โดย Three » 05 ก.พ. 2010, 22:03
นำมาจากไทยรัฐ ต่อจากหน้า1 วันที่ 5 ก.พ. 53
เตรียมฟันเภสัชกร ไม่รับผิดชอบร้านยา
พ่อแม่ นร.โรงเรียนวัดท่าพระโล่งอก ลูกๆปลอดภัยทยอยกลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว หลังนอน รพ.ดูอาการ 1 คืนด้าน ตร.แจ้งข้อหาเจ้าของร้านเกมแล้ว ส่วนเจ้าของร้านขายยายังกบดานเงียบ อย.ตรวจประวัติพบต่อใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีความผิดอีกหลายกระทง เตรียมทุบเภสัชกรประจำร้านถึงพักใบอนุญาต กทม.เต้น ร่อนหนังสือกำชับโรงเรียนในเครือ ให้สอดส่องดูแล นร.ให้ใกล้ชิดกว่านี้
จากกรณีเด็กนักเรียนโรงเรียนท่าพระ กินยาเด็กซ์โตรเมทอร์แฟน (dex-tromethorphan) จนมีอาการป่วยหน้ามืดเป็นลมและอาเจียนจำนวนมาก จนต้องระดมหน่วยกู้ชีพแยกย้ายนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยเด็กส่วนใหญ่อาการไม่หนัก แพทย์ให้น้ำเกลือและนอนดูอาการ แต่บางรายอาการหนักถึงขั้นต้องล้างท้อง นักเรียนที่ซื้อยาดังกล่าวมากินเชื่อว่าจะรู้สึกร่าเริงและเวลาถูกครูตีจะไม่รู้สึกเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าพระ สอบสวนจนทราบว่า เด็กนักเรียนซื้อยามาจากร้านธนพร อินเทอร์เน็ต ถนนจรัญสนิทวงศ์ สอบสวนเจ้าของร้าน นายสุวมิต หรืออั๋น มนตรีวิบูรณ์ชัย อายุ 24 ปี สารภาพว่า ซื้อยาดังกล่าวมาจากร้านซันนี่ ซอยเพชรเกษม 17 แต่เมื่อเดินทางไปตรวจสอบพบเพียงลูกจ้าง แต่ น.ส.จิตติพร กุลพิสิษฐ์เจริญ เจ้าของร้านไม่อยู่ จะต้องติดตามตัวมาสอบสวนอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่ สน.ท่าพระ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ฉัตรชัย รอง ผกก.สส.สน.ท่าพระ กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องได้เรียกนายสุวมิต เจ้าของร้านเกมส์มารับทราบข้อหา โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตและจำหน่ายยาสามัญโดยไม่ได้รับอนุญาต อัตราโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี วันที่ 5 ก.พ. จะนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงตลิ่งชัน ส่วนร้านขายยาซันนี่ หลังจากที่ทาง อย.ตรวจสอบแล้วพบว่ามีใบอนุญาต แต่ไม่มีเภสัชกรประจำร้าน ต้องรอ อย.มาแจ้งความดำเนินคดี
ด้านนางกิตติยา ศรีเลิศฟ้า ผอ.โรงพยาบาลตากสินเผยว่า หลังเกิดเหตุโรงพยาบาลรับเด็กไว้ทั้งหมด 44 คน แพทย์ช่วยกันรักษา ถ้าอาการหนักจะล้างท้องแล้วให้ น้ำเกลือ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่อาการดีขึ้น กลับบ้านไปแล้ว 33 คน เหลืออีก 11 คน ต้องนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลเพื่อ สังเกตอาการ คาดว่าวันนี้สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ส่วนสาเหตุที่ต้องรอดูอาการเพราะปกติฤทธิ์ยาจะหมดภายใน 6 ชั่วโมง แต่เด็กบางคนกินยาแก้ไอเข้าไปหลายเม็ด จนทำให้เกิดอาการอาเจียน แพทย์จึงต้องคอยดูแล หรือถ้าผู้ปกครองวิตกว่าจะเกิดอาการขึ้นอีกก็สามารถให้เด็กนอนที่ รพ.ต่อได้
ที่ศาลาว่าการ กทม.วันเดียวกัน นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ประสานไปยัง สนศ. ให้ออกหนังสือเวียนไปยังโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 435 แห่ง ให้ครูสังเกตเด็กในห้องของตนเองว่า มีพฤติกรรมซื้อของนอกโรงเรียนมากินผิดสังเกตหรือไม่ หากพบให้ดูแล ตักเตือนอย่างเร่งด่วน นอกจากนั้น ประสานไปยังสำนักอนามัย (สนอ.) ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมครูฝ่ายพยาบาลในโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะการให้ความรู้การปฐมพยาบาล แก้พิษเบื้องต้น และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทั้งครูผู้ดูแลนักเรียน และนักเรียนที่กินยาเข้าไป เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของการซื้อยามากิน รวมถึงแหล่งที่ไม่ปลอดภัยแก่เด็ก
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องช่วยกันเฝ้าระวัง ส่วนใครที่ปฏิบัติผิดกฎหมายต้องดำเนินการ อย่างร้านเกมส์ที่จำหน่ายยาถือว่าผิด เพราะไม่ใช่เภสัชกร ขณะที่เภสัชกรก็ปล่อยปละละเลย เรื่องนี้ต้องพิสูจน์กันต่อไป ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แจ้งไปยังสภาเภสัชกรรมเพื่อพิจารณาว่าผิดขั้นตอนใดบ้าง ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ร้านขายยาที่กังวลว่าไม่ได้ต่อใบอนุญาตนั้น ล่าสุด พบว่าการดำเนินการต่อใบอนุญาตแล้ว แต่กลับไม่พบการทำบัญชีการขายยาของร้าน ปกติร้านขายยาทุกร้านจะต้องรวบรวมไว้ เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ทั้งนี้ จากการพิจารณากรณีดังกล่าวพบว่า ผิดต่อ พ.ร.บ.ยา 3 กรณี คือ 1. ไม่จัดทำบัญชีรับและจ่ายยาอันตราย ปรับไม่เกิน 10,000 บาท 2. เรื่องของการจำหน่ายยาอันตรายโดยไม่มีเภสัชกรควบคุม ปรับไม่เกิน 50,000 บาท และ 3. เภสัชกรไม่ควบคุมการจัดทำบัญชียา ปรับไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้ อย.จะแจ้งไปยังสภาเภสัชกรรมพิจารณาว่า ขัดต่อจรรยาบรรณและจะนำไปสู่การพิจารณาของกองการประกอบโรคศิลปะหรือไม่
ส่วน ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ อุปนายกสภาเภสัชกรรมคนที่ 1 กล่าวว่า เตรียมเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการสภาเภสัชฯ ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ และจะเสนอต่อไปยังคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณ เพื่อพิจารณาว่ากรณีนี้ต้องรับผิดชอบอย่างไร ฐานปล่อยให้คนอื่นมาประกอบวิชาชีพ ถือว่าเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ แต่ต้องพิจารณาว่าจะรุนแรงแค่ไหน หากพบว่าผิดจริงสภาเภสัชฯ จะสั่งพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 9 เดือน ขึ้นอยู่กับความผิดที่ได้รับ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันมีเภสัชกรประจำร้านขายยาแผนปัจจุบันที่ประจำตลอดเพียง 3,000 กว่าแห่ง จาก 10,000 แห่ง แต่ที่ผ่านมาจัดอบรมผู้ยื่นขอใบอนุญาตเปิดร้านขายยาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้บังคับ
