PharmaCafe.com

ทำ M.Sc กับ Ph.D ได้ตามปกติครับ ขออภัยสำหรับคลื่นกวนเล็กน้อย เป็นปกติของบอร์ดเภสัช

เพื่อนรุ่นเดียวกันที่จบ sci มาตอนนี้ที่นึกได้ไม่มีใครทำงานเกี่ยวกับ sci เลยแม้แต่คนเดียว(ทั้งที่จบ sci มา50+คนได้) มีบางคนเรียนต่อทางสายนี้เป็นอาจารย์โดยเอาทุนคณะไป แต่ไม่มีใครทำงานทางด้านนี้เลย เบนมาทำ รพ กันหมด ไม่ก็ไปทำธุรกิจส่วนตัว พวกที่ไป โรงงานกันตอนแรกทำได้ไม่ถึงปีวิ่งหนีเข้าหา ร้านยา กับ รพ กันหมด ไม่รู้เพราะอะไรไม่เคยถามมันเหมือนกัน

พวกที่ไป โรงงานกันตอนแรกทำได้ไม่ถึงปีวิ่งหนีเข้าหา ร้านยา กับ รพ กันหมด

รู้แต่ประมาณว่าที่เรียนๆมาทั้งหมดล้าสมัยไปภายใน 2-3 ปีมานี้แล้ว ตอนนี้จะมีหลักสูตรใหม่ปริญญาโท วิศวเภสัชกรรม ด้วยความร่วมมือจากคณะวิศวะและเภสัช ต่อไปทำโรงงานต้องมีความรู้ทั้ง วิศวะและเภสัช แถมด้วยการสร้าง model ทางสถิติ ฯลฯ
ประมาณนั้นแหละ

ก็ไม่รู้ว่าแนวโน้มงานมีอยู่แล้วแต่ไม่มีคนมีความสามารถพอจะไปทำเลยต้องพัฒนาหลักสูตร หรืองานก็ยังไม่ชัดเจนแต่ขอผลิตคนออกไปก่อน
เหมือน pharm D ที่ก็ต้องมาต่อสู้กันไม่น้อยจนถึงตอนนี้บทบาทก็ยังเรียกได้ว่าไม่ชัดเจนในทุก รพ (แต่ก็ถือว่าดีกว่าแต่ก่อนมากแล้ว) แต่เรื่อง วิศวเภสัชกรรม นี้ไม่รู้จริงๆว่าลักษณะงานเป็นอย่างไร

เป็นเพราะ PIC/S ที่ไทยอยากไปเข้าด้วยนักหนาเค้าพัฒนาหาวิธีใหม่ๆ ในการทำสารพัด report จนท่วมหัวท่วมหูแถมมีวิธี ใหม่ๆทุกปีนั่นแหละมั้ง เห็นว่าสถิติ ANOVA ยังไม่ค่อยจะกระดิกหู ก็เจอ ANCOVA เข้าไปอีก
คือเมืองนอกเค้าใช้ปริญญาเอกเป็นหัวหน้าทำโรงงานน่ะปริญญาโทเป็นคนปฏิบัติงานทั่วไป

เป็นเพราะ PIC/S ที่ไทยอยากไปเข้าด้วยนักหนาเค้าพัฒนาหาวิธีใหม่ๆ ในการทำสารพัด report จนท่วมหัวท่วมหูแถมมีวิธี ใหม่ๆทุกปีนั่นแหละมั้ง เห็นว่าสถิติ ANOVA ยังไม่ค่อยจะกระดิกหู ก็เจอ ANCOVA เข้าไปอีก
คือเมืองนอกเค้าใช้ปริญญาเอกเป็นหัวหน้าน่ะปริญญาโทเป็นคนปฏิบัติงานทั่วไป
เมืองไทยอาจารย์แค่กระทรวงบริษัทยาไปให้พัฒนาสูตรยาให้ยังได้ไม่เป็นเรื่องเล้ย แล้วศิษย์จะได้อะไร?

zartingtong เขียน:เป็นเพราะ PIC/S ที่ไทยอยากไปเข้าด้วยนักหนาเค้าพัฒนาหาวิธีใหม่ๆ ในการทำสารพัด report จนท่วมหัวท่วมหูแถมมีวิธี ใหม่ๆทุกปีนั่นแหละมั้ง เห็นว่าสถิติ ANOVA ยังไม่ค่อยจะกระดิกหู ก็เจอ ANCOVA เข้าไปอีก
คือเมืองนอกเค้าใช้ปริญญาเอกเป็นหัวหน้าน่ะปริญญาโทเป็นคนปฏิบัติงานทั่วไป
เมืองไทยอาจารย์แค่กระทรวงบริษัทยาไปให้พัฒนาสูตรยาให้ยังได้ไม่เป็นเรื่องเล้ย แล้วศิษย์จะได้อะไร?

ไม่ถึงขนาดรั้นหรอกค่ะ เภสัชกรไทยเก่งๆยังมีอีกเยอะ แต่ที่อยู่โรงงานไม่ทนน่าจะเพราะความจำเจของงาน ความแตกแยกหรือคลื่นใต้น้ำในองค์กรมากกว่า ประกอบกับเด็กใหม่ๆเพิ่งจบเข้าไปบางทีถูกลองของอีก อธิบายยากค่ะ

อืม อืม เห็นมีรุ่นน้องบ่นเหมือนกันว่าหาแฟนยาก แต่งงานแล้วจะกลับมาทำใหม่

ตอบเจ้าของกระทู ถ้าเรียน 6 ปี แล้วมีประสบการณ์ทำงานหนึ่งปีจริง ก็ไม่เลวเลยสำหรับอุตสาหกรรมยา
คิดในแง่ดี ตอนที่เริ่มฝึกงานโรงงานครั้งแรกนั่นทำให้รู้ว่าเราไม่รู้อะไรเลยจริงๆ การมีความรู้เภสัชฯ มากไม่ได้หมายความว่าจะทำงานโรงงานได้ดีเสมอไปเนื่องด้วยสภาพการณ์ของโรงงานยาไทยนั่นเอง...

แต่มาวันนี้บอกได้เลยนะครับว่า ถ้าเภสัชเราไม่สร้างเสริมความเข้มแข็งทางด้าน Phar Sci ให้ดีดี จะโดนวิดยาและวิดวะ แย่งงานไปแน่นอน!!! เพราะสองกลุ่มนี้เริ่มเห็นแล้วว่ากำลังสร้างศักยภาพของตนกับอุตสาหกรรมยาได้ดีมาก