเป็นมนุษย์เงินเดือนก็มีความสุขขึ้นมากจริงๆครับ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย DrugCenter » 29 พ.ค. 2008, 13:51

แจ่มครับ  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
DrugCenter
 
โพสต์: 2502
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2005, 07:45
ที่อยู่: Drug Center ขอนแก่น

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย hmanoi » 29 พ.ค. 2008, 17:51

เห็นด้วยเลยค่ะ ถ้าจะมาซื้อ sara tylenol tiffy ลูกอม (สินค้าขายดีอันดับ 1) ซื้อที่ไหนก็ได้

ลูกค้ามาชมว่า ยาที่นี่ถูก ไม่ดีใจ
แต่ถ้าลูกค้ามาชมว่า น้องเภสัชจัดยาดีจัง ป้าหายเลย วันนี้ไม่สบายเลยมาซื้อใหม่ ไม่ยอมซื้อร้านหมอตี๋ข้างๆบ้าน รอมาซื้อกับน้องดีกว่า------> ปลื้ม :lol:

กะอีกคน มาซื้อยาคุมค่ะ ยังไม่เคยกิน แต่เพื่อนแนะนำว่าเภสัชร้านนี้แนะนำดี เลยมาปรึกษาค่ะ  ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่เสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาเป็นเภสัชกะเค้าทั้งที ดีใจจัง :P
hmanoi
 
โพสต์: 33
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2008, 13:07

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย morya » 29 พ.ค. 2008, 19:09

เยี่ยมครับไอเดียดีดีทั้งนั้นเลยครับ ได้ไอเดียเยอะเยอะมากมากครับ
morya
 
โพสต์: 241
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2007, 16:51

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย sukanya_rx19 » 29 พ.ค. 2008, 20:40

สุดยอดค่ะ พี่ Sigkaman ตกผลึกความคิดได้ลึกซึ้ง อ่านเเล้วมีกำลังใจไปต่อ 




ว่าเเล้ว ... ได้เวลาสานต่อว่ายน้ำทุกวันอาทิตย์ 555+ :lol: :lol: :lol: :lol:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sukanya_rx19
Global Moderator
 
โพสต์: 2148
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2005, 16:06
ที่อยู่: ยโสธร

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Manit » 29 พ.ค. 2008, 21:43

:t_up: :t_up: :t_up: :t_up: :t_up:

ให้ 5 ตัวเลยครับ
แพ้หรือชนะเริ่มต้นที่ความคิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Manit
 
โพสต์: 60
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2004, 20:00
ที่อยู่: นครพนม

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย mono » 30 พ.ค. 2008, 10:49

เยี่ยมมากๆๆเลยค่ะ      ขอบคุณนะค่ะสำหรับข้อคิดดีๆๆมีกำลังใจทำงานมากขึ้นเลยค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mono
 
โพสต์: 390
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2007, 19:29
ที่อยู่: ชลบุรี

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 30 พ.ค. 2008, 11:56

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1. การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2. การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3. การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4. เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5. การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6. การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7. การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8. จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
9. การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
10.การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
11.การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
12.การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
13.การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
14. การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน

  To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist 

  โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน 

อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง

  จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง
การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ

วันนี้เพิ่มเติม
ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้ 

สวัสดีตอนเช้าใน Pharmacafe ครับ

เมื่อวานผมพูดถึง  จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน ขอบอกตรงๆนะครับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดออกไปใน สภากาแฟ แห่งนี้ เป็นเพียงไอเดียร์ของผมซึ่งอาจจะถูก หรือผิด ได้เสมอ ที่พูดอย่างนี้ เพราะการที่จะพิจารณาว่าความคิดความเห็นนี้ถูกหรือผิด มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะปัจจัยของคำว่า Time คือเวลานั่นเอง ตอนเรียนฟิสิคส์แฟคเตอร์ของตัว  t  มีความสำคัญ ที่พูดเช่นนี้เพราะเมื่อเวลาต่างกัน t ต่างกัน จะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้  ตอนนั้นเราคิดว่าถูก แต่มาถึงตอนนี้มันอาจจะไม่ถูก และถามว่ามันถูกหรือผิดที่ตัดสินใจไปอย่างนั้น ก็คงบอกได้เพียงว่ามันถูกต้องแล้ว สำหรับเวลาขณะนั้น เพราะ มันถูกที่ตัว t มันเป็นค่านั้น แต่ตอนนี้ ตัว t มันไม่ใช่แล้ว

วันนี้ว่าจะพูดต่อเรื่อง Barcode แต่เห็นว่าน่าจะทวนในเรื่องที่เคยพูดไป เสริมๆ อีกสักนิด

การพัฒนา หรือความคาดหวังอะไรก็ตาม เราก็มักจะคาดหวังและมองไปข้างหน้า มากกว่าที่เราจะมองว่า มันจะเกิดได้หรือในปัจจุบัน สมัยเรียน ก็ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าจะมานั่งตรงนี้ จบใหม่ๆไฟแรงก็อยากทำ รพ ตอนนั้นยังไม่มีงาน สสจ รุ่นพี่ๆเราก็ไปเป็น เภสัชกรภาคอีสานกันซะส่วนใหญ่ เราก็ติดสอยห้อยตามไปเยี่ยมพี่ๆแก ตั้งแต่ปี 3 ตอนปี 4 ก็ไปอีก ไปฝึก รพ อีก พี่ๆที่เราเห็นหน้าเป็นแพทย์ ก็ชวนว่าจบแล้วมาอยู่ด้วยกัน แต่ชีวิตก็ผกผัน จบแล้วก็ทำงานอยู่แต่ในกรุงเทพ ไม่ได้ออกต่างจังหวัดตามอุดมการณ์ที่เคยตั้งใจไว้ ถ้าถามว่าตอนนั้นคิดผิดไหม ก็คงจะหวนไปหาคำตอบที่เพิ่งจะบอกไป คือ Factor ของตัว t มันต่างกัน ตอนนั้นน่ะคิดถูก แต่ตอนนี้จะมาบอกว่าถูกหรือผิดก็คงจะไม่ได้ เพราะว่า ตัว t ค่ามันเปลี่ยนไปแล้ว

ถ้าหันกลับมาในวิชาชีพเรา ผมเคย Post ไปด้วยความดุดันว่า
------------------------------------------------------------------------------------
ถึงเวลารึยังที่จะต้อง   - สงวนสิทธิ์อาชีพเภสัชกรชุมชน คือ การขอเปิดร้านยาเป็นของผู้ที่เป็นเภสัชกรเท่านั้น
ถึงเวลารึยังที่จะต้อง   - บังคับให้มีใบสั่งยามาที่ร้านยา แพทย์เขียนใบสั่งยาขายยาเองไม่ได้ เหมือนในต่างประเทศ
ถึงเวลารึยังที่จะต้อง   - ยกเลิกใบอนุญาต ขย 2 ที่มีจำนวนทั่วประเทศมากกว่า ขย 1 เท่าตัว
ถึงเวลารึยังที่จะต้อง   - มีเภสัชกรชุมชน ที่จบ 6 ปี เป็น Doctor of Pharmacy (Pharm D) มาปฏิบัติหน้าที่ทางวิชาชีพอย่าง 
                                  จริงจัง

เมื่อไหร่ถึงเวลานั้น เภสัชกรทุกคนอย่างพวกคุณๆ และตัวผม ซึ่งไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เห็นรึเปล่า คงจะนอนตายตาหลับซักที
------------------------------------------------------------------------------------

ขอบอกได้เลยครับ ผมมองไปในอนาคตครับ หลายคนก็คงรู้ดีว่า ถ้ามองในปัจจุบัน คงเป็นไปไม่ได้ ฝันไปเถอะ ว่าเอานั่น
จริงครับ แต่นั่นคือ เป้าหมายในอนาคต เราอยากให้ เภสัชกรชุมชน ได้ปฏิหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ตัวเภสัชเองก็ต้องมีความรู้ด้าน Pharmaceutical Care มากขึ้น การได้ใช้ความรู้ก็ต้องมี Prescription มาที่ร้าน นี่คือมองไปในอนาคต การพัฒนาวิชาชีพขององค์กรหลัก ในความคิดส่วนตัวผมว่าเขามองข้างหน้าครับ คงจะไม่มามองว่าปัจจุบันมันจะเป็นจริงได้อย่างไร ผมพูดเพียงเท่านี้ หลายคนคงจะเข้าใจ

หวนกลับมาเรื่อง  การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน  ตอนนี้ก็ใกล้สัปดาห์เภสัชแล้ว ใครมีความสามารถมีกำลัง จะขอใช้โอกาสนี้ เผยแพร่ความรู้ จะทำเป็นบอร์ด ป้าย หน้าร้าน หรืออะไรก็ได้ เสริมให้ความรู้กับชุมชน ก็แล้วแต่กำลังนะครับ

การ Update ความรู้  มีแนวทางหนึ่งที่เราสามาถทำได้ ก็คือ การรับ นศภ มาฝึกงานที่ร้านครับ ก็แล้วแต่ความพร้อมครับ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็ความรู้ที่ทันสมัยทางวิชาการก็ในมหาวิทยาลัยครับ ทันสมัยแน่ เด็กๆเขามาฝึกงาน ก็มักเอาชี๊ตเรื่องยาที่เขาเรียนในห้องเรียนมาด้วย บางครั้งผมยังขอมาถ่ายเอกสารเลยครับ แต่เราจะเสริมน้องๆเพิ่มได้นอกในตำรา ก็ได้ความรู้ใหม่ๆจาก นศภ ก็มีนะครับ และเด็กๆบางทีก้รู้ข่าวเร็วกว่าเราก็มีครับ

เขาบอกว่า การให้เป็นความสุขอย่างหนึ่ง การสอน นศภ ก็ได้บุญเหมือนเป็นการให้ อยู่ที่ทำงาน จะเอาเป็นเอาตายกัน วันไหนเอาอะไรไปให้ ไปฝากหน่อย ความรู้สึกดีๆก็จะตามมาครับ ก็ลองดูนะครับ

และถ้าถามผมว่าความรู้ทางคลินิกหาเพิ่มเติมได้อีกไหม ตอนผมเรียน พูดตรงๆครับ ไม่มีครับการสอนการซักประวัติผู้ป่วยซึ่งสำคัญมากในร้านยา การประเมินผลการวัดความดันโลหิต หรือ อาการโรคที่เป็นจุดเด่น คือ คนไข้มาที่ร้าน เห็นอาการอย่างนี้ พอจะสมมติฐานโรคได้ชัดขึ้น สมัยเรียนตอนนั้นเลยเชิญ อ.นพ.สุรเกียรติ ซึ่งเพิ่งจะเริ่มเขียน หมอชาวบ้าน มาสอน เชิญโดยสโมสรนักศึกษานะครับ ตอนนี้หนังสือของ อาจารย์ พิมพ์ปรับปรุงใหม่ก็หลายครั้งแล้ว ชื่อหนังสือ  ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป  และผมว่า หนังสือ  ตำราซักประวัติและตรวจร่างกาย  ของ นพ.สันต์ ก็ดีนะครับ ไม่ใช่หน้าที่ ที่ต้องไปตรวจร่างกาย แต่การซักประวัติคนป่วยที่มาที่ร้าน เป็นเรื่องสำคัญครับ

นั่นเป็นความรู้ทางการแพทย์ แต่ความรู้ทางร้านยาโดยตรง หาได้อย่างไร นอกจากได้จากประสบการ์ณที่เจอ หรือคนอื่นเล่าให้ฟัง มีสิ่งหนึ่งที่ผมจะบอกพวกคุณๆว่า ผมมักจะไปหลอกพวกฝรั่งให้ส่งไอ้นู่นไอ้นี่มาให้ผมที่ร้าน เช่น วารสารทางการแพทย์ วารสารทางเภสัช หรือไม่เว้นแม้แต่ Catalogue ของ Pharmacy ทั้งหลาย คือ พูดตรงๆ ที่ไหน Free ขอหมด ก็เพราะอะไร เมืองนอกเขาตกแต่งร้านยาอย่างไร เขามีอุปกรณ์ ประกอบ เสริม หรือขายในร้านอย่างไร เขาทันสมัยกว่าเรา เราจะได้ไอเดียร์เพิ่มเติม วารสารบางอย่างได้จากองค์กรการกุศล ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผมยังให้ลูกมันอ่านฝึกภาษาอังกฤษเลย คือ Free อย่างน้อยได้ดูรูป ดูว่าโลกภายนอกเขาเป็นอย่างไร ไปรษณีย์ที่มาส่งเอกสารที่ร้านผมประจำ ก็คงจะแปลกใจว่า ร้านนี้ทำไมมีซองเอกสารมาจากต่างประเทศอยู่เสมอ ๆ บางทีพวกก็มาเป็นถุงใหญ่ เป็นตัวอย่าง Packaging Unit Dose ซึ่งฝรั่งมักจะนิยม บ้านเราคงทำลำบาก เรื่องอื่นๆที่เป็นทางงานอดิเรก พักผ่อน ผมก็สนใจไปขอครับ

อ้อ! และที่ผมเขียนไป Refrigerator Bottle Thermometer ผมก็ได้จาก Catalogue ของบริษัทที่ขายของให้กับร้านยา Pharmacy ในอเมริกา ก็ขอไปพวกส่งมาให้เล่มเบ้อเล่อครับ ก็ได้ไอเดียร์ครับ เฉพาะ Tablet Cutter ก็มีหลากหลาย ไอ้ที่ขายบ้านเราก็มักจะไม่มี Safety Lock ก็ได้ไอเดียร์ประกอบการจัดการในร้านครับ Label ในนั้น ก็มีตัวอย่างครับ อย่าลืมไป Request Catalogue นะครับ เฉพาะการเก็บบันทึกอุณหภูมิก็มีหลายแบบ เป็น Wireless เป็น Data Logger เป็น USB Drive ก็มี คือไม่ต้องมาจดทุกวันครับ วางไว้ในตู้มัน Record ให้ทุกวันแล้วแต่จะตั้ง ว่างๆก็เอามาเสียบ USB Port พิมพ์ออกมาเป็นกราฟ บ้านเราก็มีขาย แต่แพง เกินความจำเป็น ไม่ดีตรงที่ไม่ตรวจเช็คทุกวัน เดี๋ยวตู้เย็นเสียไม่รู้เรื่อง

ขอแถมเรื่อง Professional Image สักนิด ก็คือว่า ถ้าลูกค้าที่เป็นขาประจำไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พวกที่เป็น First Visit นี่สำคัญมากครับ โดยเฉพาะต้องทำให้เกิด Good Impression ครับ คือ ประทับใจเมื่อแรกพบ งวดหน้าจะได้มาอีกไงครับ

คราวนี้มาพูดถึงการเพิ่มความเชื่อถึอ นอกจากภาพลักษณ์การแต่งตัวของเภสัชกรที่เคยพูดไปแล้ว องค์ประกอบอื่นๆก็ส่งเสริมครับ คือ ถ้าลูกค้ามาที่ร้านและบอกว่า ไม่เหมือนร้านอื่นเลย ไม่เคยเห็นว่าได้รับความใส่ใจ หรือได้รับการแนะนำอย่างนี้ ก็ใช่เลย ฉะนั้น การมีเอกสารแผ่นพับ การมีบอร์ด หรือภาพการแนะนำความรู้ การฉายวิดีโอ การติดฉลากช่วยที่หน้าซอง การแนบเอกสารการแนะนำการใช้ยาไปในถุง การได้รับยาหยอดตาที่เย็นๆออกมาจากตูเย็น หรือการผสมยาน้ำให้เด็กขณะนั้น สิ่งต่างๆพวกนี้เป็น Pharmacy Practice ที่ควรปฏิบัติให้ดูต่างออกไปจากร้านยาทั่วไปครับ

อย่างเช่นการผสมยาน้ำให้เด็ก ยาพวก Dry Syrup การผสมต้องปรับขนาดหลังจากเขย่ารอบแรกแล้ว เพราะ Dry Powder ละลายตัวปริมาตรลดลง เวลาผสมอธิบายไปด้วย สิ่งเหล่านี้ เราอธิบาย เขาจะรู้ถึงความแตกต่าง และจะบอกได้เลยในใจว่า ข้าคือเภสัชกร ตัวจริง รู้จริง ก็ตรงนี้แหละ

การเขียนฉลากยาก็สำคัญครับ สมัยเรียน อาจารย์มักจะสอนให้ เขียนฉลากยาแนะนำการใช้ ทำไมเราไม่ทำอย่างนั้น ยาน้ำถ้าจะเป็นขวดเป็นกล่องก็ให้กันทั้งอย่างนั้น เภสัชกรควรมีฉลากเขียนกำกับติดไปครับ ถ้าผมพูดอย่างนี้ หลายคนก็คงบอกว่าก็ลูกค้ามาบอกว่าจะเอา Actifed หรือ Sara รสส้ม หรืออะไรปานนั้น ผมถึงไม่ค่อยใส่ใจกับยาพวกนี้มาก และผมมีเฉพาะยาน้ำที่รู้จักบางตัว ไม่ Stock มาก เหตุผล เพราะ ไม่ค่อยอยากส่งเสริมให้ ชาวบ้านซื้อยาทานเอง โดยไม่เข้าใจในหลายๆอย่าง บางครั้งทานยาไม่ถูกกับโรค ทานยาขนาดผิด ผมจึงมักจะมียาน้ำที่จัดให้เป็นหลัก และมักเป็นขวดเปลือย No Name เป็นหน้าที่ของเภสัชกรที่จะต้องเลือกยาที่ดี ได้ผล เข้ามาใช้ในร้าน เวลาให้ก็จะเขียนฉลากยาน้ำ บอกชื่อตัวยา วิธ๊ใช้ ข้อควรรัวัง หรือแม้แต่ เขย่าขวดก่อนใช้ หรือ ยาเปิดขวดใช้แล้วมีอายุไม่เกิน 6 เดือน พวกนี้เราพิมพ์ฉลากยาน้ำเอง เหมือนสมัยเรียน เว้นช่องให้เติม เป็น Pharmacy Practice เต็มรูปแบบ และ Margin ก็อยู่ตรงนี้ครับ ถ้าหยิบ Dimetap ให้ลูกค้า เราจะเอ่ยปากแนะนำ ลูกค้าบอกว่า รู้ เคยทานประจำ จ๋อยไปเลยครับ

วันนี้ขอฝากบทเพลง จงรัก ที่ชอบร้องว่า 
โปรดอย่าถามว่า ฉันเป็นใคร เมื่อในอดีต
และโปรดอย่าถามว่า อดีตฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป
รักมากเท่าไหน กำหนดรักได้ เท่าดวงใจฉัน

เดี๋ยวหลายคนจะว่าวันนี้มาแปลก ที่ร้องอย่างนี้ ก็เพราะว่า เดี๋ยวนี้คนที่เรียนจบมาทางเภสัช จบอย่างอื่นก็มีมากขึ้น ก็เพียงแต่บอกว่า เมื่อคุณๆเข้ามาในวิชาชีพนี้แล้ว เราเป็นพวกเดียวกัน ก็คงไม่ต้องถามว่าอดีต คุณเคยรักใคร รู้ไว้อย่างเดียว ให้รักวิชาชีพเภสัช ตลอดไปก็แล้วกันครับ


ขอบคุณครับ
แก้ไขล่าสุดโดย นิวัช เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Manit » 31 พ.ค. 2008, 09:31

Sigkaman เขียน:ยาเปิดขวดใช้แล้วมีอายุไม่เกิน 6 เดือน


พี่ Sigkaman มีเอกสารอ้างอิงไหมครับ ผมพยายามหาข้อมูลเรื่องนี้มานานแล้วครับ ยังหาไม่ได้เลย
แพ้หรือชนะเริ่มต้นที่ความคิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Manit
 
โพสต์: 60
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2004, 20:00
ที่อยู่: นครพนม

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 01 มิ.ย. 2008, 11:26

สวัสดีครับ ตอนเช้าๆ อากาศแจ่มใส
เมื่อวานผมไปงานฉลองวันเกิด ผู้ใหญ่ ครบรอบอายุ 72 ปี ก็เลยได้หยุดพัก 1 วัน

วันนี้ เปิดร้านสักพัก เดี๋ยวคงพักเที่ยงถึงเย็นๆ ไปส่งลูกเข้าหอพักในมหาวิทยาลัย

มาอ่านในสภากาแฟ Pharmacafe ก็มานึกๆดูว่า สงสัยเราจะ Oldest รึเปล่า เขียนไปอะไรต่างๆนา ก็ดูจะแก่ๆไปซะหมด
ถ้าผู้ใด Older กว่าก็ขอความกรุณามาทักทายพูดคุยด้วยก็แล้วกัน

ที่พูดมาอย่างนี้ก็เพียงแต่จะบอกว่า ในชีวิตของคนเรา แต่ละช่วงชีวิตก็จะมีความวุ่นวายต่างๆกัน
เภสัชจบไม่นานมาเปิดร้าน ชีวิตก็ยังไม่มาก ก็คงจะวุ่นๆกับการสร้างหลักปักฐาน การหางาน หาเงิน หาคู่ครอง
หรือบางคนที่มีครอบครัวแล้วก็คงจะวุ่นกับเรื่องลูกเต้า ไม่เว้นแต่ละวัน
เด็กใหม่ๆก็คงจะเบื่อ จะเครียดกับการขายยา กับลูกค้าที่พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง หรือร้านอื่นๆใกล้เคียง
เครียดๆก็มาบ่นมาพูดใน Pharmacafe ก็ดีครับ จะได้ระบายออกซะบ้าง จะไปพูดคุยกับใครคนอื่นก็พูดไม่เข้าใจก็ต้องเป็นพวกเดียวกัน ทำงานเหมือนกัน

วันนี้อยากแชร์ไอเดียร์เรื่องทัศนคติต่อการทำงาน ต่อวิชาชีพเภสัชกรชุมชน ในสายตาผมนะครับ

ทุกอาชีพครับมีทั้งคนดีคนไม่ดี ในหลวงท่านตรัสไว้ ถ้ามีโอกาสเลือก ก็จงพยายามเลือกคนดีได้มีอำนาจก็แล้วกัน
เหมือนกันครับ เภสัชกรจบมามีทั้งดีและไม่ดี เห็นน้องๆบ่นๆว่า เภสัช สสจ บ้างล่ะ ทำตัวไม่เหมาะสมมีหน้าที่แต่ชื่อไปคุมร้านยา
หรือ เภสัชก็มักจะแขวนป้ายแต่ไม่เห็นหัว ทำให้ประชาชนตราหน้า ไอ้พวกเภสัชน่ะหรือ คือ พวกแขวนป้ายที่คอยแต่จะรับสตางค์กับเจ้าของร้านยาไงล่ะ แขวนป้ายแต่ไม่เห็นหัว
เภสัชโรงพยาบาลก็เหมือนกัน ตัวเองทำโรงพยาบาล ขออนุญาตเปิดร้านยาไว้ กลางวันก็เปิดร้านให้ใครขายยาอันตรายก็ไม่รู้ งกไม่เข้าเรื่อง ทำไมไม่เปิดเฉพาะตอนเย็นหลังเลิกงาน

ฟังๆแล้วมันหดหู่หัวใจไหมครับ มีแต่หนอนชอนไชวิชาชีพเภสัชกรชุมชนกันทั้งนั้น
เภสัชกรชุมชนที่มุมานะทำดีเพื่อวิชาชีพเภสัชกรชุมชนท่านคิดอย่างไร ท่านท่อแท้ไหมครับ พวกเภสัชด้วยกันเองทำลายวิชาชีพด้วยกัน เห็นไหมครับวิชาชีพเดียวกันมีทั้งคนดีคนไม่ดี คนที่มีความสำนึกผิดชอบชั่วดีทางวิชาชีพต่างกัน ไม่ทำดีแล้วยังทำลายอีก นี่หละครับคนในวิชาชีพเภสัชกร

อ่านแล้วโมโหจัดไหมครับ อย่าเลยครับ
ผมน่ะจะบอกว่า ปรงมานานแล้ว
ผมมองอย่างนี้ครับ เราพยายามมองแต่สิ่งที่ดี ที่ถูก ที่ควรครับ และก็มุมานะทำแต่ในสิ่งที่ดีครับ อยากให้น้องๆคิดอย่างนี้ครับ
การเปรียบเทียบกับสิ่งที่เลว ว่า คนนู้นทำได้ คนนี้ทำได้ ทำไมเราไม่ทำบ้าง อย่าไปคิดตามนั้น เดี๋ยวเราก็ทุกข์ ก็เลว ไม่มีความสำนึกผิดชอบชั่วดีทางวิชาชีพตามเขา อย่าเลยครับอย่าเอามาเป็นตัวอย่าง มันจะทำให้เราท้อแท้ครับ

และอีกอย่างพยายามเปรียบเทียบในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขครับ เช่น เราทำงานโชคดีกว่าคนอื่นตั้งเยอะตั้งแยะ ทำงานสบายไม่ต้องออกจากบ้าแต่เช้า ทำงานอยู่ในห้องแอร์บ้างล่ะ ไม่เบื่อที่จะต้องเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดีบ่างล่ะ ไม่มีเจ้านายบ้างล่ะ อิสระจะหยุดก็ได้ คือพูดง่ายๆว่ามองโลกในแง่ดี อยู่อย่างนี้ก็ดีกว่าเก่า มีงานทำ มีความสุขแล้ว  แค่นี้ก็พอสมควรตามกำลัง ค่อยเป็นค่อยไป รายได้ขนาดนี้ก็พออยู่ได้ ค่อยๆขยับขยาย คือพอเพียงพอควร ตามกำลังของเรา

ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดไปนี่ อยากให้ชีวิตเภสัชกรชุมชนของน้องใหม่ๆ มีความสุข มีความมุมานะไปในทางที่ดีที่จะพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชนได้ก้าวหน้าต่อไป อีกอย่างครับ พยายามพูดแต่ในสิ่งที่ดีครับ เราจะได้ฟังสิ่งที่ดีบ้าง ชีวิตจะได้แช่มชื่นครับ ไม่ใช่วันๆมาอ่านพวกๆบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ เบื่อวิชาชีพนี้มากๆ เลิกไปเลยครับ

การทำงานทุกอย่างมีอุปสรรค มีปัญหาทั้งนั้นครับ วิชาชีพอื่นเขาก็มีปัญหาครับ ไม่ใช่เฉพาะวิชาชีพเรา จบเภสัชเองทำงานด้านไหนก็มีปัญหาทั้งนั้น ก็มันเป็นชีวิต ต้องสู้ครับ สู้ยากสู้ง่าย มันก็คือชีวิตที่ต้องดิ้นรนของแต่ละคนครับ คนน่ะเรื่องใหญ่ แก้ยาก อย่างอื่นยังแก้ง่ายกว่า จริงไหมครับ พยายามหาทางออกครับ ไม่ได้ก็ปล่อยไว้ก่อน ทำเท่าที่ทำได้ครับ พยายามทำดีที่สุดตามหน้าที่นะครับ

วันนี้มาบ่นให้ฟังแค่นี้ครับ
ขอขอบคุณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ลาเต้

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document