สำรวจเยาวชนไทย 4.3หมื่นคนทั่วปท. เมินผักผลไม้-ก๊งเหล้า-ฮิตอาหารเสริม
source: matichon online
กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพฤติกรรมเยาวชนที่สัมพันธ์กับโรคไม่ติดต่อ กินผัก-ผลไม้ ออกกำลังกายน้อย ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ฮิตกินอาหารเสริม ลดมื้ออาหาร กินชาสมุนไพร ยาระบาย ใช้เครื่องนวดสลายไขมัน ลดน้ำหนักทางลัด
เมื่อวันที่ 26 เมษายน นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้คนไทยป่วยด้วยโรคจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าการติดเชื้อโรคหลายเท่าตัว โดยโรคที่เป็นปัญหามาก ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ซึ่งโรคเหล่านี้ใช้เวลาก่อตัวนานหลายปีกว่าจะแสดงอาการผิดปกติให้เห็น ซึ่งมักจะเริ่มในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างพฤติกรรมที่ถูกต้องตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคในระยะยาว ทั้งนี้ ได้ให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเยาวชนผ่านทางคอมพิวเตอร์ มือถือ ใน 5 เรื่อง ได้แก่ พฤติกรรมการใช้สารเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การป้องกันอุบัติเหตุจราจร พฤติกรรมการกินอาหารและการควบคุมน้ำหนัก การแสดงความรุนแรง และการออกกำลังกาย เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปวางแผนแก้ไข ป้องกันอย่างรอบด้าน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นพ.สุพรรณกล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2551 ในโรงเรียน 21 จังหวัดทั่วประเทศ ในกลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษาปีที่ 2 นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 5 รวมทั้งสิ้น 43,693 คน พบว่าพฤติกรรมสุขภาพที่สัมพันธ์กับโรคไม่ติดต่อในภาพรวมที่พบมากที่สุด ได้แก่ การกินผักหรือผลไม้น้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนด 5 ส่วนต่อวัน ร้อยละ 59 รองลงมา ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 49 โดยเริ่มดื่มอายุ 12 ปี ออกกำลังกายน้อย ร้อยละ 25 ใช้สารเสพติด ร้อยละ 18 ที่นิยมใช้มาก 3 ชนิด คือ กัญชา กระท่อม และยาบ้า การแสดงความรุนแรง ร้อยละ 10 และมีพฤติกรรมการป้องกันอุบัติเหตุจาจรอยู่ในระดับต่ำมาก เช่น สวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เพียงร้อยละ 10-23 และมีนักเรียนมากถึงร้อยละ 43 ที่บาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
นพ.สุพรรณกล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือ การกินอาหารและควบคุมน้ำหนัก พบว่าเยาวชนกินขนมกรุบกรอบ ดื่มน้ำอัดลมอาทิตย์ละ 2-4 วัน และกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเฉลี่ยอาทิตย์ละ 1 วัน ทำให้มีน้ำหนักเกินและอ้วน โดยพบนักเรียนชายมากกว่านักเรียนหญิง แต่นักเรียนหญิงจะพยายามลดน้ำหนักมากกว่านักเรียนชาย
"วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือ การออกกำลังกาย แต่มีเยาวชนเพียงร้อยละ 37 ที่ออกกำลังกาย ส่วนที่เหลือใช้วิธีลดน้ำหนักทางลัดคือ ลดมื้ออาหาร ร้อยละ 27 กินอาหารเสริมหรือกินชาสมุนไพร ร้อยละ 9 (ผู้ชายนิยมใช้มากกว่าหญิง) กินยาลดน้ำหนักร้อยละ 7 (ผู้หญิงจะใช้มากกว่าผู้ชาย) ใช้เครื่องสลายไขมันและดูดไขมัน ร้อยละ 3 (ผู้ชายจะใช้มากกว่าผู้หญิง)" นพ.สุพรรณกล่าว และว่า สธ.ได้มีนโยบายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนให้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยมอบนโยบายให้หน่วยงานสาธารณสุขในสังกัดทั่วประเทศ เร่งดำเนินการ รวมทั้งให้อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) เข้าไปช่วยในระดับหมู่บ้าน ชุมชน คือ 1.ส่งเสริมให้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะผักและผลไม้ ซึ่งมีวิตามินบำรุงสุขภาพ ทำให้ไม่ป่วยง่าย และมีเส้นใยช่วยในการขับถ่าย 2.ส่งเสริมการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ และ 3.รณรงค์ไม่เสพสารเสพติดหรือบุหรี่ รวมทั้งไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์