ผมถึงได้บอกว่าป่วยการไปเจรจากับคนทำผิดกฎหมาย
ลองอ่านคำตอบผมดีๆไม่มีประโยคไหนไม่สุภาพ ก็เหมือนเจ้าของกระทู้นั่นแหละ
ไม่มีคำหยาบสักคำ เพราะผมด่าหยาบไม่เป็น ด่าได้แต่แบบละเอียด
พรบ.ยาเค้าออกมา40ปีแล้วนะครับ ยังใช้ให้เป็นรูปธรรมไม่ได้ ก็เพราะเจอพวกหัวหมอตี๋แบบนี้แหละครับ อ้างสารพัด เภสัชไม่พอบ้างล่ะ กลัวชาวบ้านจะเสียโอกาสในการได้รับยาบ้างละ แต่สิ่งที่เป็นจริงกลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง
ร้านยาหลายร้านส่งลูกเรียนเภสัชจนจบ แต่พอจบแล้วเภสัชจะไปไหนก็ไป เอาป้ายมาไว้ที่ร้านเป็นพอ อย่าได้มายุ่งกับกิจการที่ร้าน เพราะวิธีการขายยาต่างกัน วิธีคิดต่างกัน
น้องๆบางคนจบเภสัชมาไปเปิดร้านยาในท้องที่ที่ตัวเองใช้ทุนอยู่ แต่เจอตัดราคาจากร้านที่ไม่ใช่เภสัชเจ้าถิ่น จนไม่คุ้มที่จะเปิดร้านต่อให้เหนื่อยใจ แถมพฤติกรรมการบริโภคก็ถูกบิดเบือนเคยซื้อยาชุด เคยกินสเตียรอยด์กันจนชิน ร้านเภสัชไม่จ่ายให้ก็เคือง ซื้อทีซีกาโน่แก้มดลูกอักเสบ ร้านเภสัชไม่จ่ายให้ก็เคืองอีก
ผมไม่เคยมองว่าคนพวกนี้โง่กว่าเภสัชสักนิด แต่ผมว่าฉลาดเป็นกรดเลยทีเดียวละ แต่ฉลาดแกมโกง ไม่มีจิตสาธารณะ ไม่คิดจะช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างแท้จริง ดูจากเหตุผลประกอบ หรือคำขู่ที่ยกมาให้ดูก็จะรู้ คิดแต่เชิงธุรกิจ
คนพวกนี้ฉลาด อยู่กับชาวบ้านมานาน รู้วิธีดึงมวลชน สร้างภาพ ประดิษฐ์คำพูดใ้ห้ดูดี หลายคนผันตัวเองเป็นนักการเมืองท้องถิ่นยิ่งเพิ่มบารมีสะสมอำนาจ จ่ายยาไม่ต้องกลัวเกรงสสจ.กันละทีนี้่
ทุกวันนี้เภสัชกรเราเสียโอกาสในการแสดงบทบาทในสังคนไปเยอะ ก็เพราะปล่อยคนพวกนี้ไว้นานเกินไป ทำลายภาพลักษณ์ของร้านยาที่น่าจะเป็นบริการสาธารณสุขมูลฐานกลับขาดความน่าเชื่อถือ สังเกตุได้จากคำพูดติดปาก อย่าซื้อยากินเองให้ไปหาหมอ และทุกวันนี้ อสม.จะดูน่าเชื่อถือกว่าร้านยาแล้ว ถูกดึงเข้ามาเป็นสาธารณสุขขั้นมูลฐานแทนในระบบ สปสช. ก็เพราะภาพของร้านยาเราถูกบิดเบือนไปให้เป็นเพียงพ่อค้าขายยา นี่แหละ