New Document









ขอถามเภสัชกรร้านยา

เภสัชกรร้านยา

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย ganphak » 08 ก.ค. 2010, 14:03

ถ้าไม่ใช่เภสัชกรตัวจริง มายืนขายยา เดี๋ยวนี้ผู้บริโภคเค้าไม่โง่นะคะ
ถ้าปรึกษาปัญหาสุขภาพ แล้วตอบคำถามเค้าไม่กระจ่าง
แล้วเกิดคุณลูกค้าเค้าถือผล lab ทางการแพทย์
มาให้คุณช่วยแปล ไม่ทราบว่าคุณจะอ่านได้อย่างไร
ไม่ใช่เก่งภาษาอังกฤษอย่างเดียวแล้วจะอ่านได้นะค่ะ
ฉะนั้นนี่คือความแตกต่างค่ะ ของเภสัชกร กับร้านยาหมอตี๋
เรารู้ลึกรู้จริง อาจจะไม่เก่งเท่านายแพทย์หรือแพทย์หญิง
แต่เราก็มีความรู้มากกว่าคนที่ไม่ได้เรียนด้านนี่มา อย่างแน่นอน
ganphak
 
โพสต์: 2734
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 มี.ค. 2009, 11:26







Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย rinko » 08 ก.ค. 2010, 14:13

เปิดร้านปีแรก ถามตัวเองทุกวันว่า ทำอะไรอยู่ กำไรก็น้อย หมอตี๋เต็มซอย รวม 6 ร้าน คลังยาตัดราคา ฉันจะมานั่งทำร้านยาคุณภาพทำไม

วันนี้แค่ 3 ปีผ่านไป เหลือร้านยา 2 ร้าน ร้านนึงมีพ่อแม่เภสัชกรขายยาแทนลูก อีกร้านนึงมีเภสัชกรเต็มเวลาและเป็นร้านยาคุณภาพ ร้านที่เหลือหายไปหมดแล้ว ถ้าไม่ปรับตัว เปลี่ยนแปลงให้มีคุณภาพ ไม่กล้าลงทุนจ้างเภสัชกร ก็คงไม่ต่างจากร้านยา 4 ร้านนั้นที่หายไป คุณเลือกเอาละกันว่าจะทำเป็นร้านยาคุณภาพ จ้างเภสัชกรเต็มเวลา หรือค่อยๆตายจากไปจากธุรกิจนี้

โดยส่วนตัวไม่กลัวการล้มเหลว ไม่กลัวว่าร้านยาที่ทำจะเจ๊ง จะมีคู่แข่งใหม่ เพราะโดยส่วนลึกแล้ว อยากเป็นเภสัชกรมากพอที่จะคิดเงินคนไข้ราคาไม่แพง อยู่ด้วยตัวเองทั้งวัน มีเภสัชกรหรือผู้ช่วยมาอยู่ด้วยบ้าง จากที่เคยได้เงินน้อยกว่าเงินเดือนตอนอยู่บ.ใหญ่ จนถึงวันนี้ ได้เงินมากพอที่จะเอาไปต่อยอดอย่างอื่นได้มากมาย และคนไข้ก็เพิ่มจำนวนจากสิบเป็นร้อย เห็นแล้วภูมิใจค่ะ ถ้าคุณมีร้าน มีเงินลงทุน ก็ทำร้านเป็นร้านยาคุณภาพ จ้างเภสัชกรดีดี แต่ถ้าทำเลมันทำไม่ได้ก็ทำอย่างอื่นซะค่ะ ข้ออ้างทั้งหมดที่บอกว่า เราทำไม่ได้ มันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก แล้วก็ส่งออกมาเป็นการกระทำ แต่หากคุณคิดว่าทำได้ กล้าจ้างเภสัชกร กล้าปรับปรุงร้าน ก็รีบทำค่ะ ดิฉันคงไม่ต้องบอกอะไรคุณเพิ่มดูจากการพิมพ์ตอบเภสัชกรแล้ว บ่งบอกว่าคุณทั้งฉลาด ทั้ง IQ และ EQ สูงพอจะเข้าใจ

อย่าแช่งร้านยาเภสัชกรเลยค่ะ ว่าจะกลายไปเป็นร้านชำ เพราะก่อนที่ร้านเภสัชกรจะกลายไปเป็นร้านชำ มันมีร้านยาอีกกลุ่มนึง ที่จะสูญสลายไปก่อนอยู่แล้ว ซึ่งคุณเองก็คงรู้ว่าเป็นร้านยาแบบไหน

การเป็นเภสัชกรแล้วเป็นขี้ข้าต่างชาติก็ไม่ได้เลวร้ายนะคะ แต่ถ้าร้านหมอตี๋เจ๊งไป อยากรู้จังค่ะ ว่าจะไปทำงานอะไร อ้อ คงเปิดร้านชำไม่ได้ เพราะร้านชำก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ที่สำคัญถ้าร้านหมอตี๋เจ๊งหมด อาจจะดีกว่าสำหรับเภสัชกรด้วย สภาเภสัชกรรมและอย.จะได้ปัดกวาดระบบล้าหลังนี้ได้ดีขึ้นด้วยซ้ำไป

ลืมบอกไปค่ะ คุณใช้ลักษณะคำพูดจาเหมือนหมอตี๋ในซอยดิฉัน ที่พูดกับคนไข้ แล้วคนไข้มาเล่าให้ฟังเลยค่ะ อ้อ ร้านนี้เพิ่งปิดไปหมาดๆนี่เองค่ะ

อ่านความเห็นคุณ API ดีดีละกันค่ะ ดิฉันเห็นว่าเขาเขียนเหมือนคุณ Barrios ออก

ดิฉันต้องขออภัยจริงๆ เรื่องเภสัชกรมีการศึกษาสูง มันแก้ไม่ได้จริงๆค่ะ ส่วนระบบจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์นี่ ยินดีอย่างมาก ถ้าทำได้ ร้านยาหมอตี๋คงเจ๊งระนาว เพราะไม่รู้จัก Drug-interactions, abbreviation, side-effects, และอีกมากมาย ที่สำคัญ จะรู้ไหมว่าใบสั่งแพทย์อันไหนของปลอม อันไหนของจริง อ่านออกไหม ยาแต่ละตัวจ่ายยังไง ทำฉลากตามใบสั่งยังไง ทำบันทึกการจ่ายยายังไง เรื่องพวกนี้แหละค่ะ งานเภสัชกรรม ไม่ใช่การวินิจฉัย ซึ่งเป็นเรื่องของแพทย์ ที่คุณเอามาเทียบว่าเภสัชกรก็เหมือนหมอตี๋ ก็เพราะคุณเป็นหมอตี๋เลยถือโอกาสคิดว่าตนเองก็เก่งเหมือนเภสัชกร และยังคิดไปเองอีกว่า ตนเองก็มีปัญญาวินิจฉัยโรค


อยากตอบความเห็นเท่านี้ละค่ะ
ขออภัยหากเห็นว่าคำตอบเหล่านี้ขัดต่อความเป็นหมอตี๋ของท่าน
แต่ดิฉันตอบเพราะเป็นความจริงของประเทศไทยจริงๆ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rinko
 
โพสต์: 662
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2008, 14:53

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย moomoo » 08 ก.ค. 2010, 14:23

sjk28 เขียน: ..

แต่ขอบอกพวกคุณเภสัชกรไว้ด้วยนะครับ
พวกคุณเรียนมาสูง ก็ไม่ใช่คนอื่นๆ ต่ำนะครับ
..


เภสัชกรด้วยคนค่ะ
เรียนสูง (จบตรีเภสัช จบโทMBA ขายยาอยู่บ้าน) .. แต่ก็ไม่ได้มองคนอื่นต่ำ มองคนจากการกระทำและพฤติกรรมมากกว่า

บางทีการตั้งกระทู้ก็ต้องเปิดใจ เตรียมใจกับคำตอบที่คนตอบเค้าตอบอย่างตรงไปตรงมา
ถ้าคาดหวังแบบครับ / ค่ะ ยิ้มหวาน ใส่หน้ากาก ก็คงรับไม่ได้กับอะไรที่มันตรงๆ จริงใจ :ugeek:
moomoo
 
โพสต์: 399
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 12:57

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย Epinephrine » 08 ก.ค. 2010, 14:27

อยากรู้ก็ตอบให้ึครับ ทีละคำถาม
วันนี้อารมณ์ดี สเปนชนะ :lol: :lol:

1. เงินเดือนของเภสัชกรเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

คำว่าเหมาะสมไม่มีขั้นต่ำขั้นสูงครับ
ตลาดมันจะมี Optimum Point ของมันเอง มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย
มันคือ Demand - Supply ครับ

อย่าเรียกเงินเดือน เราเรียกค่าตอบแทนดีกว่า

ค่าตอบแทนมันจะแบ่งง่ายๆ สองแบบ คือค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน กับค่าตอบแทนที่ไม่ใช่เงิน
ขออนุญาตเลคเชอร์แล้วกันนะครับ เผื่อหลายๆ ท่านที่ยังไม่รู้ จะได้เพิ่มความรู้ด้วย อาจจะไม่ดีนัก

1. ค่าตอบแทนที่เ็ป็นตัวเงิน (Financial Incentive) ก็คือการกำหนดให้รายได้เป็นปัจจัยหลักในการตอบแทนผลการทำงาน ปรกติในวงการแพทย์เราแบ่งเป็นสองอย่างคือค่าตอบแทนเหมาจ่าย เช่นเงินเดือน เบี้ยยังชีพ ฯลฯ กับค่าตอบแทนเป็นกรณี เช่นรายคนไข้ ค่าตอบแทนตามยอดขาย

สมมติว่า คุณให้เหมาจ่าย 10,000 บาท และรายคนไข้ รายละ x บาท หรือตามยอดขายเช่นร้อยละ 0.x ของยอดขาย นี่คือราคาค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน

ถ้าคุณให้มากกว่าที่อื่น คุณก็อาจจะอยู่ไม่ได้ ถ้าให้น้อยกว่า คนก็ไม่มาทำ ตรงนี้เป็นกลไกตลาดอยู่แล้วครับ บางคนจัดพวกสวัสดิการ เช่นบ้านพัก ค่ารักษาพยาบาลไว้ในส่วนนี้ด้วย

2. ค่าตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงิน *Non-financial Incentive) ตรงนี้เป็นจุดที่จะนำมาชดเชยกรณีที่เราอาจจะจ่ายได้น้อยกว่าที่อื่น ค่าตอบแทนพวกนี้เช่น การให้วันหยุดพัีกผ่อนเพิ่ม กรณีที่ขายได้มาก การส่งไปดูงาน ฝึกอบรม

ประเด็นสำหรับคำถามนี้คือ การสร้างระบบ incentive ที่เหมาะสมในร้านยา standalone นั้น จะทำได้อย่างไร???
เพราะเภสัชกรหลายๆ คนรวมถึงผมด้วย ยึดเกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพ (ไม่ใช่ของตัวเรา) ที่จะทำให้ประชาชน มากกว่าเงินมากมาย
แต่การที่เป็นลูกจ้างนั้น อาจจะตอบได้ไม่ตรงใจ
ส่วนที่สำคัญอีกอย่างคือความก้าวหน้า เพราะร้านยาแบบ standalone ไงๆ ก็ไม่ได้มากกว่านี้

ว่างๆ เดี๋ยวคงเขียนบทความให้อ่านกันได้

2. ความไม่มั่นคงและไม่มีโอกาสก้าวหน้าในร้านยา

คำถามนี้คือสิ่งต่อเนื่องจากข้อแรกครับ
ร้านยาไม่ใช่จะไม่มีโอกาสก้าวหน้า แต่ผู้ประกอบการร้านยา กล้าทำให้ผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพของคุณก้าวหน้าหรือไม่??
บางคนพอใจแล้วครับ กับแค่เงินเดือนขึ้นปีละ 3-5% (ตามอัตราเงินเฟ้อ)
บางคนก็อยากได้เพิ่มสักหน่อย ตามประสบการณ์
หลายๆ คนอยากเป็นผู้บริหารใหญ่โต

สมดุลของระบบ จะเป็นตัวกำหนดครับ
ถ้าทนอยู่ไม่ได้ ก็ลาออกไปทำอย่างอื่น คุณก็ต้องหาคนใหม่เข้ามา ถ้าหาไม่ได้ ร้านก็ต้องเลิกทำ

มันไม่ใช่ความโหดร้ายครับ มันเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า inconvenience truth

กลไกธรรมชาติของธุรกิจมันมีอยู่ ถ้าคุณไปได้ ร้านคุณก็ขยายใหญ่โต มีเงินจ้างคนได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องเลิกครับ เป็นเรื่องธรรมดา

ไม่เกี่ยวว่าร้านยาฝรั่งหรือไทยหรอกครับ

3. หากทุกท่านเห็นว่าทั้งประเทศต้องเปลี่ยน ใครอยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็ไปทำอาชีพอื่น


มันเป็นเรื่องธรรมชาติของธุรกิจ เพียงแต่ร้านยานั้น เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและจริยธรรมครับ
ดังนั้นแล้ว หากใครปรับตัวไม่ได้กับสามประเด็นคือ
1. การทำธุรกิจ
2. จริยธรรมทางการแพทย์
3. ความรู้ทางการรักษาพยาบาลและการใช้ยา

ก็ต้องออกไปจากธุรกิจครับ
หลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว การตั้งร้านยาสงวนไว้กับเภสัชกรเท่านั้น เพราะมันไม่ใช่แค่การค้า แต่มันคือชีวิตมนุษย์
ในขณะที่หลายๆ ประเทศนั้น เภสัชกรทำหัตถการบางอย่างได้ด้วยซ้ำ

บอกแล้วครับ มันก็แค่ An inconvenience truth

4. คำถามนี้ถามเพราะอยากทราบจริงๆ
ทุกท่านเลือกวิชาชีพหรือประชาชนมากกว่ากัน
ณ. เวลานี้ร้านยาไม่มีร้านไหนที่ไม่ต้องการเป็นร้านยาคุณภาพหรอกครับ
แต่ติดที่ค่าจ้างเภสัชกรจริงๆ
คำถามก็คือถ้าเงินเดือนของเภสัชน้อยลง ต้องมาอยู่จังหวัดเล็กๆ
ทุกท่านคิดว่าจะมีเภสัชกรซักกี่คนเลือกทำเพื่อประชาชนยอมมาอยู่ที่กันดารเพื่อประชาชน

คำถามนี้ตอบง่ายครับ

ทุกคนเลือกตัวเอง ไม่ใช่วิชาชีพหรือประชาชน
มันคือระบบอุปสงค์อุปทานที่แท้จริง

แต่ว่าไม่ใช่เสมอไปที่คนจะไม่ยอมลดเงินเดือนครับ คำว่าเลือกตัวเอง อาจจะมี non-financial incentive ที่สำคัญหลายๆ อย่าง เช่นใกล้บ้าน เจ้าของนิสัยดี ฯลฯ

ตอบไม่ได้ครับ
ผมเองทิ้งเงินเดือนมาอยู่เป็นลูกจ้างต๊อกต๋อยในหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนาคนแทนที่อนาคตอาจจะได้เป็นหัวหน้าแผนกในรพ. สักแห่ง เพียงเพราะยึดมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพ

ในขณะที่บางคน แขวนป้ายแบบไม่อายฟ้าดินไม่สนใจอะไร ใครจะเป็นจะตาย ขอตังไม่กี่พันก็พอแล้ว

ดังนั้น ตัวแปรที่เป็น incentive มีผลครับ ถ้าจัดหาได้อย่างเหมาะสม เราจะได้คนที่มาทำงานกับเราเอง

แต่ถ้าเราจัดการไม่ได้ คนก็จะไม่มาหาเรา และแน่นอนครับ ด้วยกลไกธรรมชาติ มันย่อมจบไป

5. เภสัชกรมีสิทธิวินิจฉัยโรคหรือไม่

มีสิทธิวินิจฉัยพื้นฐานและจ่ายยาบางกลุ่มครับ หลักๆ เราจะใช้การให้ความรู้ เช่น มีแนวโน้มจะเป็นอะไรได้บ้าง และ
ตรงข้ามกับแพทย์ที่ไม่มีสิทธิจ่ายยาครับ จริงๆ พรบ. ยา ปี 2510 ระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่ไม่มีใครทำตาม แถมไม่มีใครเอาผิดอะไร

แม้ระบบจริงๆ ควรจะให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและสั่งใช้
เภสัชกรจะเ็ป็นผู้คอยสนับสนุนด้านยาและจ่ายยาเอง

สมัย พรบ. ยาปี 2510 ออก ก็มีเจตนารมณ์เช่นนี้ครับ

อยากทราบความเห็นเท่านี้ละครับ
ขออภัยหากเห็นว่าคำถามเหล่านี้ขัดต่อความเป็นวิชาชีพของหลายๆ ท่าน
แต่ผมถามเพราะเป็นความจริงของประเทศไทยจริงๆ


ไม่มีอะไรขัดครับ และความจริงของโลกนี้บางอย่าง อาจจะกระทบตัวคุณเอง คุณก็ต้องยอมรับได้เช่นกัน
ชีวิตสั้นกว่าที่เราคิดไว้เสมอ
-----------------------------------------------
รักษาความเป็นวิชาชีพ
Welcome to Pharmatographer's Site
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Epinephrine
 
โพสต์: 216
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2006, 17:33
ที่อยู่: กรุงเทพ

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย mingrx19 » 08 ก.ค. 2010, 14:35

รู้สึกกระทู้นี้จะออกทะเลไปแล้วนะคะ...
แต่อยากจะฝากไว้สำหรับเจ้าของกระทู้นะคะ

"การเปลี่ยนแปลงน่ะ ยังไงมันก็ต้องเปลี่ยน จะช้าจะเร็ว มันก็ต้องเปลี่ยน"
แต่สำหรับเมืองไทยมันจะอาจจะช้านิดนึง
สำหรับ ขย.2 อาจจะหายไปเมื่อวันที่ ผู้มีสิทธิ์นั้นเสียชีวิต
ส่วน ขย.1 แขวนป้าย ยังไงคุณก็ต้องปรับตัวแหละค่ะ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่ ณ วันนี้ บอกได้เลยว่า เมืองไทยยังไม่พร้อมที่จะเป็นร้านยาคุณภาพทั่วประเทศเท่านั้นเอง

ส่วนตัว เป็นเภสัชกรร้านยาที่ยังไม่ได้เป็นร้านยาคุณภาพ
ที่ยังไม่ได้เป็นร้านคุณภาพ เป็นเพราะความขี้เกียจของตัวเองนะคะ ไม่ได้เป็นเพราะระเบียบ หรืออะไรต่างๆที่ อย.เค้ากำหนดออกมาเลย

ก็หวังว่า เจ้าของกระทู้ คงจะหาทางเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความอยู่รอดนะคะ
ปัญหาของคุณมีทางออกนะคะ อยู่ที่ว่า คุณจะทำมันรึป่าวเท่านั้นเองแหละค่ะ
mingrx19
 
โพสต์: 340
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2006, 16:17

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย Epinephrine » 08 ก.ค. 2010, 14:37

mingrx19 เขียน:ส่วนตัว เป็นเภสัชกรร้านยาที่ยังไม่ได้เป็นร้านยาคุณภาพ
ที่ยังไม่ได้เป็นร้านคุณภาพ เป็นเพราะความขี้เกียจของตัวเองนะคะ ไม่ได้เป็นเพราะระเบียบ หรืออะไรต่างๆที่ อย.เค้ากำหนดออกมาเลย

ไม่ใช่ว่าไม่เป็นเพราะมัวแต่วางแผนแต่งงานหรอ :lol: :lol: :lol:
ชีวิตสั้นกว่าที่เราคิดไว้เสมอ
-----------------------------------------------
รักษาความเป็นวิชาชีพ
Welcome to Pharmatographer's Site
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Epinephrine
 
โพสต์: 216
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2006, 17:33
ที่อยู่: กรุงเทพ

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย mingrx19 » 08 ก.ค. 2010, 14:44

Epinephrine เขียน:
mingrx19 เขียน:ส่วนตัว เป็นเภสัชกรร้านยาที่ยังไม่ได้เป็นร้านยาคุณภาพ
ที่ยังไม่ได้เป็นร้านคุณภาพ เป็นเพราะความขี้เกียจของตัวเองนะคะ ไม่ได้เป็นเพราะระเบียบ หรืออะไรต่างๆที่ อย.เค้ากำหนดออกมาเลย

ไม่ใช่ว่าไม่เป็นเพราะมัวแต่วางแผนแต่งงานหรอ :lol: :lol: :lol:


ขอ เหล่ ซัก 3 ตัวได้มั้ย
คนอื่นเค้ารู้หมด..ชิส์
mingrx19
 
โพสต์: 340
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2006, 16:17

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย TDPharm » 08 ก.ค. 2010, 14:55

คำถามเจ้าของกระทุ้ดีนะครับ แต่บางทีก็อยากให้เข้าใจเภสัชกรเราด้วย...

แต่อย่างว่า มีบางอยางได้ บางอย่างเสีย ก็ต้องมีอารมณ์กันหน่อย

ยังไงก็เข้ามาแนะนำ ก็ไปที่ Recipe zone ห้อง โรบัสต้าไปประกาศหาเภสัชกร มาอยู่ร้านนะครับ รับรองไปโลดดดดดดด

ไม่ก็ไปห้อง สภากาแฟ มีทางออกสุดท้ายอยู่ที่นั้น ดินแดนสุดท้ายที่หลายคนต้องไป รวมทั้งร้านยายุคเก่าที่ไม่คิดจะหาเภสัชกรมาอยู่..

ไงก็สู้ๆๆ นะครับ เป้นกำลังใจให้ทั้งเจ้าของกระทุ้ .... ต่อสุ้กับกฏหมายใหม่ และต่อสู้กับเภสัชกร โลกนี้บางทีมันก็เป็นแบบนี้

ไม่มีอะไรที่มันได้ง่ายไปอยู่ตลอดหรอกกกกกกกกกกกกกกกกก ...

อย่าติดกับความเคยชิน มันจะทำให้เราอ่อนแอ เพราะต่อไปต้องมีการเปลี่ยนแปลง นี่อาจจะเป็นระยะสุดท้าย ของใครบางคน
ภาพประจำตัวสมาชิก
TDPharm
 
โพสต์: 344
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2009, 09:36

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย sting19 » 08 ก.ค. 2010, 15:13

ดีๆๆๆๆ
หลากหลายความเห็น
ไม่ตรงใจบ้าง
เป็นธรรมดาโลก
มีความสุขในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์บ้างตามโอกาสก็โอเคนนะครับ
สูญญตาพุทโธ
ไตรลักษณฺ
ความว่าง
:lol: :lol: :lol:
sting19
 
โพสต์: 207
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2005, 14:53

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย sukanya_rx19 » 08 ก.ค. 2010, 15:17

:lol: แวะมาดู จบเร็วกว่าที่คิด :lol:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sukanya_rx19
Global Moderator
 
โพสต์: 2148
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2005, 16:06
ที่อยู่: ยโสธร

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย นิวัช » 08 ก.ค. 2010, 15:26

sukanya_rx19 เขียน::lol: แวะมาดู จบเร็วกว่าที่คิด :lol:


แหม่ กลับเป็นแชมป์เข้าหน่อย อารมณ์ดีจังนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
นิวัช
 
โพสต์: 2378
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2006, 12:02
ที่อยู่: นิวัชเภสัช

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย sjk28 » 08 ก.ค. 2010, 20:21

!!!!!!!!!!!!!!!
แก้ไขล่าสุดโดย sjk28 เมื่อ 01 พ.ย. 2010, 20:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
sjk28
 
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 09:40

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย rinko » 08 ก.ค. 2010, 20:29

sjk28 เขียน:ขอบคุณสำหรับคำตอบที่เห็นใจ และเข้าใจครับ
ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่ายอมรับในเรื่องร้านขายยาคุณภาพ
คำถามที่ถามไปก็ถือว่าสุภาพพอสมควร
แต่ที่กลายเป็นการโต้เถียงกัน ก็เพราะ........ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวก็ยาวอีก
ผมคิดอยู่แล้วส่วนตัวว่าวันนี้ไม่เปลี่ยน วันหน้ายังไงก็ต้องเปลี่ยน

คำถามของผมถามในประเด็นเดียวว่าเมืองไทยพร้อมหรือยังเท่านั้น
หากนำประเด็นที่ผมพูดถึงเหล่านั้นมาคิดด้วย
หลายท่านคิดว่าเป็นแค่ข้ออ้าง แต่มันก็คือความจริงสำหรับร้านยายุคเก่าเหมือนกัน
คนที่ทำอาชีพนี้มา 20-30 ปีกำลังเผชิญปัญหานี้พร้อมกับคำทับถมของเภสัชกรบางคนที่กำลังสะใจ ขอย้ำว่าบางคน
ก็จบไปละกันสำหรับคำถามของผม
รอดูกันต่อไปละกันว่าจะเป็นยังไงต่อไป

แต่ก่อนไปขอตอบคุณrinkoหน่อยละกัน
ผมไม่เคยคิดว่าผมเก่งเหมือนเภสัชกร คำตอบของผมตรงไหนที่ทำให้คุณคิดว่าผมเก่งเหมือนเภสัชกร เป็นคุณที่คิดไปเอง
การศึกษาสูงที่คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ต่างหากทำให้คุณคิดว่าคุณเลิศเลอกว่าคนอื่น


ถือว่าชมละกันค่ะ ดิฉันไม่ทับถมคนอื่น นอกจากคนๆนั้น ชอบทับถมตนเอง 5555555555555555555555555555555555555555555555
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rinko
 
โพสต์: 662
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2008, 14:53

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย hotshotthailand » 08 ก.ค. 2010, 21:06

พี่อโปรแรงดีครับอิอิ ซึ่งกระทู้นี้ผมอ่านหมดแล้ว ในฐานะที่ผมเป็นคนนึงที่เรียนเภสัชศาสตร์แต่สอบใบประกอบยังไม่ผ่านแต่มีประสบการณ์การทำงานด้านนี้พอสมควร ขอกล่าวโดยสรุปว่า แก๊สโซฮอลล์ผิดครับ
hotshotthailand
 
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 16:01

Re: ขอถามเภสัชกรร้านยา

โพสต์โดย hotshotthailand » 08 ก.ค. 2010, 21:08

เย้ยแสดงความคิดเห็นผิดกระทู้ครับ เอิ้กกกกกกก
hotshotthailand
 
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 16:01

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ลาเต้

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document