ภัยคุกคาม และโอกาสทางธุรกิจร้านยาและวิชาชีพเภสัชกรรมชุมชน
รายจ่ายจะเพิ่มมากขึ้น
- ต้องมีเภสัชกรคนที่ 2
- ร้านที่ขายทั้งปลีกและส่ง ต้องมี 2 ใบอนุญาต (เภสัชกร 2 คน?)
- ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแพงขึ้น 5-10 เท่า
ความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น
- หากจ่ายยาผิดพลาด หรือไม่ให้คำแนะนำ คำเตือน
อาจถูกฟ้องร้องถึงขั้นหมดตัว ทั้งทรัพย์สินและชื่อเสียง
- บทลงโทษมากขึ้นเป็น 10 เท่า
ถามว่าร้านยาเภสัชกรชุมชนจะกระทบหรือไม่ จากพรบ.ยาใหม่นี้
1. ร้านยาที่ไม่ใช่เภสัชกร และไม่สามารถปรับตัวรับกับ พรบ.ยา ใหม่ได้ จะเลิกกิจการ รวมถึง ขย.2 เมื่อหมดเวลาตามบทเฉพาะกาล แต่คู่แข่งรายใหม่ ที่น่ากลัวกว่า คือ ร้านสะดวกซื้อ ที่มีอำนาจต่อรองสูงกว่า เปิดขาย 24 ชั่วโมง สามารถขายยาจำหน่ายทั่วไปเพิ่มมากขึ้น
2. การบริการภาครัฐขยายเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น เป็นคลินิคชุมชนรอบๆเมืองใหญ่ และในที่สุดเข้าสู่ชุมชนเมือง ประชาชนได้พบแพทย์ ได้ยาฟรี แล้วใครจะมาร้านยา
3. การบังคับใช้ GPP สิ่งนี้อาจเป็นภัยคุกคามของร้านยาที่ไม่ใช่เภสัชกร แต่อาจเป็นโอกาสสำหรับร้านยาเภสัชกรชุมชนที่จะลดร้านยาที่จะเกิดขึ้นใหม่ แต่เภสัชกรชุมชนก็ต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากฎเกณฑ์ของ GPP และร้านยาคุณภาพ
4. การแข่งขันที่รุนแรง จากร้านยาที่เปิดขึ้นมากจน Supply มากกว่า Demand ตลาดเป็นของผู้ซื้อ สามารถต่อรองราคาได้ บัณฑิตที่จบใหม่หางานทางสาขาอื่นยากขึ้น ไม่มีอัตรารองรับจะหันมาเปิดร้านยามากขึ้นและถ้าร้านสะดวกซื้อเปิดแผนกยาขึ้นโดยไม่ต้องขออนุญาตขายยา เพราะ item ของยามากกว่า 1000 รายการและบังคับให้เจ้าของผลิตภัณฑ์โฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ?หาซื้อยาได้ที่ร้าน?สะดวกซื้อ?
ข้อมูลอัตราการเจริญเติบโตในธุรกิจยาระหว่างร้านยาและโรงพยาบาล
เมื่อปี 1975 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา 70% แต่ซื้อผ่านโรงพยาบาล 30%
เมื่อปี 2000 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา 33% แต่ซื้อผ่านโรงพยาบาล 67%
เมื่อปี 2004 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา 25% แต่ซื้อผ่านโรงพยาบาล 75
คาดว่าปี 2010 ประชาชนซื้อยาผ่านร้านยา ~15% แต่ซื้อผ่านระบบประกันสุขภาพ ~ 85%
การที่ตลาดยามีมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้น มองได้สองแง่มุม มุมหนึ่งประชากรอาจมีสุขภาพเลวร้ายลง การบริโภคจึงสูงขึ้น ถือว่าเป็นมุมมองในแง่ลบ ซึ่งมักจะเป็นทัศนคติของคนนอกวงการ โดยเฉพาะผู้ที่ดูแลงบประมาณด้านสุขภาพ อีกทัศนะหนึ่งในแง่บวก อาจมองว่าการขยายของตลาดยา บ่งบอกถึงประชาชนเข้าถึงยาได้มากขึ้น ประชาชนได้รับการบริบาลรักษาดีขึ้น สุขภาพและคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงยา และนวัตกรรม จะช่วยลดความจำเป็นในการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะปัจจุบันมียาหลายตัวที่ทำให้รักษาโรคได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และนอนโรงพยาบาล เช่น โรคต่อมลูกหมากโต โรคนิ่วในถุงน้ำดี ผู้ป่วยด้วยโรคบางอย่าง
จากข้อมูลที่มี ยอดขายผ่านช่อง 1 นับวันจะยิ่งเล็กลง คู่แข่งมากขึ้น ขายตัดราคากัน
แต่เราก็คุ้นเคยจะขายผ่านช่องนี้เท่านั้น
ในกรณี ช่อง 2 ผ่านการเชื่อมต่อกับระบบ สปสช.
ช่อง 3 ผ่านการเชื่อมต่อกับระบบประกันสังคม
การให้บริการของรัฐในช่องทั้ง 2 นี้ นับวันจะเพิ่มมากขึ้นในอัตราเร่ง
จาก 2:1 ในปี 2000
จาก 3:1 ในปี 2004
และ 5:1 ในปี 2010
ส่วนแบ่งของการขายผ่านช่องทางร้านยาจะลดลงเรื่อยๆ (แม้ดูเหมือนยอดขายจะเท่าเดิม แต่อีกช่องทางโตขึ้นเร็วมาก)
สำหรับช่อง 4 ระบบประกันเอกชน ถึงแม้ขณะนี้ยอดค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมด จะอยู่ที่ โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งหากเราเชื่อมต่อระบบนี้ได้ จะเป็นส่วนเสริมของร้านยาให้ดีขึ้นได้ทั้งภาพลักษณ์และรายได้
ถามว่า เรายังยินดีที่จะอยู่กับช่องจำหน่ายที่ 1 ที่นับวันจะยิ่งเล็กลง และการแข่งขันรุนแรงขึ้นหรือไม่?
ถ้าเราจะเชื่อมต่อกับระบบ สปสช ในช่องจำหน่ายที่ 2 กับระบบประกันสังคมในช่องที่ 3 และกับระบบประกันเอกชนในช่องที่ 4 จะต้องทำอย่างไร?
สิ่งที่เราได้ดำเนินการไป และได้รับคำถามจาก องค์กรที่รับผิดชอบ
- ร้านยามีคุณภาพหรือไม่ ใครจะเป็นคนรับรอง
- เข้าถึงง่ายหรือไม่ มีจำนวนมากพอ และกระจายตัวทุกจังหวัดหรือไม่
ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราทุกคน จะต้องปรับตัวให้เข้าสู่ระบบใหม่ให้ได้ เพื่อความอยู่รอดของเราทุกคน และของวิชาชีพด้วย เภสัชกรชุมชน ได้รับเกียรติว่าจะเป็น ?เรือธงของวิชาชีพ?
เราต้องพิสูจน์ให้ได้โอกาสที่ร้านยาจะไปถึงอุดมคติ
1.ทุกองค์กรของวิชาชีพ จะต้องมากำหนดทิศทาง และกลยุทธ์เพื่อผลักดันร่วมกัน อย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะผู้นำองค์กร และผู้มีวิสัยทัศน์ (Pharmacy summit)
2.ต้องพลักดันให้สมาชิกในองค์กรวิชาชีพได้รับทราบข้อมูล และให้ความร่วมมือ เกิน 50 %
3.ต้องเชื่อมต่อกับระบบต่างๆของรัฐให้ได้ อย่างมีแบบแผน เป็นขั้นตอน
4.สถาบันคณะเภสัชศาสตร์ ต้องวางกรอบผลิตบัณฑิตใหม่ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และจะต้องเป็นที่ปรึกษาเป็นพี่เลี้ยงให้กับเภสัชกรชุมชน ทั้งในเรื่องการพัฒนาทางกายภาพ ทางวิชาการ ระบบให้คำปรึกษาแนะนำ และการเป็นสถานฝึกงานของนักศึกษา
เภสัชกรประสิทธิ์ วงศ์นิจศีล
ประธานชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย