New Document









แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

เภสัชกรร้านยา

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย mono » 01 มิ.ย. 2008, 11:38

ได้อ่ายแล้วยิ่งมีความพยายยามค่ะ  ต้องทำร้านยาคุณภาพให้สำเร็จ  ประชาชนจะได้เข้าถึงยาอย่างมีคุณภาพด้วย
เคยคิดท้อนะค่ะ  เพราะเห็นวิชาชีพเดียวกันบางคนยังแขวนป้ายกันอยู่เลย  บางคยทำงานรพ.เอกชนเงินเดือนมากมาย  ไม่รู้จะแขวนไปป้ายไปทำไมกันอีก  เงินที่ได้ก็มากแล้วน่าจะพอแล้ว        สงสารก็แต่ประชาชนที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองดียามเจ็บป่วย  ไปรพ.ก็ค่าใช้จ่ายสูง  หันมาพึ่งร้านยาบางร้านมีเภสัชกรมี่มีจรรยาบรรณก็ดีไป  แต่ถ้าเจอร้านอื่นไม่อยากนึก   



เฮ้อเมื่อไหร่วิชาชีพเดียวกันจะสามัคคีกันรักกันสักทีจะได้เห็นวันนั้นไหมหนอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mono
 
โพสต์: 390
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2007, 19:29
ที่อยู่: ชลบุรี







Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย kumnungv » 01 มิ.ย. 2008, 15:14

Sigkaman เขียน:
พยายามเปรียบเทียบในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขครับ เช่น เราทำงานโชคดีกว่าคนอื่นตั้งเยอะตั้งแยะ ทำงานสบายไม่ต้องออกจากบ้าแต่เช้า ทำงานอยู่ในห้องแอร์บ้างล่ะ ไม่เบื่อที่จะต้องเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดีบ่างล่ะ ไม่มีเจ้านายบ้างล่ะ อิสระจะหยุดก็ได้ คือพูดง่ายๆว่ามองโลกในแง่ดี อยู่อย่างนี้ก็ดีกว่าเก่า มีงานทำ มีความสุขแล้ว  แค่นี้ก็พอสมควรตามกำลัง ค่อยเป็นค่อยไป รายได้ขนาดนี้ก็พออยู่ได้ ค่อยๆขยับขยาย คือพอเพียงพอควร ตามกำลังของเรา
การทำงานทุกอย่างมีอุปสรรค มีปัญหาทั้งนั้นครับ วิชาชีพอื่นเขาก็มีปัญหาครับ ไม่ใช่เฉพาะวิชาชีพเรา จบเภสัชเองทำงานด้านไหนก็มีปัญหาทั้งนั้น ก็มันเป็นชีวิต ต้องสู้ครับ สู้ยากสู้ง่าย มันก็คือชีวิตที่ต้องดิ้นรนของแต่ละคนครับ คนน่ะเรื่องใหญ่ แก้ยาก อย่างอื่นยังแก้ง่ายกว่า จริงไหมครับ พยายามหาทางออกครับ ไม่ได้ก็ปล่อยไว้ก่อน ทำเท่าที่ทำได้ครับ พยายามทำดีที่สุดตามหน้าที่นะครับ




เมื่อก่อนเวลาทำงานหรือมีคนมาบ่นเรื่องเบื่องานเภสัช เหนื่อยต้องยืนจ่ายยาที4-5ชั่วโมงติดกัน อยู่เวรดึกก็อดนอน ก็จะเปรียบเทียบให้เขาฟังว่าเป็นเภสัชสบายจะตาย ทำงานชั่วโมงนึงได้ร้อยสองร้อย จบตรีอย่างอื่นทำทั้งเดือนได้8000 บางคนแบกข้าวสารทั้งวันได้ร้อยกว่าบาท

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับทัศนคติเรื่องนึง เป็นเรื่องของการออกค่ายอาสาของรร.แห่งนึง
นักเรียนไปออกค่ายในชนบทไปช่วยเขาสร้างอาคาร เมื่อเสร็จจากงาน ตอนเย็นชาวบ้านก็เชือดหมูเชือดไก่ ทำอาหารมาเลี้ยง นักเรียนคนนึงกินอย่างอร่อย ชมให้ชาวบ้านฟังว่าอาหารอร่อย โดยเฉพาะลาบอร่อยมากๆ เลยถามว่ามันเป็นลาบอะไร พอคนทำอาหารบอกว่าเป็นลาบแย้ นักเรียนคนนั้นก็รู้สึกอยากอาเจียนทันที ทั้งทีตอนที่ไม่รู้ว่าเป็นแย้ก็รู้สึกดีกับอาหารจานนี้
เหมือนคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน ตัวอีกัวน่าคนส่วนใหญ่เรียกว่า อีน่ากลัว แต่ในคนที่ชอบพวกนี้ เวลามองแล้วมันรู้สึกสวยงามจริงๆ 555....

ดังนั้นในการทำงาน ทัศนคติมีความสำคัญ ที่จะทำให้คนนั้นมีความสุขกับงานที่ทำหรือเปล่า คนที่ไม่ชอบงานที่ทำ จึงมีทางเลือกแค่2ทาง คือเปลี่ยนงาน หรือจะเลือกเปลี่ยนทัศนคติที่มีกับงานมากกว่า
หรือถ้าจ้างผู้ช่วย ควรเลือกคนที่มีทัศนคติที่ดีต่องาน เพราะทัศนคติเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม งานสอนได้ง่าย เปลี่ยนทัศนคติคนไม่ง่าย
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย apotheker » 01 มิ.ย. 2008, 17:41

เอาเรื่องมาเล่าบ้าง
ในการสัมภาษณ์งานวันหนึ่งมีพนักงานมาสมัคร2คน
โดยรวมแล้วก็สูสีกันทั้งบุคลิก วุฒิการศึกษา ประสพการณ์ ก็เหลือแต่การสอบสัมภาษณ์ว่าจะเลือกใคร

คำถามเดียวกันง่ายๆคือ ที่ทำงานเก่าเป็นอย่างไร

คนแรก
ที่ทำงานเดิมไม่ไหวเลยพี่ มีแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เผลอไม่ได้ แค่หันหลังให้ก็นินทากันแล้ว หัวหน้าก็หูเบาแถมหัวงูอีกตะหาก แล้วของมีค่านี่เผลอวางไม่ได้นะพี่โทรศัพท์มือถือหนูยังหายไปเครื่องนึง
แล้วที่นี่ละคะพี่เป็นไง
ผู้สัมภาษณ์
อ๋อ ก็เหมือนๆกันแหละครับ  

คนที่สอง
ที่ทำงานเก่าหนูดีมากเลยพี่เสียดายว่าบริษัทแม่เค้าย้ายฐานการผลิต เลยเลิกกิจการไป ที่นั่นเค้าดูแลเหมือนพี่เหมือนน้อง ตอนเที่ยงเลิกงานก็ไปทานข้าวด้วยกัน ที่ทำงานก็จัดเป็นสัดส่วนโต๊ะใครโต๊ะมันไม่ปนกัน
เนี่ยตอนรู้ว่าต้องปิดบริษัทยังร้องไห้เสียดายกันอยู่เลย แต่พวกหนูก็ยังติดต่อกันอยู่นะคะ แล้วที่นี่ละคะพี่ เป็นไง
ผู้สัมภาษณ์
อ๋อ ก็เหมือนๆกันแหละครับ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 02 มิ.ย. 2008, 10:57

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1. การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2. การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3. การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4. เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5. การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6. การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7. การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8. จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
9. การสร้างเครดิตของร้านยาเภสัชกรชุมชน
10. การสร้างทัศนคติที่ดีในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
11. การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
12.การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
13.การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
14.การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
15.การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
16. การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน

  To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist 

  โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน 

อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ดี ทีถูกต้อง 

  จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง
การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ

ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้ 

วันนี้เพิ่มเติม
   การมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มองโลกในแง่ดี มีใจรักในงานที่ทำ ชีวีมีสุข  มีการพัฒนา

สวัสดีตอนเช้าๆครับ
ทุกๆวันจันทร์ โลกของการจราจรมีความจอแจ รีบเร่ง ทุกคนมีภารกิจ มีธุระ ก็ชีวิตนี่ครับ ก็ต้องวุ่นวายอย่างนี้หล่ะครับ

วันนี้เข้ามาคุยในสภากาแฟแบบสบายๆตามเคย

เหมือนเดิมครับ เช้าๆผมก็มีภารกิจ สักพักก็ไปออกกำลังกาย สบายๆให้ได้เหงื่อ สมองโล่งๆ แล้วก็มาเปิด Office จะมีลูกค้าสักพัก
มานั่งทานน้ำผลไม้อาหารว่าง เปิดเพลงบรรเลงสบายๆ เช้าๆได้ดูต้นไม้เขียวๆก็ดูสดชื่น
ช่วงนี้ดูข่าวน้อยลง เว้นไปดูตอนใกล้ๆสี่ทุ่มแทน เช้าๆไม่อยากให้มีเรื่องเครียดๆมาทำให้ใจไม่สบาย
เมื่อก่อนเช้าๆตอนขับรถไปทำงานก็จะฟังข่าว บางวันก็เบื่อๆอยากแช่มชื่นตอนเช้าๆก็เปลี่ยนเป็นฟังเพลงเช้าๆแทน รู้สึกแจ่มใสดี

อยู่ร้าน ช่วงไหนเครียดๆ เหนื่อยๆ ก็เปิดเพลงเบาๆในร้าน โดยเฉพาะใกล้ปิดร้าน อะไรๆก็ดูครายๆลง ค่อยหายเหนื่อยนะครับ

วันนี้จะมาคุยความลับอะไรให้ฟังครับ ผมน่ะมีเพื่อนๆพี่ๆหลายๆคนเปิดร้านยา ก็ส่วนใหญ่จะเปิดมานานกว่าผมเยอะ เจอทีไร ถามว่าทำไมไม่คิดจะพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ จะได้เป็นเกียรติให้กับร้าน เป็นเภสัชกรมาเปิดร้านเองน่าจะง่าย
พวกๆบอกยังไงก็ไม่ทำครับ แต่ก็มีบางคนก็แวะมาที่ร้านครับ คุยไปคุยมา บอกว่า  กลัวว่ะ กลัวว่าร้านยาใหม่ๆ จะเอาตัวอย่างมึง พัฒนาร้านให้เป็นร้านยาคุณภาพกันหมด กูก็แย่นะสิ ?
บางคนก็บ่นว่า  ต้องลงทุน ทั้งๆที่ร้านพวกนี้ เปิดมานานแล้ว ลูกค้าเยอะ รวยกว่าผมตั้งเยอะ ว่านั่น
บางคน นอกจากจะคุยๆ แถมเกทับว่า  ข้าน่ะ เปิดมานานก่อนเอ็ง ข้ารู้ดีกว่าเองนะเว้ย

อย่าไปสนใจเลยครับน้องๆ ไอ้ร้านที่เปิดมานานแล้ว รวยกว่าผมเยอะ ลูกค้าก็มากกว่า แค่จะลงทุนพัฒนาร้านยาให้ดีขึ้นมันซักกี่สตางค์กันเชียว น้องใหม่ๆ ร้านใหม่ๆไปอย่าง

และไอ้ร้านเพื่อนๆผม มันไม่คิดจะพัฒนาให้ได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ ปากก็พูดอย่างนู้น อย่างนี้ ไม่เห็นด้วยในหลักการ อย่างนู้นไม่ดี อย่างนี้ไม่ดี ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันถูกหลักวิชาการที่เรียนมา
บอกความลับได้เลยครับ พวกนี้ น่ะ  ให้ความสำคัญกับธุรกิจ มากกว่าวิชาชีพครับ 

ผมเคยแวะเวียนไปเยี่ยมร้านพวกนี้ รู้ดีครับ พวกๆ หมกเม็ดไว้เยอะครับ ไม่ว่าจะเก็บยาสต็อคไว้เยอะๆชั้นบนๆร้าน ร้อนๆก็มีครับ  สต็อกเพื่อเอาโปรโมชั่น ไปเที่ยว แถมคุยอีกครับ  ร้านขายดี ได้ไปเที่ยว เมืองนอกประจำ
หรือ พวกขายส่งครับ จัดยาชุดครับ ขายให้ร้านโชวห่วย เป็นร้านขายส่งรายใหญ่ในจังหวัดครับ แล้วนี่ เภสัช สสจ รณรงค์ไม่ให้จัดยาชุด แต่พวกเภสัชร้านขายส่ง จัดขายให้กับร้านโชวห่วยซะเอง นี่ไงครับ ไม่ช่วย แต่ทำลาย หนอนร้ายของเภสัชกรชุมชนครับ

ร้านที่เปิดมานานมีจุดบกพร่องที่พัฒนาร้านให้เป็นร้านยาคุณภาพได้ลำบาก มีหลายประเด็นครับ คือ
1. ทางร้านมีผลประโยชน์ที่หมกเม็ด ไม่อยากเสียผลประโยชน์ตรงนี้ไป เช่น จัดยาชุดขายร้านโชวห่วย
2. จำนวนสินค้ามีมาก เนื่องจากต้องการโปรโมชั่น บริหารจัดการยาก
3. ไม่มีความสันทัดในการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้
4. เกรงว่าทำแล้วลูกค้าจะลดลง กลัวขายได้ช้า ยุ่งยาก และตัวเองก็ขายดีอยู่แล้ว

ฉะนั้นร้านพวกนี้ โดยเฉพาะร้านที่เภสัชขายเองก็มีจุดอ่อน
เพราะฉะนั้นร้านเภสัชใหม่ๆที่มาเปิดร้าน ได้เปรียบครับ
และก็บอกได้เลยครับ ร้านพวกนี้ ร้านที่เภสัชเปิดมานาน หรือ ร้านหมอตี๋ทั่วไป กลัวว่าจะเกิดร้านยาคุณภาพมากๆขึ้น กระทบกระเทือนต่อร้านตัวครับ ดูสิไม่เว้น ถึงต้องฟ้องร้องสภา ให้เป็นเรื่องเป็นราว อ่านแล้ว ไอ้พวกนี้ มองแต่ผลกระทบต่อธุรกิจของตัวเอง มากกว่าผลดีที่ประชาชนจะได้รับ

ผมถึงบอกว่า ถ้าร้านยาเปิดใหม่ มีความพร้อม ถ้าเรื่องกำลังเงินมีพอควร ตั้งเป้าเลยครับ การตั้งเป้าหมายนอกจากจะทำให้เรามุ่งมั่นแล้ว ถึงแม้เราจะเครียดเรื่องอื่นๆ เช่น ลูกค้าพูดไม่ดี ยอดขายไม่เป็นที่น่าพอใจ ความคิดความเครียดก็จะได้มุ่งเป้าไปที่การพัฒนาครับ ทำให้มีกำลังใจ เรามีข้อได้เปรียบครับ
1. ร้านยังใหม่ การจัดการ ความเรียบร้อย ดูง่ายกว่าครับ
2. สินค้ามีไม่มากครับ การควบคุมและจัดการง่ายกว่ามากครับ
3. คนรุ่นใหม่เก่งคอมพิวเตอร์ครับ เพราะการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยบริหารจัดการ จำเป็นครับ

การได้รับการรับรองมันจะเป็นเครดิตที่เรานำไปต่อกรกับร้านเก่าๆได้ครับ ร้านที่เปิดมานานๆ การที่จะดึงลูกค้ามาสนใจเรา ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ฉะนั้นการนำเอาความแตกต่าง ที่เรียกว่า To be Different นอกจาก Immage และ Good Pharmacy Practice มาเป็นตัวดึงแล้ว ถ้าได้รับการรับรองว่าเป็นร้านยาคุณภาพ ก็ถือได้ว่า ร้านน้องๆได้รับการยกระดับขึ้นสังเวียนกับร้านเก่าๆเลยครับ ถึงแม้จะต่อสู้กับร้านเภสัชเก่าๆที่มุ่งการขายมากกว่าวิชาชีพก็ตาม แต่เราเอาชนะร้านหมอตี๋ได้เลยครับ พูดได้ว่า ได้รับกระบี่อาญาสิทธิ์มาเชียวนะครับ ว่าไปนั่น

ส่วนกรณีการปรับปรุงพัฒนาร้าน บางอย่างเราก็อาจจะต้องมีเทคนิคเพื่อลดต้นทุน แต่หลักการต้องให้ได้ และถูกต้อง
แต่ถ้าคิดว่าจะเปิดร้านไปตลอด มาทางนี้ ถูกต้องแล้วครับ เราเป็นเภสัช ถ้าเริ่มต้นในสิ่งที่ถูกที่ควร จะทำให้เราเคยชิน และปฏิบัติได้ถูกต้องไปตลอด

อย่าไปเปรียบเทียบกับร้านที่ขายดี แต่ไม่ถูกต้อง ถูกวิธีการ ถ้าน้องๆเป็นเภสัชไปฝึกงานร้านพี่ๆเภสัชที่ขายดี แต่ไม่ได้พัฒนาทำเป็นร้านยาคุณภาพ ภาพลักษณ์และทัศนคติก็คงจะมุ่งเน้นไปว่า ร้านเภสัชกรชุมชนที่ดี ต้องเป็นร้านที่ขายดี อยากคิดจะมาเปิดร้านก็เพราะว่าขายดี กำไรดี ทัศนคติที่จะมาทำให้วิชาชีพเภสัชกรชุมชนมันดีขึ้น จิตสำนึก การช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือที่เรามักจะบอกว่า ร้านยาเป็นที่พึ่งคนจน หรือความคิดที่จะมาใช้ความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมาก็จะลดลง

แน่หละ ร้านต้องอยู่ได้ แต่ต้องพอสมควรครับ ชุมชนอยู่ได้ ร้านอยู่ได้ การเปิดร้านยาก็ต้องเป็นธุรกิจที่มีจรรยาบรรณพอควรครับ

เรื่อง Barcode จิ๊บจ๋อยครับ ไว้ค่อยๆพูดกันตามานะครับ
วันนี้คุยแค่นี้ครับ
ไปแล้วนะครับ
สวัสดี
แก้ไขล่าสุดโดย นิวัช เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 03 มิ.ย. 2008, 11:02

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1. การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2. การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3. การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4. เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5. การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6. การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7. การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8. จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชนiรุ่นใหม่
9. การสร้างเครดิตให้กับร้านยาเภสัชกรชุมชน
10. การสร้างทัศนคติที่ดีในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
11. การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
12. การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
13. การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
14. การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
15. การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
16. การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน

  To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist 

  โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน 

อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ดี ทีถูกต้อง 

  จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง
การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ

ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้ 

การมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มองโลกในแง่ดี มีใจรักในงานที่ทำ ชีวีตมีสุข  มีการพัฒนา

สวัสดีตอนเช้าๆครับ

วันนี้เข้ามาคุยในสภากาแฟแบบสบายๆตามเคย เช้านี้ทานกาแฟกับ ข้าวต้มมัดใบจาก 2 ห่อ เช้าๆมักจะทานง่ายๆ ผมชอบที่มีถั่วดำเยอะๆ

เมื่อวานคุยเรื่อง กระบี่อาญาสิทธิ์ เมื่อไหร่ได้มา ถ้าใช้ไม่เป็น ก็บ้อท่าอีกเหมือนกัน ไว้ค่อยคุยทีหลังสำหรับเรื่องนี้

วันนี้คุย ปัญหาคาใจของ สุกัญญา ให้ฟังซะหน่อย

ถ้าเป็นร้าน ขย 2 ยาที่ขายได้ก็เป็นพวกยาบรรจุเสร็จ ยาเม็ดก็คงต้องขายเป็นแผงๆ กล่องๆ จะมาแบ่งนับเม็ดใส่ซองไม่ได้ใช่ไหม

ยาน้ำก็เหมือนกัน จะต้องขายเป็นกล่องๆ ซึ่งปกติคนขายไม่มีความรู้เท่าไหร่ จำเป็นต้องขายพร้อมวิธีใช้เป็นกล่องๆตามนั้น.ใช่ไหม

ยาครีมแน่นอนอยู่แล้ว แม้แต่ร้าน ขย 1 ก็ห้ามซื้อมาเป็นกระปุก มาแบ่งใส่ตลับ เหมือนคลินิกที่ชอบทำกัน แถมไม่บอกหรือเขียนชื่อตัวยาอีก หมกเม็ดทางธุรกิจ .กำไรมาก ใช่ไหม

และถ้าถามว่า ร้าน ขย 1 ขายยาแบบเปลือยๆได้ไหม ถ้าเป็นเภสัชจ่ายยาเอง ก็จ่ายนับเม็ดใส่ซอง เขียนชื่อตัวยา และรายละเอียดกำกับได้อยู่แล้ว และก็ทำกันตลอดในร้านยา กำไรมันอยู่ตรงนี้

ถามว่ายาเม็ดที่จ่ายไป เปลือยไหม เปลือย

และไอ้ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ไม่ใช่เภสัชจัดยา หมอตี๋เยอะแยะนับเม็ดใส่ยา แบ่งจากขวดใส่ซองกันเกร่อน่ะ มันทำได้ไหม

และยาน้ำล่ะ เวลาสั่งยาถ้าเราสั่งมาไม่มีกล่องเป็นลัง 50 ขวด ยาน้ำทุกขวดมีฉลาก Lot No วันหมดอายุ และรายละเอียดติดหมด ใช่ไหม ไม่ใช่ล้อนจ้อน เปลือยจริงๆ ใช่ไหม
ทุกขวดจะไม่มีก็ใบแทรกแนบเหมือนมีในกล่องใช่ไหม หรือใบแทรกก็อยู่ในลังหลายๆใบ ซึ่งบางชนิดก็ติดใบแทรกที่ขวดก็มี  .ใช่ไหม

ถ้าเป็นคลินิก สมัยก่อนพวกซื้อมาเป็นแกลลอน มาเทแบ่งใส่ขวดยาพลาสติกขาย ไม่บอกรายละเอียด กำไรบานตะไพ แถมไม่รู้อีกว่าเป็นยาอะไร หมกเม็ดทางธุรกิจ ยังไงๆอยากได้ก็ต้องไปที่เก่า ยานอกมีชื่อแพงๆ ไม่มีหลอกครับ ถูกเข้าว่า จริงไหม

เป็นเภสัชถึงบอกว่า คุณต้องเลือกยาเข้าร้าน ให้ดูดี น่าใช้ ใช้ง่าย ได้ผลในการรักษา ซื้อบริษัทยาที่ได้ GMP หรือ ถ้าซื้อกับยี่ปั๊วก็ต้องดูด้วยว่า ให้ความสนใจกับการส่งยา แพ็คยา ไม่แตก ไม่ร้อน
ถูกจริง แต่ยาที่มาเสื่อมๆ ก็ไม่ไหว ยาที่เราต้องรับผิดชอบมากหน่อย ซื้อจากบริษัทชัวร์กว่า อายุยาวกว่า และการเสื่อมก็ลดลง

ถ้าจะให้ถูก Pharmacy Practice ไม่ว่ายาน้ำจะมีกล่อง หรือไม่มีกล่อง เวลาคุณ Dispense เหมือนยาเม็ดครับ ควรเขียนรายละเอียดกำกับการใช้ยาคนไข้เฉพาะรายบุคคล จะให้ลูกค้าอ่านวิธีใช้แบบเหมารวมที่ข้างกล่องไม่ได้ เหมือนในโรงพยาบาล ยาเม็ดเป็นแผงเป็นกล่อง ยาน้ำก็เหมือนกัน มีรายละเอียดวิธีใช้แล้ว ยังต้องติดฉลากยา ชื่อบุคคล วิธีใช้ และสิ่งอื่นๆกำกับ เป็น Pharmacy Practice ครับ ถ้าไม่สบายใจ เวลาคุณจ่ายยาแบบไม่มีกล่องไป แนบใบแทรกให้ไปพร้อมด้วยก็ได้ครับ แต่มันแปลกๆนะ

ชั้นยาถ้าวางเรียงไม่ดี ยาน้ำไม่มีกล่องหล่นมาแตกง่าย ผมน่ะหล่นประจำแต่ผมไม่ค่อยแตกครับ เพราะว่าหน้าฐานชั้นวางยา ผมจะปูผ้าหรือพรม ที่นี่ใช้หญ้าเทียมที่เป็นพลาสติก ที่ใช้ปูพื้นสนามฝึกกอร์ฟในบ้าน ผมอยู่ในร้าน กันพื้นที่แยกส่วนครับ และผมก็ถอดรองเท้าใส่แต่ถุงเท้าในร้านใน Office ครับ กันส่วนลูกค้า พื้นที่ของผมมากหน่อย เพราะดิ้นๆนอนๆจัดยา แกะกล่องยาทั้งวัน พื้นที่ของลูกค้า ไม่จำเป็นต้องมาก มาเดี๋ยวก็ไป กันไม่ให้มาหยิบยาเอง และก็กันพวกมาถึงตัว กันของหาย กันทั้งโรคภัยคนป่วย และลูกกระสุนปืนเวลามาจี้ครับ

จริงอยู่ถ้ามองในแง่คุ้มครองผู้บริโภค จำเป็นต้องให้คนไข้รู้รายละเอียดหมด แต่ผมว่าควรมีข้อยกเว้น และข้อจำกัด เหมือนการที่เราไปโรงพยาบาล นอนโรงพยาบาล ได้รับการรักษา ได้รับยา หรือ วิธีการบำบัดอะไร เราอยากถามอยากรู้ก็ทำได้ครับ แต่เวลาเขาให้ยา ให้การบำบัดอะไร คนที่ให้บริการเขาให้เอกสาร ให้รายละเอียดหมดทุกคน ก็ไม่ไหวครับ คือแล้วแต่กรณี ถ้าอยากรู้ก็ถามหรือขอรายละเอียดได้ ยาที่เราจ่ายเป็นแผงๆตามโรงพยาบาลถ้าจะเอาตามนั้น มิต้องแนบใบแทรกที่มีในกล่องไปกับทุกคนหรือ

แต่กระนั้นก็ตามเวลาเราแบ่งยาเม็ดใส่ซอง หรือปิดฉลากยาน้ำไปที่ขวด ไม่ว่าจะชื่อการค้าอะไร สำคัญต้องบอกชื่อต้วยาสำคัญหมดครับ ยาน้ำ ยกตัวอย่าง Para 250, Para 160, Cetirizine, BPM+PE, Amcl+Diphen,CPM,Loratadine,Carbocysteine 250,Ambroxol อะไรต่างๆนาๆ เหมือนเขียนที่ซองยาเม็ดครับ ติดฉลากช่วย หรือสิ่งอื่นๆตามที่ควรจะเป็น

ถามว่า ถ้าเป็นยาเม็ด ถ้าใส่ซองเขียนชื่อตัวยา และบอก Lot No,Exp รึเปล่า คงไม่ต้อง แต่ถ้ายา Refill ใส่กระปุกพลาสติกสีชา ถ้าเขียนได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ต้องมีรายละเอียดในฉลากยา หรือเป็นฉลากช่วยติดว่า ยาหมดอายุ 1 ปี หลังจากได้รับ ถ้าไปดูฉลากช่วยต่างประเทศก็มีอย่างนี้ครับ เมืองนอกใช้ระบบ Refill มาก

ถ้ายาน้ำล่ะบอกได้เลยครับ อาจจะแกะฉลากยาที่เราติดไปก็ดูรายละเอียดได้ทุกอย่าง แต่ยาเม็ด 1 ปีหลังจากจ่ายแบ่งจากขวด กรณีที่ อายุ Exp ระบุต่ำกว่าปี ก็กำหนดตามอายุนั้น

ยาเม็ด 1 ปี ยาน้ำเสื่อมง่ายกว่า หมดอายุ 6 เดือน หลังเปิดฝาขวด แต่ถ้าไม่เปิดก็ตามวันหมดอายุถ้าเก็บดี รู้กันอยู่แล้ว
ยาครีมก็ควรจะ 1 ปี หลังเปิดหลอดใช้แล้วครับ

เห็นมีน้องถามว่ามี Reference ไหม ผมดูจากเมืองนอกครับ และยาน้ำเคยเห็นห้องยาของ รพ จ.เลย ถ้าจำไม่ผิดใช้ 6 เดือนเหมือนกัน ไม่มีเวลาค้น Reference ให้ ดูระยะเวลามันก็ Reasonable ใช้ได้ เรากำหนดเองคิดว่าเป็นข้อแนะนำเฉพาะของร้านก็ได้ ถ้ากลัวผิด

สุกัญญา เอ้ย งวดหน้า ไม่แน่ใจ ถามเลย ไม่ต้องไปกระซิบถาม Apotheker หรือ Paopong ข้างนอกห้องก็ได้ พูดตลกๆนะ

มีคนบอกใส่กล่องดูสวย ก็จริงครับ ได้ทั้งนั้นครับ แต่ถ้าให้เป็นกล่อง งวดหน้า พวกไม่สบาย จะมีอาการข้างเคียงอื่น จะถูกหรือไม่ถูก ก็ต้องให้ตามนั้น เดินๆเข้ามา พวกชี้ยาน้ำที่พวกคุณๆโชว์ให้เขาเห็นครับ แหมจัดวางชั้น เรียงยาน้ำซะสวยเชียว ดูเป็นระเบียบเปี๊ยบ และก็จะเลือกใช้ยาเองครับ เภสัชก็เถอะพวกไม่สนก็ข้าเคยทานแล้วหายล่ะ จะเอาอย่างนี้ ขายไม่ขาย ว่าไงเภสัช พูดเหมือนไหมครับ

ได้อย่างเสียอย่าง แต่ถ้าคุณไม่ขาย อีกอย่างครับซึ่งสำคัญมาก คนอยู่ร้านทุกคนรู้ คือพวกเอายานั้นไปหาที่ร้านอื่น วันดีคืนดี คุณบอกว่าขายได้กำไร ดูใส่กล่องมีราคา พวกบอกว่าร้านอื่นขายถูกกว่า พวกมาบ่น คุณเสีย หรือหน้าแตกไหมครับ

วันนี้เป็น ศิราณี ให้สุกัญญา พูดมากซะเหนื่อย ผลัดเรื่องอื่น ต่อไปอีกตามเคย
เอาแค่นี้ครับ ไปแล้วนะ สุกัญญา สบายใจรึยัง
ฮั่นแน่ ยิ้มแล้ว
สวัสดี
แก้ไขล่าสุดโดย นิวัช เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 04 มิ.ย. 2008, 11:20

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1.    การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2.    การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3.    การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4.    เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5.    การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6.    การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7.    การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8.    จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชนiคนรุ่นใหม่
9.    การสร้างเครดิตให้กับร้านยาเภสัชกรชุมชน
10. การสร้างทัศนคติที่ดีในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
11. ยาน้ำมีกล่อง VS ยาน้ำไม่มีกล่อง

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
12.    การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
13.    การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
14.    การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
15.    การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
16.    การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
17.    การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน

  To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist 

  โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน 
อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ดี ทีถูกต้อง 

  จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง
การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ
ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้ 

การมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มองโลกในแง่ดี มีใจรักในงานที่ทำ ชีวีตมีสุข  ร้านยามีการพัฒนา

***************************************************************

สวัสดีครับ ตอนเช้าๆ
มาคุยทุกวัน เบื่อหน้ารึยังครับ

คนแก่ขี้เหงาก็อย่างนี้ล่ะครับ เช้าๆเดินออกมานอกบ้านริมถนน
สั่งกาแฟร้อน 1 แก้ว พร้อมปลาท่องโก๋ 2 ตัว นั่งเก้าอี้คุยในสภากาแฟ Pharmacafe ว่าไปนั่น

วันนี้ขณะที่ผมกำลังคุยกับท่านๆอยู่ ผมเปิดเพลงยุค Sixty ชุด Golden Oldies เป็น MP3 ที่ลงอยู่ในคอมพิวเตอร์ แหมเพลงโปรดเข้ากับฤดูกาลครับ Crying in the Rain และกำลังร้องต่อ Tennessee จังหวะ Waltz ต้นแบบของการเต้นรำครับ ไอ้ที่ชอบมากกว่านั้นก็ All for the Love of A girl คุยให้ฟัง คนมีความหลัง (The girl ครับที่คิดถึง ไม่ใช่ A girl) คุยเล่นๆ จะได้สบายๆครับ

วันนี้จะมาบอกได้เลยว่า การเปิดร้านยา กำไร อยู่ที่การจัดยาเป็นหลัก เภสัชจะได้เปรียบก็ตรงนี้ครับ แหมตาลุกเชียว  คนอื่นที่ไม่ค่อยรู้เรื่องยานัก ไม่ค่อยแน่ใจ โดยเฉพาะหมอตี๋ทั้งหลาย โดยเฉพาะที่หน้าใหม่ จัดยาได้ก็เฉพาะที่เคยฝึกมาเป็นหลัก ลูกเล่นที่ต่างออกไปคงทำไม่ได้ ก็เลยไปเอากำไรกับพวกอาหารเสริมและเครื่องสำอางค์

คราวนี้ถ้าคุณเป็นเภสัช อุตส่าห์ร่ำเรียนมาแทบตาย ใครๆเขาบอกว่ารู้เรื่องยาดี เอาอย่างร้านหมอตี๋ทั่วไป จัดยารักษาคนไม่เป็น จัดยาทีก็จะใช้ยาตามวิธีใช้ที่กล่องตามฉลากที่บอก ก็คงไม่ต่างกัน

อย่างนั้น ไม่ต้องจัดยาครับ จัดยาเป็นแผงๆ เป็นกล่องๆเหมือนร้าน Chain Store ครับ แต่นั่นเราเป็นลูกจ้าง เราไม่ใช่เจ้าของเองครับ ถ้าเราเปิดร้านเองก็จะบ่นว่าอยู่ไม่ได้ สู้พวกร้านหมอตี๋ หรือ พวกผู้ช่วยพยาบาล หรือผดุงครรภ์ที่มาเปิดคลินิกไม่ได้ อายเขานะครับ

ฉะนั้นความรู้ต้อง Update ทันสมัย ช่างสังเกต โดยเฉพาะอีกอย่างครับ เวลาคนไข้เอายามาให้ดู หรือใครก็ตาม ญาติพี่น้องหรือใครก็ตาม ได้ยาจากโรงพยาบาล คลินิก แพทย์เขาให้ยาอย่างไร หัดสังเกตครับ แต่แพทย์ใหม่ๆเดี๋ยวนี้ก็ไม่ไหว จ่ายยาสู้เภสัชไม่ได้ หัดสังเกตครับ ว่าเขาเป็นอะไรถึงได้ยาแบบนี้

เออ! วันก่อนผมบอกผิดไปนิดครับ คำว่ายาน้ำขวดเปลือยที่ชอบใช้พูดกัน พูดผิดครับ ต้องบอกว่ายาน้ำไม่มีกล่อง เพราะคำว่า เปลือย ภาษาอังกฤษพูดว่า  Naked ถ้า Naked Vial หรือ Naked Bottle ในสายการผลิตยา เราจะนึกถึง ยาน้ำ ยาฉีด ที่ผ่านการ Filled และ Capping มาอยู่ใน Bin ที่ต้องรอการ Labell อย่างนั้นน่ะเปลือยจริง

ฉะนั้นจะบอกพี่ Sigkaman ไปว่ายน้ำเช้าๆ เปลือย Naked ไม่ได้ เพราะพี่ใส่ชุดว่ายน้ำนะ พูดขำๆ

เรียนเภสัช ยิ่งรู้มากยิ่งกลัวครับ ตอนผมจบใหม่ๆ ไปฝึกร้านยา เวลาจัดยาให้คนไข้ พี่เภสัชบอกว่า กลัวนักก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว อดตาย เหมือนกันครับ แพทย์จบใหม่ โดยเฉพาะช่วงมีแพทย์ฝึกหัดออกใช้ทุน ก็จะมีคนไข้ในโรงพยาบาล ตายเยอะช่วงนั้น เหมือนกันครับ  ต้องระวัง

กลัวๆใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น ต้องระวังยาที่ใช้กับ คนแก่ เด็ก หรือ คนที่แพ้ยาง่าย เป็นหอบหืด พวกนี้ ต้องซักประวัติให้ละเอียดรอบคอบ  Double Check ครับ ถ้าเราจ่ายยานับเม็ด กับ ยาเป็นแผง ความรับผิดชอบในสายตาคนทั่วไปมันต่างกันครับ ยาแผงกินแล้วแพ้ โทษที่ตัวยาส่วนใหญ่ แต่ถ้ายานับเม็ด คนทั่วไปเขาจะโทษที่คนจัดให้มากกว่าครับ จัดยาให้คนไข้ ต้องรับผิดชอบมากขึ้น พยายามใช้ยาที่เราใช้ประจำ มีประสบการณ์การใช้ ผลการรักษาก็พอจะเดาได้ ดีกว่าครับ

เรื่อง Double Check สำคัญครับ ไม่งั้นคุณเภสัชกรหน้าใหม่ ให้ยาคนไข้ไปแล้ว กลับบ้านนอนไม่หลับครับ มานึกขึ้นได้ว่า ยาที่เราจัดให้คนนั้นคนนี้มันถูกต้องไหม ทานแล้วจะเป็นอันตรายไหม เครียด นอนไม่หลับแน่ ยิ่งถ้ารักษาคนไข้ตายคามือเหมือนแพทย์ จำแม่นครับ จำไปจนตาย ถึงต้องทำดีครับ ล้างบาปที่เคยทำไป พูดอย่างนี้ มีจริงครับ แต่ผมไม่อยากให้มันเกิดเหตุการณ์ลักษณะอย่างนั้น

ระวังเรื่องการแพ้ยานะครับ ถามทุกครั้งนะครับ ตัวไหนคนแพ้ง่าย เช่น กลุ่ม Pennicillin, Ibuprofen คนมาซื้อยาบอกอาการให้จัดยาให้ ไม่ได้เป็นคนทาน บางทีก็บอกๆไปอย่างนั้น คงไม่แพ้มั้ง ชัวร์ๆป้องกันตัวเอง ติดฉลากช่วยไปเลยครับ ? แพ้ยา ผื่นขึ้น ตาบวม หยุดยา เป็นมากกว่านั้นไปโรงพยาบาล ? ถ้าแพ้ยาจะว่าเราไม่ได้ เราปลอดภัยครับ ชาวบ้านบางคนไม่เข้าใจ แพ้ยามาว่ามาด่าที่ร้าน ต้องระวัง

เภสัชกรชุมชนที่เปิดร้านมาได้สักพัก ถ้าควบคุมการใช้ยาในเขตชุมชนของตัวเองได้ ก็ไม่ต้องมียาจัดมากนะครับ ยาน้ำชนิดหนึ่ง หรือยาเม็ดชนิดหนึ่ง ถ้าตัวยาเหมือนกันเราไม่จำเป็นต้องมีมากชนิด มากยี่ห้อ มากรูปแบบ เพราะเราเขียนชื่อตัวยา ไม่หมกเม็ดให้ต้องหาเม็ดยาแปลกๆ หรือยาน้ำหลากหลายยี่ห้อ มาดึงลูกค้าเหมือนร้านทั่วไป หรือคลินิคของแพทย์พาณิชบางคน

เมื่อก่อนยาที่ออกมาจากคลินิกชอบมีเม็ดรูปแบบแปลกๆ ไม่ดีเลยครับ ถ้าคนไข้แพ้ยาอะไร ไม่รู้ อันตรายครับ ควรมีจรรยาบรรณครับ ปกติอยู่ร้านพวกๆก็จะเอายาที่เคยได้รับ เม็ดสีเดิม กล่องขวดแบบเดิม ที่เคยทาน มาถามหาที่ร้านยา คือว่าตัดสินใจเลือกซื้อยารักษาตนเอง เภสัชก็หมดความหมาย คือ ไม่มีก็ไม่มี อธิบายแล้ว ไม่ฟัง พวกก็จะบอกว่า เขาฝากซื้อ ก็ปล่อยไปครับ บางทีต้องดูคน บางทีพูดตัดบทไปเลยครับ เสียเวลา

ผมเขียน Footnote ว่า  บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น

ทำไมถึงเขียนอย่างนี้ทราบไหมครับ ผมยกตัวอย่างวิชาชีพแพทย์ แพทย์รุ่นก่อนๆดีมาก ภาพลักษณ์ในสายตาประชาชนดีมาก บารมีของวิชาชีพดีมากๆ แต่ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไป แต่มาดูวิชาชีพเภสัชกรสิ เมื่อก่อนเภสัชก็ไม่มาก ในสายตาประชาชนก็เห็นจะเป็นพวกแขวนป้าย แต่ต่อไปเภสัชมาเปิดร้านยากันมากขึ้น ภาพลักษณ์ และบารมีทางวิชาชีพก็จะดีขึ้น แต่บารมีปัจจุบันมันเป็นผลพวงจากอดีต ต้องยอมรับ ฉะนั้นการสร้างบารมีและเครดิตทางวิชาชีพ จะต้องใช้เวลา ต่อไปคงดีขึ้นครับ

ขอแย็บสะหน่อยนะครับ ผมกำลังจะบอกว่า ผลพวงจากกรณีที่เภสัชแขวนป้ายตามร้านยาต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งมาจากพวกเภสัชที่เป็นข้าราชการในจังหวัดนั้นๆครับ คือมีงานประจำ อยากมีรายได้เพิ่ม แขวนป้ายร้านยาในจังหวัด หรือร้านของญาติๆ หรือ ร้านของตัวเอง ขอเปิดแต่จ้างคนอื่นขาย คือขอเปิดร้านยา ปฏิบัติหน้าที่ตอนเย็น แต่พวกเปิดขายทั้งวัน ความจริงเวลาที่เปิดทำการ จะเปิดได้ก็เฉพาะที่แจ้งเท่านั้น คือ ตอนเย็น อย่าทำเลยครับ เปิดโอกาสให้เภสัชกรชุมชนรุ่นใหม่ๆที่มาเปิดร้านยาเถอะครับ ขอกราบแทบเท้าแทนวิชาชีพเภสัชกรชุมชนครับ

พวกดีๆหน่อยก็มาเปิดเองตอนเลิกงาน ก็ขอขอบคุณ เวลาอื่นปิด เภสัชกรโรงพยาบาลบางคน เภสัช สสจ บางคน พูดไปก็ว่าพวกตัวเอง พวกเดียวกัน นี่ไงครับ ผมถึงบอกว่าจิตสำนึกทางวิชาชีพ ของเภสัชกรมันต่างกันแต่ละคน ( นี่เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ วันนี้โมโหร้าย )

วันนี้มาเข้าเรื่องสักหน่อย วันนี้ขอคุยเรื่อง การให้ความร่วมมือกับภาครัฐของร้านยาเภสัชกรชุมชน ที่ผมคุยๆมาขอย้ำอีกครั้งนะครับว่ามันเป็นไอเดียร์ส่วนตัวผมทั้งนั้น อย่าเชื่อ ไปหมด ผมก็ไม่คิดว่าดีหมด หรือ ผมจะอวดเก่งไปซะหมด แต่ที่ผมพูดทุกเรื่อง มันพูดออกไปจากอก จากใจของดวงใจน้อยๆ ที่มีความรักในวิชาชีพเภสัชกรก็เท่านั้นเองครับ?..พูดแล้วซึ้งไหมครับ

เริ่มนะครับ คุณเภสัชกรชุมชนมาเปิดร้านยาในต่างจังหวัด คุณมีทางเลือก 3 ทางครับ

1.คุณจะเป็นพวก สสจ หรือ
2.พวก ชมรมร้านขายยาในจังหวัดนั้นๆ หรือ
3.คุณจะเหยียบเรือ 2 แคม คือ เอาหมด

ที่พูดอย่างนี้ เล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ ถ้าคุณเป็นคนทั่วไป ที่พวกคุณๆชอบเรียกเขาว่า หมอตี๋ แน่ล่ะ มันเป็นไปได้ที่คุณจะทำอะไรให้มันถูกต้อง ไปซะทุกเรื่องไม่ได้ คุณตั้งใจมาเปิดร้าน ก็เห็นว่ามันเป็นช่องทางดีที่คุณจะหาเงินประกอบอาชีพได้ คุณจำเป็นต้องมี Backup ครับ คือ พูดง่ายๆว่าหาพวก และ พี่เบิ้มคอยสนับสนุนไว้ เผื่อคุณจะต่อรอง หรือ ขอความช่วยเหลือ ก็อาจจะมีแนวทางได้ (นี่ความคิดส่วนตัวนะ) และก็จะได้รู้ข่าวคราวในวงการ เปิดร้านยา มีเรื่องวุ่นๆเยอะ ต้องระวังมาก และพวกๆหมอตี๋ด้วยกันจะได้ไม่เขม่น แหงอยู่แล้วคุณต้องเข้าชมรมร้านขายยาในแต่ละพื้นที่นั้นครับ

คราวนี้ตาคุณ จบเภสัชไฟแรง มาเปิดร้านยาในต่างจังหวัด จะบ้านตัวเอง ภูมิลำเนาตัวเองหรือไม่ก็ตาม คุณจะเอายังไง คุณน่ะไม่เหมือนกับร้านหมอตี๋ที่คอยจะแขย่งคุณอยู่แล้ว คุณเข้าไปในชมรมหรือ คุณเปิดร้านใหม่ๆ พวกร้านหมอตี๋เก่าๆเวลาประชุม Blave คุณแน่ เช่น กำหนดวันปิดร้าน ข้าขายดีมานานแล้ว ข้าจะหยุดวันอาทิตย์พักผ่อน You ข้าไม่สนว่าเพิ่งมาเปิดร้าน ยูก็ต้องปิดร้านเหมือนกัน หรือ ยูขายยาถูกไป ยูก็จะถูกว่าถูกด่ากระทบกระแทก ว่าทำได้อย่างไร ตัดราคา เภสัชพาณิชหน่อยที่เห็นธุรกิจมากกว่าวิชาชีพ ข้าก็ดึงไว้เป็นพวก เออมึงจบเภสัช ให้อยู่ฝ่ายวิชาการ และฝ่ายกันชนกับ เภสัช สสจ ด้วยกัน จะได้เกรงๆ

เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าครับ เภสัช สสจ บางคน บางแห่งก็เกรงๆชมรมร้านขายยาในจังหวัดนั้นๆ พูดอย่างนี้ เภสัช สสจ ก็จะบอกว่า ไม่กลัวได้ไง เดี๋ยวมีเรื่องฟ้องร้องกันตาย

เภสัช สสจ บางคนก็กร่าง ทำตัวเหมือนตำรวจบางคน เบ่งวางมาดก็ไม่เหมาะ ไม่มองตาม้าตาเรือก็ไม่ไหวครับ แน่หล่ะต้องตรงไปตรงมาครับ แต่ไม่ใช่มองคนอื่นไปในทางลบซะหมด ผมเห็นน้องๆเภสัชบางคนไปขอเปิดร้านยา อัธยาสัยเหมือนๆรุ่นพี่รุ่นน้องมีบ้างไหม ผมว่าควรมีจิตสำนึกของการให้บริการที่ดีบ้างครับ และให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมวิชาชีพเดียวกันหน่อย

ถ้าผิดไปอย่าง ก็ควรพูดตักเตือนแบบพี่น้อง ไม่ไหวก็ต้องบอกกัน ผมบอกเภสัชน้องๆได้เลยครับ ถ้าเรื่องไหนไม่ถูกไม่ควร เหนือฟ้ายังมีฟ้า ฟ้องร้องไปยังหน่วยเหนือเลยครับ (โมโหอีกแล้ว)

แต่ทุกอย่างมีทั้งคนดีและไม่ดีครับ เภสัชกรโรงพยาบาลดีๆ เภสัช สสจ ดีๆก็มีเยอะครับ ถ้าคุณเภสัชรุ่นใหม่มาเปิดร้าน ผมแนะให้คุณอยู่ฝ่าย เภสัช สสจ ครับ เราควรให้ความร่วมมือครับ เช่น ร่วมเข้าการอบรม ร่วมการรายงานผลข้างเคียงการใช้ยา หรืออื่นๆ ถ้ามีประกาศหรือขอความร่วมมือมาครับ

เหตุผลหรือครับ ก็เพราะว่าคุณเภสัช มาเปิดร้านยา ร้านอื่นๆก็มองภาพคุณต่างจากเขาออกไปครับ มันจะเป็นผลดีกับคุณด้วยนะครับ น้องๆมาเปิดร้านยาใหม่ๆ บอกพี่ สสจ มาตรวจบ่อยจัง ก็บอกได้เลยครับ เดี๋ยวนี้คนจบเภสัชมาเปิดร้านยากันมาก รู้เขาไม่รู้เรา เหมือนลูกค้ามาหาเราที่ร้าน ลูกค้าคนใหม่เพิ่งมา เวลาก็เพิ่งจะเห็น เราก็ต้องแสดงออกใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น First Impression สำคัญอีกนั่นแหละ คุณก็ต้องแสดงออกว่าคุณเป็นเภสัชกร แต่งตัวก็ไม่เหมือน แนะนำการใช้ยาก็ต่างออกไป การจัดยาให้ลักษณะและวิธีการก็ต่างออกไป ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะรู้ได้อย่างไรครับ เพราะเวลามันสั้น

คุณต้องวิ่งเข้าหา สสจ ครับ ไปบ่อยๆครับ อย่างน้อยได้คุ้นเคย ได้รู้จัก สิ่งที่ยากก็จะง่ายครับ คุณควรแสดงออกครับว่าคุณเป็นเภสัชกรที่มาเปิดร้านมีความตั้งใจที่จะพัฒนาร้านยา พัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน คิดจะทำอะไรก็ตั้งใจทำให้ถูกกฎหมาย ไม่คิดจะทำผิดกฎหมาย

ยิ่งให้ความร่วมมือสมัครใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาให้เป็นร้านยาคุณภาพ คุณก็จะได้เครดิตทันทีครับ ภาพลักษณ์ของร้านคุณ ในสายตาของ เภสัช สสจ จะเป็นบวกทันทีครับ จะได้หรือไม่ได้ ก็ค่อยๆทำไปครับ การจะได้กระบี่อาญาสิทธิ์มาก็ต้องลำบากหน่อย แต่คุณจะได้ส่วนดีตรงนี้เพิ่มขึ้นมาอีก เห็นไหมผมชี้ทางสว่างให้ เห็นไหมๆ

สรุปแล้ว  รู้เขา รู้เรา ความไว้วางใจมีมากขึ้น สิ่งที่ยากก็จะง่ายขึ้นครับ

สวัสดี
แก้ไขล่าสุดโดย นิวัช เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย sukanya_rx19 » 04 มิ.ย. 2008, 18:56

ขอบคุณพี่ sigkaman ที่ช่วยให้คำตอบคะ จริงเรื่องยาขวดเปลือย ถามขำๆชวนคุยไป ความตั้งใจที่จะใช้ขวดเปลือยจากใจจริงคืออยากลดการใช้กระดาษ ช่วยโลกร้อน เเค่นั้นละคะ ไม่ได้คิดอย่างอื่น 555+
แก้ไขล่าสุดโดย sukanya_rx19 เมื่อ 04 มิ.ย. 2008, 19:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sukanya_rx19
Global Moderator
 
โพสต์: 2148
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2005, 16:06
ที่อยู่: ยโสธร

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 05 มิ.ย. 2008, 10:24

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1.    การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2.    การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3.    การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4.    เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5.    การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6.    การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7.    การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8.    จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชนiคนรุ่นใหม่
9.    การสร้างเครดิตให้กับร้านยาเภสัชกรชุมชน
10. การสร้างทัศนคติที่ดีในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
11. ยาน้ำมีกล่อง VS ยาน้ำไม่มีกล่อง

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
12.    การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
13.    การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
14.    การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
15.    การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
16.    การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
17.    การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน

To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist 

โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน 

อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ดี ทีถูกต้อง 

จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง
การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ

ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้ 

การมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มองโลกในแง่ดี มีใจรักในงานที่ทำ ชีวีตมีสุข  ร้านยามีการพัฒนา

เพิ่มเติม

รู้เขา รู้เรา ความไว้วางใจมีมากขึ้น สิ่งที่ยากก็จะง่ายขึ้น

**********************************************************************************************************

สวัสดีครับ ตอนเช้า

วันนี้ไปอ่านข้อความที่เปิ้ล พัชราภรณ์ เคย post ไว้เมื่อ 25 มิย.50 ว่า

**********************************************************************************************************
ที่ประทับใจมากๆ คือคำพูดที่พี่เขาเล่าว่า  " ตัวเองไม่เคยคิดว่า การให้ จะต้องแลกกับ การได้รับ  เราควรทำให้ทุกวันเป็นเหมือนวันสุดท้ายของชีวิต เพราะนั่นแปลว่า เราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้แก้ตัวอีกต่อไปแล้ว "

อนาคตร้านยาในประเทศไทยเรา ก็เปรียบเสมือนมาถึงจุดสุดท้าย ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อพลิกผันวิกฤติ สู่โอกาส ถ้าเราไม่ก้าวไป ถ้าเราไม่ตามติดระบบประกันสุขภาพ ใครจะทราบได้ว่า การพลิกผัน ให้เภสัชกร ได้ยืนอยู่ที่ร้านยา อย่างเต็มภาคภูมิ จะเกิดหรือไม่ หรือเรา จะเป็นเพียงคนส่วนหนึ่งที่ไป share ธุรกิจร้านขายยา เพื่อทำหน้าที่ขายยา ก็เท่านั้น
**********************************************************************************************************

พี่ที่เปิ้ลพูดถึง คือ ดร.กฤษณา ผมก็เจอพี่แกอยู่ประจำ ตอนอยู่ที่ทำงานเดียวกัน ตึกที่ทำงานเราอยู่ใกล้กัน แม่จะต่างกองต่างฝ่ายกัน คือได้อ่านแล้วก็คิดเหมือนแกนะ อยากให้ทุกคนในวิชาชีพนี้ พยายามทำดี ช่วยๆกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็คนในครอบครัวเดียวกัน ไอ้ที่ผิด ไม่ดีก็เพราะพวกเราเอง กลับหลัง มาสู่หนทางใหม่ มุ่งมั่น เพื่อคนรุ่นต่อๆไป จะได้มีความภาคภูมิใจในวิชาชีพเภสัชกร

ส่วนอนาคตร้านยาเปิ้ลพูดไว้ถูกเลย เรามาถึงจุดสุดท้ายกันรึยัง ถ้าไม่รีบปรับตัว จะทำอะไรทีพวกค้านไปหมด แล้วจะเดินหน้าได้อย่างไร  อ่านบทกลอนต่อมาที่เปิ้ลเขียน แหมเจ้าเปิ้ลนี่แต่งกลอนเก่งไม่ใช่เล่น

**********************************************************************************************************
อยากส่งแรงส่งกำลังพลังเชียร์
อย่าเพิ่งเพลียละเหี่ยใจไปเลยหนา
เรื่องบางเรื่องคนหนึ่งฝันมันธรรมดา
เป็นอัตตาความคิดเฉพาะตน
ร้านยาห้องยาเสมือนดังตราเภสัช
ช่วยกันพัฒน์เปิดบทบาทให้เห็นผล
ใช่ว่าจะเปิดปิดได้ในบัดดล
เราทุกคนมีสิทธิค้านวิจารณ์ดัง
ถ้าร่วมด้วยช่วยกันทำช่วยกันคิด
ถูกหรือผิดเป็นบทเรียนที่สอนสั่ง
ให้เราพร้อมหลอมใจหลอมพลัง
เป้าที่ตั้งเปิดบทบาทเภสัชไกล
**********************************************************************************************************

เป็นไง กลอน Creative ที่ไม่ใช่กลอนด่าใคร ผมชอบอ่านกลอนแบบนี้มากกว่า
บางคนเขียนกลอนด่าคน ด่าเจ็บๆ บอกว่ายิ่งเจ็บ ยิ่งแสบทรวง ยิ่งชอบ
เฮ้อ บาปกรรมเปล่าๆ

กลอนนี้ก็ดีนะ เขียนมา เอาให้ลองอ่านเล่น เปิ้ลเขียนทั้งนั้น

**********************************************************************************************************
ถ้าทุกสิ่งทำได้ใช้เพียงหนึ่ง
ไม่ต้องพึ่งกรรมการคอยขานไข
จะรีบรี่จัดการรู้กันไป
ตนเองไซร้ไม่กังวลคนนินทา

มีเรื่องเล่าให้ฟังหวังว่าเหมาะ
สภาฯเคาะเอาเนื้อร้ายออกไปสอง
ผิดกฎหมายไล่ไปไม่ต้องตรอง-(ขก)
ร้านที่สองขาดเภสัชปัดตกไป-(ลป)

เรื่องแขวนป้ายได้เสนอ(แต่ยัง)ไม่สนอง
เราคงต้องช่วยกันจี้เจอที่ไหน
รายงานมาพิจารณาคดีไป
ทั้งผู้ใหญ่ดำรงตนน่านิยม

สิ่งสำคัญปรับความคิด "คนรุ่นใหม่"
น่าเลื่อมใสใช้ความรู้อย่างเหมาะสม
เร่งสร้างภาพ "เภสัชใหม่"น่าชื่นชม
ทั้งเกลียวกลมรู้รักสามัคคี
**********************************************************************************************************

เอ้ามาลองฟังไอเดียร์ เรื่องร้านยา ซะหน่อย นี่เป็นคำพูดของเปิ้ลเขานะ ไม่ใช่ของพี่ Sigkaman

**********************************************************************************************************
เคยเช่าร้านเปิดให้บริการเฉพาะตอนเย็น 10 กว่าปีมาแล้ว ประสบการณ์เก่า แต่อาจจุดประกายความคิดได้บ้างนะคะ

ช่วงปี 2529 - 2536 ได้เปิดร้านยาอยู่พักนึง ค่าเข่าต่อเดือน เริ่มต้นที่เดือนละ 2000 บาท แล้วเพิ่มขึ้น เป็นระยะ ก่อนเลิกทำ จำได้ว่าค่าเช่าเป็น 4000 บาท เวลาที่เปิดดำเนินการ จะตรงกับที่ขออนุญาต คือ 18.00 - 22.00 น. (กลางวันปิดร้าน เพราะมีงานประจำอื่น และทำงานสื่อสารสาธารณะ รายการ "ยาน่ารู้" ให้ ภสท)

คิดงัย ถึงเปิดร้าน
1. อยากลอง ... ขออนุญาต 3-4 ชม. แล้วเปิดเฉพาะเวลานั้น จะอยู่ได้ไหม (ปี 2528 ส.ค. เป็นช่วงที่มีเคลื่อนไหว พรบ ยา เกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ร้านยาของเภสัช และเป็นจุดเริ่มต้น ให้มีการขออนุญาต 3 ชม มากขึ้น และค่าแขวนป้าย ก็ขึ้นราคา ช่วงนั้นแหละ)

2. คิดว่าคุ้ม ... ทำเล อยู่ใกล้บ้าน เปิด-ปิดร้านสะดวก ไม่เหนื่อยเกินไป (แม้จะไม่ใช่ทำเลทอง ไม่ใกล้ตลาด หรือชุมชนหลัก ก็ตาม)       

ก่อนเปิด - หยุดงาน 2-3 วัน ทั้งวันธรรมดา และวันหยุด ยืนนับจำนวนผู้ที่เดินผ่านหน้าร้าน ทำแบบสอบถามง่ายๆ ด้วย เพื่อดูว่าเป้าหมายผู้มารับบริการเป็นใคร observe ร้านขายยาเดิมที่อยู่ตรงตลาด มีอยู่ 2-3 ร้าน ... เขาขายมานาน ตั้งแต่เรายังเด็ก - แต่คิดว่า เราเรียนเภสัช มา เพิ่งจบก็ตาม แต่วิทยายุทธ์ (ปัจจุบัน ก็ที่เรียกกันว่า การบริการเภสัชกรรม หรือ Pharm Care in Community ทำนองนี้) ก็น่าจะเป็น selling point ได้

3. ฝึกปรือตนเอง จนมั่นใจ (ทั้งศึกษาพัฒนาตนเอง และขอความรู้ ประสบการณ์ และฝึกงานเพิ่มเติม กับรุ่นพี่ ที่เปิดร้านมาก่อน)

4. รายได้ ช่วงแรก ยอมรับว่า ไม่ได้คิดละเอียด แต่พอใช้ความรู้ทางธุรกิจ การตลาด มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ แล้ว พบว่า คืนทุน ได้ ภายในไม่ถึง 2 ปี และมีเงินหมุนเวียนเป็นหลักหมื่น (นินทาคุณแม่ซะหน่อย ... ตอนที่แจ้งท่านว่า จะไม่ทำร้านยาแล้ว เพราะอยากให้เวลากับเจ้าตัวเล็ก 2 คน มากขึ้น คุณแม่ร้องไห้ เสียดายอยู่ตั้งหลายวัน) - ข้อมูลลึก สรรพากรไม่เรียกเก็บแล้ว เพราะจ่ายหมดแล้ว คือเฉลี่ยขายได้ วันละ 1000 - 3000 บาท แล้วแต่ช่วง แล้วแต่ season คิดคร่าวๆ ขายได้วันละ 1000 บาท เป็นแหล่งรายได้เสริม นับว่าไม่เลว ถ้าเป็นยาที่จัดตามอาการ (แต่ไม่ใช่ จัด "ยาชุด" นะ) วันละ 500 บาท ก็นับว่าเราคุ้มทุนแล้ว


เหนื่อยไหม
เหนื่อยมาก เพราะทำงานหลายอย่าง แต่ประสบการณ์เพียบ และคิดว่า ซื้อหาจากตำราใดไม่ได้
การเปิดร้าน ทำให้เราได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งการต่อสู้ภายในตนเอง และการสู้กับคนและสิ่งรอบข้าง
รายได้ และผลประโยชน์ เป็นเหมือนรางวัลอีกอย่าง นอกเหนือจากรางวัลชีวิต ที่ได้จากประสบการณ์ตรง ประสบการณ์จริง
กลยุทธ์ทางการตลาด ต้องเอามาปรับใช้ เพราะเราเองก็ต้องอยู่รอด ไม่ใช่เปิดร้านเพื่อตามฝันอุดมการณ์อย่างเดียว
สิ่งที่ท้าทายคือ จะปรับ ผสมผสาน และสร้างสรรค์อย่างไร ให้การบริการของเรานั้น มีทั้งหลักการทางเภสัช มีคุณธรรมเพื่อสุขภาพของผู้รับบริการ และเป็นแหล่งรายได้เสริม

สงครามราคา เคยเจอไหม
คงไม่มีใครบอกว่า ไม่มี ไม่เคย แต่เราจะวาง strategy อย่างไร ยอมรับว่าเล่นราคาบ้างเหมือนกัน แต่เฉพาะยาบางชนิด ที่ประเมินแล้วว่าเป็นยาเรียกหา ที่เขาใช้ประจำ - ก็ผูกใจไว้ก่อน พร้อมกับให้คำปรึกษาแนะนำ ด้วยใจเต็มร้อย ที่ชื่นใจก็คือ มียาหลายตัวเหมือนกัน ที่ลูกค้า บอกว่า ของเราแพงกว่าร้านที่ตลาด แต่เขาก็รอซื้อตอนเย็นกับเรา เพราะเขาอยากคุยอยากปรึกษา

อยากเชียร์
ตรองดูแล้ว คิดว่าไหว ก็เปิดเลย
อยากให้สมัคร "ร้านยาคุณภาพ" ด้วย ถ้ากลางวันปิดจริง
**********************************************************************************************************

เป็นไงครับ ผมว่ามีหลาย เนื้อความ หลายบุคคลใน Pharmacafe เขียนอะไรๆ ให้ข้อคิด ข้อเสนอแนะกับเรา ดีมาก ลองๆค้นหานะครับ บางเรื่อง บางราว เราอ่านแล้ว ฟังแล้ว ก็อยาก ฟังอีก

อ้าวมีต่ออีกนิด ยิ่งอ่าน ยิ่งมันครับ

**********************************************************************************************************
แปลกดีนะ
แต่ก่อนมีร้านหมอแผนโบราณ ทำฟันแบบเก่า และ ร้านขายยา ก - ข ? ค ยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้คนมองอย่างเป็นระบบ และพัฒนามากขึ้น คลินิกแพทย์เปลี่ยนโฉม คลินิกทันตะก็เปลี่ยนโฉม สังคมยอมรับให้การแพทย์แผนตะวันตก ยอมรับบทบาทของผู้ประกอบวิชาชีพตามมาตรฐานสากลมากขึ้น แต่ร้านขายยาในบ้านเรา โดยเฉพาะในพื้นที่ไกลๆ ยังเป็นในรูปแบบเดิม ในสายตาของผู้มารับบริการ เขามองพวกเราที่ร้านยา เป็น "คนขายยา" แค่นั้น มั้ง  เราจะกลายเป็น "หมอ" เหมือน แพทย์ ทันตะ พยาบาล ก็ต่อเมื่อทำงานที่โรงพยาบาล ดูเหมือนความเป็นเภสัช ไม่ติดตัวเราเลย แพทย์ ทันตะ เขาไปที่ไหน ใบประกอบวิชาชีพ จะติดตัวไปกับเขา เขาจึงสามารถประกอบวิชาชีพ ได้ตราบที่ยังมีความรู้ มีกำลังอยู่
จะโทษใครดี พ.ร.บ.ยา ที่เราใช้กันอยู่ (ตั้งแต่พวกเราหลายคน หรือส่วนมากในนี้ล่ะมั้ง ... ยังไม่เกิดเลย) กำหนดให้เภสัชกร ต้องนำใบประกอบวิชาชีพฯ ไปไว้ ณ สถานที่ประกอบการ
จะว่าแปลก ก็ไม่เชิง หลายประเทศ ที่ไปดูงานมา เขาก็ให้เภสัชกร ต้องแสดงใบประกอบวิชาชีพ ขณะปฏิบัติงาน
แต่ ... ถ้าไม่มีเภสัช ร้านก็ต้องปิด บางประเทศ ก็ออกกฎหมาย ให้เภสัชกร เท่านั้นที่ขออนุญาตเปิดร้านขายยาได้
มีกม. แบบไทยๆ นี่ละ ขออนุญาตเปิดร้านขายยา 3 ชม. แต่จริงๆ ก็เปิดกันตั้งแต่ฟ้าสาง จนฟ้ามืด (บางร้าน ทำเลดี? ก็เปิด 24 ชม. เลย) การควบคุมกำกับของรัฐก็แปลก จะตรวจตราเฉพาะช่วงที่แจ้งเวลาไว้ นอกเวลาถือว่าไม่ใช่ภาระกำกับของผู้ออกใบอนุญาตซะล่ะมั้ง (แฮะ แซวแรงไปหน่อย อย. สสจ. คงไม่ถือสา เพราะนี่เรื่องจริง+)

ตอน ปี 2529 เป็นช่วงของการเมืองเพื่อวิชาชีพ สส ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ขอข้อมูลกันใหญ่ เหมือนเมื่อตอนปี 2522 - 2523 เลย ก่อนที่จะมีบทเฉพาะกาล ต่ออายุ ให้ (ร้านขายยา) หายใจคล่องมาหน่อย ดูเหมือนว่า จะมีการออกกำลัง (ภายใน) กันมาก
มีการตรวจตราร้านยาเป็นพิเศษ (ในเวลานะ) มีครั้งหนึ่งไปเปิดร้านยา (ตอนเย็น) ของตัวเองสาย (ประมาณ 18.00 น.) มี จม.ฝากไว้จากสารวัตรยาว่า ทีหลังเปิดร้านให้ตรงเวลาหน่อยซิ พี่รอเกินเวลาทำงานมาตั้งนาน รอไม่ไหวแล้ว ?!?!?!?
ร้านขายยามีการประกาศเซ้ง ประกาศขายใบอนุญาตกันยกใหญ่ เภสัชไฟแรงบางคนก็กัดฟันสู้กู้เงินมาเพื่อจะเปิดร้านในทำเลที่ต้องการ เซ้งใบอนุญาตก็ยอม พวกเราที่ทำงานรณรงค์ด้านวิชาชีพ เปิดตัวทำงานด้านสื่อสาธารณะมากขึ้น รายการ "ยาน่ารู้" ทางช่อง 3 ฮิตติดตลาด เภสัชกรเป็นที่กล่าวขวัญ "ไปร้านยา ปรึกษาเภสัชกร"  ประชาชนเรียกร้องเภสัชกันมาก แต่ supply ของเรา ไม่ทันกับ demand เรามัวแต่ประชุมอะไรกันไม่รู้ มองทางโน้นทีทางนี้ที แล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และแล้ว ก็ "คลื่นกระทบฝั่ง" เงียบเรียบร้อยเหมือนเดิม ยุคนั้นเป็นชัยชนะ ที่สมาคมร้านขายยา และชมรมข้านขายยา นำมาเล่าได้ไม่เบื่อ (ลองกลับไปหาวารสารของ สมาคม รขย. และ ชมรม รขย เก่าๆ อ่านเพิ่มเติมกันเองนะคะ)

เภสัช กลับลำ มุ่งเภสัชใช้ทุนในโรงพยาบาล แล้วก็เช้าสู่ยุคที่คิดว่าพวกเราส่วนมาก คงจะตามทันกันแล้ว เภสัชใช้ทุนเริ่มเต็ม
เริ่มมีการทบทวนเรื่อง พรบ.ยา กันอีกครั้ง ประมาณ ปี 2540 ตามด้วยการทำมาตรฐานร้านยากันใหม่ ตอนปี 2542 อย ก็แจกป้ายให้กับร้านขายยาที่เข้าโครงการมากมาย ผู้ที่ไปประเมินร้าน จะเป็น สสจ และ ตัวแทนของชมรม รขย ประจำจังหวัด ในขณะที่ สภาเภสัชกรรม ก็สุ่มเงียบพัฒนา "มาตรฐานร้านยา" และ "โครงการร้านยาคุณภาพ" ขึ้นมา โดยมีกำลังสำคัญ คือ ภญ รศ ธิดา นิงสานนท์ ภก ดร มังกร ประพันธ์วัฒน ภก กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ ที่มีส่วนช่วยงานพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล นำหลักการนั้นมาปรับให้สามารถปฏิบัติเป็นรูปธรรมได้ในร้านยา เมื่อเตรียมการ และทำงานวิจัย จนมั่นใจระดับหนึ่ง แม้จะยังไม่สมบูรณ์นัก ปี 2545 สภาเภสัชกรรม ยุค อ.ธิดา ก็ลุยเอาจริง ประกาส "ร้านยาคุณภาพ คือร้านยาที่มีเภสัชกรปฏิบัติงานตลอดเวลาที่เปิดร้าน และสามารถให้บริการเภสัชกรรม พร้อมระบบคุณภาพในการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคยา"
**********************************************************************************************************

นี่ก็เนื้อหาดีๆ ที่เภสัชรุ่นน้องๆควรรู้ (วันนี้ ขออนุญาต น้องเปิ้ล มาเป็นวิทยากร แทนพี่หน่อยนะ ขอขอบคุณล่วงหน้าล่ะ)

**********************************************************************************************************
ไม่มีกฎหมายระบุไว้หรอกค่ะ แต่เป็นการตีความทางกฎหมาย แล้วใช้เป็นบรรทัดฐาน
พอดีจบเภสัช ปี 2528 ปีที่เขาตีความกันพอดี และบังเอิญตั้งใจไปเป็นลูกจ้างร้านขายยาเต็มเวลาด้วย เลยมีข้อมูลตรงนี้เต็มๆ ทั้เอกสารและประสบการณ์ตรง

อยากเล่าความรู้สึกให้ฟังว่า ตอนที่ได้ทราบประกาศสรุปการตีความนั้น หัวใจแตกสลายเลยล่ะ (เว่อร์ไปมั้ยเนี่ย) ที่คิดว่า เมืองไทย จะได้เริ่มเปิดศักราช การมีเภสัชกรประจำร้านขายยา เป็นผู้รู้ด้านยาให้กับประชาชนในชุมชน เลยเป็นฝันสลาย
เอาเป็นว่า ปี 2528 บทเฉพาะกาล พ.ร.บ.ยา 2510 หมดอายุ ต้องมีเภสัชกรปฏิบัติงานที่ร้านขายยาตลอดเวลาที่เปิดทำการ
เอาล่ะซิ ร้านขายยาเดือดร้อน ยังทำใจไม่ได้ที่จะให้ใครก็ไม่รุ้มานั่งมายืนมาทำอะไรๆ ในร้านของเรา รวมตัวกันใหญ่เลย ที่สำคัญ ยุคนั้น ส.รขย. ชมรมร้านยาฯ เป็นหัวคะแนนที่สำคัญของพรรคเก่แก่ ที่คุม ก.สาสุขตอนนั้นซะด้วย

ส่วนเภสัช (บอกตามตรง) เวลานั้นก็ไม่พอจริงๆ ตอนที่เปิดศูนย์เภสัชอาสาไปร้านขายยา มีจบใหม่และพี่เก่าที่อยากลองดูสักตั้ง อยู่ 40 - 50 ชีวิต แต่ร้านขายยามีเป็นพัน ที่สำคัญ เภสัช ช่วงนั้นเนื้อหอม เป็นที่ต้องการ ไปอยู่ รฑ ก็มีแต่คนจองตัว ไปทำงานบริษัทยาก็รายได้งาม (หลายเท่าตัว) อยู่ร้านขายยา ได้เงินเดือนมากกว่าเพื่อที่บรรจุรับราชการ 2 - 3 พันบาท ซ้ำต้องทำ 6 วันๆละ 9 - 10 ชม. ถ้าไปอยู่ห้างก็ได้เงินมากหน่อย แบ่งเป็นกะ คนที่ไปเป็นลูกจ้างร้านขายยาจริงๆ มีเพียงไม่กี่คน

รมต.สาสุข สมัยนั้น (มา.... บุ.....) เลยส่งข้อกฎหมายให้กฤษฎีกาตีความ เพื่อลดความสับสนในสังคม
ผลออกมาว่า "เวลาเปิดทำการ คือเวลาที่ร้านขายยาระบุไว้เวลาที่ทำเรื่องขอใบอนุญาตขายยา" (ไม่ได้หมายความว่าตลอดเวลาเปิดร้านหรือตลอดวัน) ร้านขายยา ก็เลยแจ้งเปลี่ยนขออนุญาตเปิดทำการ 3 ชม. กันซะทั้งหมด อย.ก็ใจดี ในแบขอใบอนุญาตฯ ก็วงเล็บไว้ให้ด้วยว่า 3 ชม. เป็นอย่างน้อย บางจังหวัด ผู้อนุญาตก็แนะนำให้จดใบอนุญาต 3 ชม ก็พอ จะได้ไม่เดือดร้อน

เรื่องมันยาว เป็นเหมือนนิยายไม่สิ้นสุด นี่คงเป็นกรรมของวิชาชีพเภสัช ซะล่ะมั้ง ผลสืบเนื่องตามมา ก็มีเรื่องโควต้าร้านขายยา
ทำให้หลายคนทั้งที่เป็นเภสัช ไม่ใช่เภสัช ตั้งตัวได้ตามๆ กัน จากการเซ้งใบอนุญาต และก็มีหลายคนที่น้ำตาตก ต้องลำบากทางฐานะการเงิน ต้องกู้ยืมเพื่อหาเงินแป๊ะเจียะเปิดร้านยา (ประมาณ 2 ปีมั้ง เรื่องโควต้าก็ยกเลิกไป)

อีกเรื่องคือ ค่าป้ายของเภสัช ราคาพุ่งพรวดเลย จากที่เคยแขวนๆ กัน เดือนละ 1500 - 2000 บาท ได้มาเลยเป็น 5000 บาท
ตอนรณรงค์เรื่องการไม่แขวนป้าย ยอมรับค่ะว่า น้ำตาตกบ่อยๆ จิตสำนึกกับเรื่องความอยู่รอดนี่ พูดยากจริงๆ
**********************************************************************************************************

ข้อความดีๆ อยากให้อ่านกันอีกครับ ไม่มีส่วนได้ ส่วนเสียอะไร กับคะแนนนิยมของเปิ้ลนะ
แต่ เนื้อหาที่เปิ้ลเขียน มันเป็นแนวความคิดดีๆ เป็นสิ่งดีๆ ทางวิชาชีพ ที่ผมเห็นด้วย ก็เท่านั้น

สวัสดี
แก้ไขล่าสุดโดย adRIAmYCin เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย kumnungv » 18 มิ.ย. 2008, 22:57

พี่sigkaman ไม่มาต่อเหรอครับ รอฟังอยู่ครับ :D
เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
12.      การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
13.      การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
14.      การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
15.      การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
16.      การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
17.      การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย apotheker » 19 มิ.ย. 2008, 11:03

ปลายเดือนนี้จะมีประกาศ"ร้านยาคุณภาพ" เพิ่มอีกครับ
น่าจะมีร้านของพวกเราในกลุ่ม เภสัชผู้ประกอบการร้านยา ได้รับการรับรองเพิ่มในรอบนี้ด้วย
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ :wink:

เมื่อเช้าฟังข่าวเค้าบอกสุภาษิตจีนบทหนึ่งว่า "จงอย่ามัวแต่บ่นว่าความมืดมิด แต่มาช่วยกันจุดเทียนดีกว่า"
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย mama » 19 มิ.ย. 2008, 19:57

กำลังจะเปิดร้านยาอีก 1 เดือน ตั้งใจว่าจะทำเป็นร้านยาคุณภาพค่ะ...ขอบคุณบทความของพี่เภสัชทุกคนที่ทำให้รู้สึกว่าบารมีและเครดิตของวิชาชีพเภสัชกร เราต้องช่วยกัน
ขอบคุณมากค่ะ
mama
 
โพสต์: 906
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ต.ค. 2005, 00:07
ที่อยู่: มหาสารคาม

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย Sigkaman » 20 มิ.ย. 2008, 11:34

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1.       การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2.       การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3.       การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4.       เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5.       การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6.       การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7.       การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8.       จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชนiคนรุ่นใหม่
9.       การสร้างเครดิตให้กับร้านยาเภสัชกรชุมชน
10.    การสร้างทัศนคติที่ดีในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
11.    ยาน้ำมีกล่อง VS ยาน้ำไม่มีกล่อง
12. การให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
13.      การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
14.      การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
15.      การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
16.      การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
17.      การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
18.      การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น
******************************************************************************************************************

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น   

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน   

To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist     

โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน     
   
อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า   

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ดี ทีถูกต้อง     

จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน   

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ
   
ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้     

การมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มองโลกในแง่ดี มีใจรักในงานที่ทำ ชีวีตมีสุข  ร้านยามีการพัฒนา   

รู้เขา รู้เรา ความไว้วางใจมีมากขึ้น สิ่งที่ยากก็จะง่ายขึ้น

ตัวเองไม่เคยคิดว่า การให้ จะต้องแลกกับ การได้รับ  เราควรทำให้ทุกวันเป็นเหมือนวันสุดท้ายของชีวิต เพราะนั่นแปลว่า เราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้แก้ตัวอีกต่อไปแล้ว ---- ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์

อยากส่งแรงส่งกำลังพลังเชียร์ อย่าเพิ่งเพลียละเหี่ยใจไปเลยหนา
เรื่องบางเรื่องคนหนึ่งฝันมันธรรมดา เป็นอัตตาความคิดเฉพาะตน
ร้านยาห้องยาเสมือนดังตราเภสัช ช่วยกันพัฒน์เปิดบทบาทให้เห็นผล
ใช่ว่าจะเปิดปิดได้ในบัดดล เราทุกคนมีสิทธิค้านวิจารณ์ดัง
ถ้าร่วมด้วยช่วยกันทำช่วยกันคิด ถูกหรือผิดเป็นบทเรียนที่สอนสั่ง
ให้เราพร้อมหลอมใจหลอมพลัง เป้าที่ตั้งเปิดบทบาทเภสัชไกล ---- พัชราภรณ์ ปัญญาวุฒิไกร
******************************************************************************************************************

สวัสดีครับตอนเช้า หลังจากหายไปสักพักใหญ่

Kumnungv ถามว่า พี่ sigkaman ไม่มาต่อเหรอครับ รอฟังอยู่ครับ 
Apotheker บอกว่า เมื่อเช้าฟังข่าวเค้าบอกสุภาษิตจีนบทหนึ่งว่า " จงอย่ามัวแต่บ่นว่าความมืดมิด แต่มาช่วยกันจุดเทียนดีกว่า "  ? ปลายเดือนนี้จะมีประกาศ"ร้านยาคุณภาพ" เพิ่มอีกครับ ?

ขอตอบก่อนเลยก็แล้วกันว่า หายไปไหน

ที่ผ่านมาก็มัวแต่วุ่น เรื่อง สุขภาพตัวเอง เรื่อง เด็กๆ และก็ไปมุ่งที่จะกำจัดเจ้า Spyware Surabanya ของอินโดนีเซีย ของ Notebook อีกตัว อินโดนีเซีย เสียชื่อเลย อะไรๆถ้ามันไม่ดีและไปผูกติดกับชื่อเสียงประเทศเข้าแล้ว เสียชื่อไปหมด เราก็เจอผลเสียที่ร้ายแรง เหมือน ต้มยำกุ้ง Diesease คอมพิวเตอร์ก็เลย Upgrade Sequrity ยกใหญ่ ทั้ง Notebook และเครื่อง PC ถ่านเมนบอร์ดที่ชราภาพทำให้นาฬิกาไม่ตรง ก็เปลี่ยนใหม่ ลง Antivirus Antispyware แบบ Real time เฮ้อกว่าจะเสร็จ เหนื่อย แต่ก็ค่อยสบายใจขึ้น

ผมน่ะในชีวิต จับคอมพิวเตอร์ครั้งแรกก็ตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่อะไร ตอนนั้นพวกแจก Notebook ให้คนละตัว สำหรับทำ Report ก็เลยต้องรู้จักมัน โปรแกรมแรกก็ Ichitaro ถ้าจำไม่ผิด กลับมาเมืองไทยก็เพิ่งจะบูม Window Thai Edition มาถึงตอนนี้ผมยังดีกว่าอีกหลายๆคนในรุ่นอายุใกล้ๆกัน เพราะบางคนไม่เป็นคอมพิวเตอร์เอาซะเลย

สภาเภสัชกรรมประกาศร้านยาคุณภาพเพิ่มขึ้น ดูได้จากเวปสภาฯนะครับ ดีใจด้วย ก็ขอบอกเช่นเดียวกับสมาคมเภสัชกรรมชุมชนว่า

คุณเป็นเรือธงของวิชาชีพครับ อย่าหยุดแค่การได้รับการรับรองว่าเป็นร้านยาคุณภาพนะครับ ขอให้พัฒนาต่อ อีกอย่างพยายามรักษาคุณภาพไว้นะครับ เมื่อไหร่คุณหย่อนยาน มาตรฐานคุณก็จะลดลงนะครับ พยายาม Active อยู่ตลอดเวลาครับ

วันนี้จะขอพูดถึง การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น ผมว่าหลายร้านที่ผ่านประเมินไปแล้ว อาจจะคิดเหมือนผมนะว่า เวลาที่มาประเมินที่ร้านนั้น มันสั้น การตรวจสอบการดูแต่ละข้อมาตรฐานนั้น ดูไม่ได้หมด ฉะนั้น ผมจึงอยากจะบอกแก่ผู้ที่กำลังจะขอประเมินต่อไปให้เตรียมรายละเอียดให้พร้อม เหมือนกับที่ลูกค้าหน้าใหม่มาที่ร้านเราครั้งแรก สิ่งต่างๆเราต้อง Input เพื่อแสดงว่าเราคือ เภสัชกร เรามีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ อะไรๆทำนองนั้น

พูดให้ชัดๆเข้าใจง่าย คือ ทำ Report แต่ละมาตรฐานว่า ท่านได้ปรับปรุง หรือ ดำเนินการอย่างไร ตามข้อกำหนดแต่ละข้อครับ มี รูป เอกสาร ตัวอย่าง หลักฐานต่างๆนี่ก็สำคัญมาก แม้แต่ไปร่วมประชุม หรือ สำเนาการรายงาน ก็เก็บหลักฐานหมดครับ ทุกสิ่งทุกอย่างนำมาประกอบ จะเป็นรูปภาพก็ Print ให้ดูเลยว่าทำอย่างไร ถ้าเปรียบเทียบก่อนทำและหลังทำยิ่งดีครับ บางข้อไม่สามารถบอกได้เป็นรูปธรรมชัดเจน ก็เขียน ความคิด ความอ่าน ความตั้งใจ ลงไปเลยครับ แนวปฏิบัติก็เขียนให้ชัดเจน เหมือน SOP พิมพ์บอกไว้เลยครับว่า เรามีขั้นตอนที่จะปฏิบัติในเรื่องนี้อย่างไร คือ ทำให้มันละเอียดเท่าที่ทำได้ ทำให้มันสื่อให้กรรมการทราบ ชัดๆครับ

เก็บรวบรวมเป็นแฟ้มเพื่อที่จะ Upgrade แทรกใหม่ได้ตลอดเวลา ทำเหมือนทำอาจารย์ 3 ของพวกคุณครูที่นำเสนอผลงานเลยครับ เวลามาตรวจยกให้ดูทั้งแฟ้มเลยครับ และก็อย่าลืมบอกนะครับว่า ตรงจุดไหนที่ต้องดูเป็นลักษณะที่ต้อง Real Time ก็ขอดูได้เลยครับ การประเมินบางอย่างต้องดูของจริง ดูหน้างาน เอกสารแนบหรือแฟ้มเพิ่มเติม ก็เตรียมไว้ให้พร้อมครับ เพราะเวลาสั้น ผมน่ะ นอกจากเตรียมแฟ้ม มีรูปภาพ VCD มีภาพที่ถ่ายไว้ส่งให้ด้วย คือทุกสิ่งทุกอย่าง เอื้อต่อการประเมิน กรรมการมาตรวจ บอกว่า แหมดีเลยพี่ ไม่ต้องถ่ายรูปมาก

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะเวลาสั้น และก็เมื่อตรวจกลับไปแล้ว ข้อมูลของร้านเราจะได้ถูกต้อง เพราะบางทีประเมินไปแล้ว ส่งรายงานกลับมาให้แก้ไข ข้อมูลกรรมการที่มาตรวจลืม เพราะต้องไปตรวจอีกหลายร้านสับสน และกว่าจะมาทำรายงานการตรวจก็นานไปลืม ถ้ากรรมการลืมหรือตรวจไม่หมดจุดไหน จะได้ดูแฟ้ม Report ที่เราทำขึ้นประกอบ แต่ Report ต้องตรงตามความเป็นจริงนะครับ เขียนเป็นแต่ละข้อกำหนดเลยครับ

แม้แต่ สสจ มาตรวจก็เหมือนกันครับ ส่งให้ดูได้เช่นกันครับ แต่ Report ต้องเป็นลักษณะที่ Upgradable ได้นะครับ ผมถึงว่าน่าจะทำเป็นแฟ้ม ช่วงหนึ่ง อาจจะปีหนึ่งเราอาจพิมพ์ออกมาทำเป็นเล่มเก็บเป็นบันทึกการพัฒนาร้านของเรา ทำเป็นปีๆไป เหมือน หนังสือ จะได้เป็นประวัติศาสตร์ของร้านเราด้วย ร้านใหม่ๆที่เพิ่งจะพัฒนา ควรเก็บ Record ไว้นะครับ อีกหน่อยเรารับปริญญา เราจะภูมิใจครับ เมื่อกลับมาดูภาพเก่าๆ

วันนี้ ขอคุยแค่นี้ครับ
สวัสดี
แก้ไขล่าสุดโดย adRIAmYCin เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sigkaman
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2007, 15:24

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย ภก. Sigkaman » 22 มิ.ย. 2008, 13:21

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1.        การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2.        การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3.        การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4.        เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5.        การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6.        การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7.        การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8.        จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชนiคนรุ่นใหม่
9.        การสร้างเครดิตให้กับร้านยาเภสัชกรชุมชน
10.    การสร้างทัศนคติที่ดีในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
11.      ยาน้ำมีกล่อง VS ยาน้ำไม่มีกล่อง
12.      การให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
13.  การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
14.      การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
15.      การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
16.    การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
17.    การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
18.    การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
****************************************************************************************************************************************

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น   

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน   

To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist     

โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน     
   
อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า   

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ดี ทีถูกต้อง     

จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน   

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ
   
ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้     

การมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มองโลกในแง่ดี มีใจรักในงานที่ทำ ชีวีตมีสุข  ร้านยามีการพัฒนา   

รู้เขา รู้เรา ความไว้วางใจมีมากขึ้น สิ่งที่ยากก็จะง่ายขึ้น

ตัวเองไม่เคยคิดว่า การให้ จะต้องแลกกับ การได้รับ  เราควรทำให้ทุกวันเป็นเหมือนวันสุดท้ายของชีวิต เพราะนั่นแปลว่า เราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้แก้ตัวอีกต่อไปแล้ว ---- ดร. ภญ .กฤษณา ไกรสินธุ์

อยากส่งแรงส่งกำลังพลังเชียร์                 
อย่าเพิ่งเพลียละเหี่ยใจไปเลยหนา
เรื่องบางเรื่องคนหนึ่งฝันมันธรรมดา           
เป็นอัตตาความคิดเฉพาะตน
ร้านยาห้องยาเสมือนดังตราเภสัช               
ช่วยกันพัฒน์เปิดบทบาทให้เห็นผล
ใช่ว่าจะเปิดปิดได้ในบัดดล                     
เราทุกคนมีสิทธิค้านวิจารณ์ดัง
ถ้าร่วมด้วยช่วยกันทำช่วยกันคิด               
ถูกหรือผิดเป็นบทเรียนที่สอนสั่ง
ให้เราพร้อมหลอมใจหลอมพลัง               
เป้าที่ตั้งเปิดบทบาทเภสัชไกล
---- ดร. ภญ. พัชราภรณ์ ปัญญาวุฒิไกร

****************************************************************************************************************************************
สวัสดี วันอาทิตย์สุดสัปดาห์ วันพักผ่อนของหลายๆคน Family Day

หลายคนที่มาอ่านกระทู้นี้ สงสัย เอ! มันกระทู้แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา ฉะไหน กลายเป็น กระทู้ ปณิธาน ? ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน ?

ก็บอกได้เลยครับว่า อย่าไปยึดติดกับ ชื่อเริ่มต้นนักเลยครับ ถ้าเห็นว่าดีว่าชอบ ก็ใช้ต่อไป เหมือนชื่อที่พ่อแม่เราตั้งมา บางคนเบื่อ ถือเคล็ดเปลี่ยน ก็แล้วแต่ ดูที่ตัวคน ก็คนๆนั้นน่ะ จะเปลี่ยนชื่อไป ก็คนๆนั้นน่ะ ผมไปเจอเพื่อนเก่า สมัยประถมต้น ปรากฏว่า จำได้แต่หน้าตาเค้าๆ แต่ชื่อมันเปลี่ยนไปซะหรูหรา จำไม่ได้ ก็ยังคงเรียกชื่อเก่า หรือเขียนชื่อใหม่ในทำเนียบแต่วงเล็บชื่อเก่าให้จำได้

ลองไปอ่านดูตั้งแต่ต้นๆนะครับ อาจจะตาลายซะหน่อย กระทู้นี้ค่อนข้างยาว ดูเรื่องที่คุยไปก็นับวันจะเพิ่มไปเรื่อยๆ สงสัยต่อไปคงต้องทำ Index ซะแล้วล่ะมั้ง ไม่เบื่อ หรือครับ ตอนนี้กระทู้นี้ถูกหมุดยึดไว้ที่ตาราง ห้อง ลาเต้ ไปซะแล้ว วันไหนอีตา sigkaman มันตายไป หมดไฟ หรือหายไป จะทำยังไงเนี่ย อดจะหัวเราะไม่ได้............ฮิๆ  เอาละ พูดคุยต่อ

วันนี้วันสบายๆ ก็คุยเล่นแบบสบายๆก็แล้วกัน

เช้านี้ฟัง Trinity Radio เขาคุยว่า คำว่า หมอ นั้นหมายความว่าอย่างไร เขาบอกว่า หมอ แปลว่า ผู้แก้ปัญหา ฉะนั้นจะหมออะไร หมอดู หมอความ หมอยา หมอแคน หมอ.... อะไรก็ตาม ผู้ที่แก้ปัญหาให้ในเรื่องนั้น ก็มักจะเรียกว่า หมอทั้งนั้น

ฉะนั้น คุณจะภูมิใจหรือไม่ก็ตามที่คนเขาเรียกคุณว่า หมอ ก็เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ จะเป็นพยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ หรืออื่นๆ ชาวบ้านทั่วๆไปเขาชอบเรียกว่าหมอ ถ้าเป็นคนมีความรู้หน่อยก็จะเรียกแยกลงไปว่า แพทย์ เภสัช ทันตแพทย์ (ซึ่งมักเรียกหมอฟันซะมากกว่า)

แต่ชาวบ้านบางคนบอกว่า ? เอทำไมไปเรียก เรา คนขายยาว่า หมอ ไม่ใช่หมอซะหน่อย คุณจะตอบว่าไง ?

ความเข้าใจของคนบางคน อาจจะไม่เข้าใจ ก็อย่าไปถือเลยครับ ก็ต้องบอกเขาไปได้เลยครับ ว่า เราเป็นหมอยา หมอมีหลายชนิด ถ้า หมอเฉยๆคนก็นึกว่าเป็นแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่ พูดว่าหมอเฉยๆมีหลายวิชาชีพครับ แต่พูดว่า แพทย์ เภสัช ทันตแพทย์ อย่างนี้สิ มีอย่างเดียว

มีอีกอย่างนะ อาจจะเป็นเพราะ บารมีของวิชาชีพเรา มันยังไม่มากพอในความรู้สึกของประชาชนกระมัง ชาวบ้านเขาถึงบอกว่า เราเป็นเภสัช ไม่ใช่หมอ ต่อๆไปวิชาชีพเภสัช ก็คงจะดีขึ้น

หรือ พวกเรามักจะปกปิดการแสดงตัว การแสดงฐานะทางวิชาชีพของตัวเองในสังคม สังคมถึงไม่ค่อยรู้ว่ามีเภสัชกันเต็มบ้านเต็มเมือง

ดูสิครับ แพทย์น่ะ เขียนหรือลงนามอะไรต่างๆนาๆ ใช้ นายแพทย์ หรือ แพทย์หญิง นพ. หรือ พญ. กันเต็มไปหมด ทุกวงการ

ทำไมๆ เราไม่ใช้คำนำหน้า ภก. หรือ ภญ. อย่างเต็มภาคภูมิใจ โดยเฉพาะเอกสารหลักฐานที่ออกมาจากหน่วยงานในแวดวงทางวิชาชีพ สภา สมาคม หรือ กระทรวงสาธารณสุข หรือสาธารณสุขจังหวัดก็ตาม ถ้าเป็นเอกสารที่เป็นทางการ Formol ผมเห็นว่า ก็มีแต่เขียน นายแพทย์ นพ. หรือ พญ. ได้ แต่เขียน เภสัชกร หรือ เภสัชกรหญิง หรือ ภก. หรือ ภญ. ไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นเภสัช หรือจะมีบ้าง ก็มีน้อย น่าจะช่วยๆกันใช้ ภก. และ ภญ. ให้มากๆนะครับ

ผมเห็นอาจารย์ในคณะเภสัชหลายท่านทำเป็นตัวอย่างที่ดี เขียนชื่อ ภก.หรือ ภญ.นำหน้าตำแหน่งทางวิชาการ แต่อยากให้ใช้ในส่วนอื่นๆมากกว่านี้ครับ

ดูสิครับ เดี๋ยวนี้ เด็กๆ นศภ.ปี 4 ปี 5 ใส่เสื้อกาวน์สั้นตอนเรียน ผมว่าดี จะได้รู้สึกว่าเราก็เป็นหมอเหมือนกัน สมัยผมน่ะ ปี 4 ปี 5 ไม่มีใส่หลอกครับ ใส่ชุด นักศึกษาธรรมดา ถ้าจบแล้วไปทำงานด้านอื่นๆ ไม่เคยใส่เสื้อกาวน์สั้น มาใส่ก็จะรู้สึกเคอะเขิน

ทำไมครับ เราอายกันหรือครับ เราไม่ภูมิใจหรือครับ หรือเรากลัวกัน หรือกลัววิชาชีพอื่น กลัวทำไม ที่จะใช้คำหน้านามว่า ภก. ภญ.
ถ้าทุกๆคนใน Pharmacafe เห็นด้วยกับผม ใช้เลยครับ คำนำหน้า ในชื่อ User Name ครับ ทำให้มันดูตลกๆ แต่แฝงนัยยะ ครับ เป็นการปลุกจิตสำนึกในวิชาชีพครับ

ผมน่ะ ภก. Sigkaman ดูเท่ห์ไหมครับ ดูภูมิใจไหมครับ ว่าพวกเรา คือ เภสัชกร ถ้าคุณเห็นด้วยกับผม เรามารณรงค์ให้ใช้คำนำหน้านามให้มากกว่านี้ครับ เพื่อวิชาชีพเรา

จะได้รู้ๆกันเลย ใครเป็นเภสัช หรือไม่ใช่เภสัช เอากันซะตั้งเป็นไง ดูๆคนที่มาคุยในกระทู้นี้ ดูซิว่าถ้าคุณๆทั้งหลาย มีชื่อนำหน้าแล้ว คุณภูมิใจ ไหมครับ ว่าคุณเป็นเภสัชทั้งในที่ลับ และในที่โล่งแจ้ง

ว่าไงดูคุณๆที่มาคุยในกระทู้นี้ เห็นจะมี

ภก. apotheker
ภญ. sukanya_rx 19
ภก. paopong
ภญ. mono
ภก. adRIAmYCin        
ภญ. kwang_rx 19
ภก. niwat      
ภญ. doraemon
ภก. bannakan
ภญ. tikky
ภก. kumnungv
ภญ. rinko
ภก. Drug Center
ภญ. mino
ภก. colanarak
ภญ. hmanoi
ภก. morya    
ภญ. mana
ภก. Manit

เต็มใจไหมครับ คุณๆ ภก. และ ภญ. ทั้งหลาย ที่จะใช้ชื่อนี้

สวัสดีครับ

จาก ภก. Sigkaman
แก้ไขล่าสุดโดย adRIAmYCin เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ
แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน
และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภก. Sigkaman
 
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มิ.ย. 2008, 12:40

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย morya » 22 มิ.ย. 2008, 16:01

ครับมาอ่านข้อความของคุณ ภก.sinkaman แล้วก็ยินดีครับ ปิติครับ มีความสุขครับ กับแนวคิดดีดีเหล่านี้
ขอสอบถามอีกนิดครับ เวลาเปลี่ยนชื่อให้เป็น ภก.นำหน้าชื่อlogin นี่ทำยังไงครับ จะได้ทำตามครับ
ผมเห็นส่วนใหญ่ อาจารย์มหาวิทยาลัยนี่แหละครับ ที่ไม่ค่อยใช้ชื่อ เภสัชกร นำหน้า  แต่ตอนหลังก็เริ่มเห็นเยอะขึ้น ดีครับจะได้รู้จักบทบาทเภสัชกรกันเยอะขึ้น
morya
 
โพสต์: 241
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2007, 16:51

Re: แชร์ไอเดียตกแต่งร้านยา

โพสต์โดย ภก. Sigkaman » 24 มิ.ย. 2008, 08:56

กลับมาแชร์ไอเดียร์ใหม่
สานต่อปณิธาน  ส่งเสริมการพัฒนาร้านยา เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรชุมชน

เราคุยไปกันแล้วเรื่อง
1.          การเผยแพร่ความรู้ด้านยาและสุขภาพให้กับชุมชน
2.          การแต่งกายของเภสัชกรชุมชนในร้านยา
3.          การเพิ่มพูนความรู้ของเภสัชกรชุมชน
4.          เทคนิคการตรวจสอบวันหมดอายุด้วย Sticker สี 
5.          การนำเอาระบบ 3 P มาใช้ในการจัดการเรื่อง FIFO ในร้านยา
6.          การทำฉลากช่วยติดหน้าซอง ทำเอง
7.          การใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิในตู้เย็น (Medication Refrigerator)
8.          จุดแข็งของการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชนiคนรุ่นใหม่
9.          การสร้างเครดิตให้กับร้านยาเภสัชกรชุมชน
10.      การสร้างทัศนคติที่ดีในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
11.        ยาน้ำมีกล่อง VS ยาน้ำไม่มีกล่อง
12.        การให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการประกอบอาชีพเภสัชกรชุมชน
13.      การนำเสนอผลงานการพัฒนาปรับปรุงร้าน เพื่อให้การประเมินร้านยาคุณภาพผ่านง่ายขึ้น
14. การปลูกจิตสำนึก และ การรณรงค์ให้ใช้คำนำหน้านาม  ภก. และ  ภญ.

เรื่องที่อยู่ในคิว คือ เรื่อง
15.        การทำ Barcode เอง  เพื่อใช้กับสินค้าที่ไม่มี Barcode
16.        การใช้ซองสีชากับยาที่ป้องกันแสง
17.      การส่งต่อผู้ป่วยจากร้านยาไปโรงพยาบาล
18.      การทำบัญชีร้านยาตามข้อกฎหมาย
19.      การประชาสัมพันธ์ร้านยาคุณภาพในชุมชนของตัวเอง
****************************************************************************************************************************************

บารมีและเครดิตของวิชาชีพปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้  อย่าให้คนรุ่นหลังเรา ว่าเราได้ เหมือนกับที่เราว่า และท้อใจกับสิ่งที่เป็นผลพวงและเกิดในปัจจุบัน  สามัคคี ช่วยๆกัน ให้กำลังใจกัน วิชาชีพนี้จะค่อยๆดีขึ้น พัฒนาขึ้น   

การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน   

To be different and knowledge upgradable, You will be the Pharmacist     

โลกเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องพัฒนา การเปิดร้านยา มันเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของเภสัชกรชุมชน ไม่เหมือนก่อน     
   
อย่าถามว่า   วิชาชีพนี้ ให้อะไร แก่ท่าน  แต่ควรถามว่า  ท่านให้อะไร  แก่วิชาชีพนี้มากกว่า   

อย่าไปเปรียบเทียบกับ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร แต่จงพยายามทำดี อย่าหวั่นไหว มุ่งมั่น ถ้าเราเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นแนวทางที่ดี ทีถูกต้อง     

จงพยายามมองไปการไกล มองไปข้างหน้า มากกว่าจะมองภาพ หรือปัญหาที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน   

ในชีวิตของการเป็นเภสัชกรชุมชน  การพัฒนาร้านยาให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ถือว่า ได้รับใช้วิชาชีพเภสัชทางหนึ่ง การได้รับการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพ  ก็เปรียบเสมือน  การได้รับใบปริญญาทางวิชาชีพ ของการเป็นเภสัชกรชุมชนอีกหนึ่งใบ
   
ไปร้านยาถามหาเภสัชกร  และให้เภสัชกรจัดยาให้     

การมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มองโลกในแง่ดี มีใจรักในงานที่ทำ ชีวีตมีสุข  ร้านยามีการพัฒนา   

รู้เขา รู้เรา ความไว้วางใจมีมากขึ้น สิ่งที่ยากก็จะง่ายขึ้น

ตัวเองไม่เคยคิดว่า การให้ จะต้องแลกกับ การได้รับ  เราควรทำให้ทุกวันเป็นเหมือนวันสุดท้ายของชีวิต เพราะนั่นแปลว่า เราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้แก้ตัวอีกต่อไปแล้ว       ---- ดร. ภญ .กฤษณา ไกรสินธุ์

อยากส่งแรงส่งกำลังพลังเชียร์                     
อย่าเพิ่งเพลียละเหี่ยใจไปเลยหนา
เรื่องบางเรื่องคนหนึ่งฝันมันธรรมดา                 
เป็นอัตตาความคิดเฉพาะตน
ร้านยาห้องยาเสมือนดังตราเภสัช                 
ช่วยกันพัฒน์เปิดบทบาทให้เห็นผล
ใช่ว่าจะเปิดปิดได้ในบัดดล                       
เราทุกคนมีสิทธิค้านวิจารณ์ดัง
ถ้าร่วมด้วยช่วยกันทำช่วยกันคิด                 
ถูกหรือผิดเป็นบทเรียนที่สอนสั่ง
ให้เราพร้อมหลอมใจหลอมพลัง                 
เป้าที่ตั้งเปิดบทบาทเภสัชไกล       
---- ดร. ภญ. พัชราภรณ์ ปัญญาวุฒิไกร

****************************************************************************************************************************************

สวัสดีครับ ภก. และ ภญ. ทั้งหลาย สวัสดีตอนเช้าๆเช่นเคย

ช่วงนี้แถวมหาชัย แดดดีครับ แดดจัดแต่เช้าทุกวัน สว่างเร็ว ร้อนเร็ว
หลังจากส่งเด็กโตไปโรงเรียน แต่ไม่ได้ไปเรียนนะครับ ภารกิจของผมก็หมด มาเปิด Office

ช่วงนี้ ไม่ได้ไปออกกำลังนอกบ้าน แดดจัดเร็ว ก็เลย Sit Up อยูกับบ้านสัก 20 ที จะได้พุงยุบหน่อย ถ่ายง่ายขึ้น
เขาบอกว่า พอมีอายุ ให้กินกล้วยน้ำว้า วันละ 2-3 ลูก จะได้ถ่ายง่ายขึ้น ก็คงควบคุมอาหารตามเคย

วันนี้อารมณ์ดี เปิดเพลงลูกทุ่งเก่าๆแต่เช้า วันก่อนไป download มาลงเครื่อง ก็มีเพลงลูกทุ่งเก่าๆ เช่น ของ ระพิน ภูไท ก็ คนสวยใจดำ คุณนายโรงแรม ชุด อารีดัง ก็เพราะ ชุดของสุรพล เก่าๆ ก็เพราะ ของ ก.วิเศษ ก็ ไทยดำรำพัน ลาสาวแม่กลอง สาวสวนแตง หลายเพลงเพราะๆ เก่าๆ วันก่อนลูกได้ยินเพลงเก่าๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะเพลง อีแม๊ะ บอกว่า เพลงอะไรก็ไม่รู้ ตลกดี ก็ไม่รู้นะเพลงเหล่านี้ พวกคุณๆ รู้จักกันรึเปล่า เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ต้องฟังเพลงลูกทุ่งครับ ถึงจะเข้ากัน ผมน่ะกำลังหาเพลง นกกะปูดตาแดง จำไม่ได้ว่าชื่อเพลงอะไร ยังหาเพลงลูกทุ่งเก่าๆมาฟังอยู่ ใครรู้บอกด้วยนะ

พูดถึงชื่อ ภก.และ ภญ.ที่วันก่อนคุยไป ถ้าเอาไปนำหน้าชื่อ Username ก็คงต้องแก้ไขเป็นคนใหม่ คงจะยุ่งยากพอดู แต่เห็นชื่อ ภญ.hmanoi ถ้าอ่านเป็นไทยก็คงจะตลกดี ทำให้คิดถึงเมื่อก่อน เล่น วิทยุเถื่อน ตอนนั้น โทรศัพท์มือถือไม่บูมอย่างนี้ พวกเราก็ตั้งชื่อ ในพวกๆที่เล่นวิทยุช่องความถี่หนึ่งว่า มะ คือ ใช้ชื่อ มอม้านำหน้าอะไรก็ได้ ก็มี มะม่วง มะเหมี่ยว มะพร้าว อะไรทำนองนั้น แต่ไม่งั้นสิครับ เวลาไปเจอกัน Meeting กัน เรียกชื่อ ที่ใช้กันในวิทยุ ชาวบ้านได้ยินพวกเราคุยกัน พูดออกมาให้ได้ยินว่า คนอะไรก็ไม่รู้ ชื่อประหลาดจัง ก็อดหัวเราะกันเฮไม่ได้

ผมน่ะลงรูปใหม่ ใช้ชื่อใหม่ ดูๆอะไรให้มัน Fresh ขึ้น เหมือน Website ของ Pharmacafe ก็ยังเปลี่ยนรูป เปลี่ยนสีสัน เช่นกันครับ ชีวิตคนเรา ก็ต้อง Refresh บ้าง เดี๋ยวจำเจ จะสังเกตว่าแต่ละช่วงชีวิตของเรา ก็จะวุ่นๆเป็นเรื่องๆ มันผ่านไปเป็นช่วงๆ ที่พูดอย่างนี้ ก็เพราะเริ่มแก่ แต่แก่ยังไง หน้าตายังไม่ถึงในรูปใต้ ภก. Sigkaman นะครับ แต่อนาคตก็คงมีลักษณะอย่างนั้น

ครับเบื่อๆก็ปรับเปลี่ยนบ้างแก้เซ็ง เห็นน้องๆมาบ่นในกระทู้ ก็บอกได้เลยว่าเห็นใจ แต่อย่างว่านะครับ ทุกงานทุกอย่างมีปัญหา มีความหงุดหงิดทั้งนั้นครับ ถ้าอยู่ร้านก็เจอคนที่พูดถูกใจ ไม่ถูกใจ ก็คนมันร้อยพ่อพันฐุ์แม่ล่ะครับ มีทั้งดี และไม่ดี พูดง่าย พูดยากก็มี

บอกได้เลยครับ พยายามลดความเครียดครับ ถ้าไปทำงานโรงพยาบาล โรงงาน หรือ ทำงานด้านอื่นๆ ก็เครียดยิ่งกว่านี้ครับ แต่ร้านยายังดีกว่าครับ เครียดแล้วก็หมด แต่ทำงานด้านอื่น เครียดแล้วหายยากครับ แก้ยาก อีกต่างหาก นอกจากต้องลาออกครับ

ตอนผมมาเปิดร้านใหม่ๆ คนน้อยเอามากๆ เมื่อก่อนยังไม่มี Internet วันๆก็อ่านหนังสือเป็นเล่มๆ ดูหนังเป็นเรื่องๆ เช่ามาบ้าง ยืมมาบ้าง ว่างๆเบื่อๆก็จัดร้าน ย้ายเคาน์เตอร์บ้างล่ะ ย้ายไปย้ายมาไม่รู้กี่รอบถึงลงตัว ลูกค้าบอกเลย ว่ามาที่ร้านแต่ละครั้ง จำไม่ได้ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ก็เบื่อๆอย่างนี้ล่ะครับ แก้เซ็ง ไม่มีที่มาระบายใน Pharmacafe เซ็งๆก็ลองเปลี่ยนแปลงอะไรๆบ้างนะครับ อาจดีขึ้น

แต่สิ่งหนึ่งอยากจะบอกนะครับ ลูกค้าจะไม่ดียังไง เราต้องมีศักดิ์ศรีนะครับ เราเป็นเภสัชกร เราเป็นหมอยา บางครั้งอย่าไปยอม เราไม่ใช่พ่อค้า เงินกำไรเพียงนิดหน่อย แรกกับศักดิ์ศรี และชื่อเสียง บางทีไม่คุ้ม ก็ปล่อยไป อยู่ที่ตัวเราครับ บางครั้ง เห็นท่าจะไม่ได้เรื่อง พูดปัดไปเลยครับ แต่พูดปัดแบบสุภาพๆนะครับ เราเป็นคนมีการศึกษา จะพูดคำหยาบคายไม่ได้ อดกลั้นครับ ทำงานด้านนี้ต้องอดทน เดี๋ยวคนนี้ไปก็จบครับ อย่าเอามาคิดให้สมองโป่งเปล่าๆ ปล่อยไป ผมถึงบอกว่า คนที่มาหาเรา ร้อยพ่อพันธุ์แม่ ก็อย่างนี้ล่ะ เอาเวลาไปเอาใจลูกค้าดีๆดีกว่าครับ

ผมถึงบอกว่า เราต้องวางมาดความเป็น Profeesional อาจแสดงออกในรูปการแต่งกาย การปฎิบัติตัวขณะที่พบปะผู้คนที่มาที่ร้าน การเขียนซองยา จัดยา ผสมยา หรือ การพูดให้เขารู้ว่า เรามีความรู้ด้านนี้ อธิบายได้ พูดอัดข้อมูลไปเลยครับ ไม่เชื่อ ไม่ฟัง สุดท้ายก็ต้องปล่อยไป เราต้องมีจุดยืน และ ศักดิ์ศรีของการเป็นเภสัชกรชุมชนนะครับ อย่าลืมนะครับ ความคิดที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้าน่ะ ใช้กับพ่อค้านะครับ เราเอามาใช้ได้บางเวลาบางโอกาสเท่านั้นครับ

ถ้าคนใกล้ตัวบอกว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เปรียบเทียบว่าไม่เหมือนร้านขายยาร้านอื่นเขาทำ บางครั้งเราเห็นว่าไม่ถูกไม่ควร ไม่อยากอธิบายมากก็บอกไปเลยครับว่า เราไม่ใช่พ่อค้า เราเป็นเภสัช เรามีศักดิ์ศรี ไม่ใช่พ่อค้าขายยา เราทำอย่างนั้นไม่ได้ เรามีศักดิ์ศรี มีเกียรติ จะมาลบหลู่เราไม่ได้ เราไม่ยอม พูดแล้วเลือดขึ้นหน้าครับ ดูสิผมหน้าแดงหมดเลย ฮิๆ

แหมพูดแล้วมีอารมณ์ ไปต่อเรื่องอืนที่อยู่ในคิวไม่ไหว
เมื่อวานก็มัวแต่ลุ้น ดูขุนศึกฝั่งธน กับ ขุนศึกฝั่งพระนคร เขาออกรบ วันนี้ก็คงดูต่อ 13.00 น.

เอาล่ะครับ พอหอมปากหอมคอ ไปล่ะครับ
สวัสดี
แก้ไขล่าสุดโดย adRIAmYCin เมื่อ 17 ก.ค. 2008, 17:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรร้านขายยาที่รวย ขายได้มากๆ
แต่เป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน
และผดุงไว้ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรในสายตาของประชาชน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภก. Sigkaman
 
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มิ.ย. 2008, 12:40

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ลาเต้

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document