PharmaCafe.com

Master of Pharmacy เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต

OK ถ้าอย่างนั้นก็เคลียร์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการกลับมาทำงานในประเทศไทยนะครับ

M.Pharm

จากที่เคยทราบและสมาชิก Webboard นี้บางคนที่กำลังเรียนที่อังกฤษเคยบอกมาดังนี้ครับ ใช่หรือไม่ใช่ไปกลั่นกรองเองครับ

เดิมหลักสูตรอังกฤษ เรียนปรับพื้นฐาน 1 ปี และเรียนอีก 3 ปีได้ปริญญาตรีเภสัช แต่มักไม่มีงานทำนักศึกษาเภสัชส่วนมากเรียนต่อ Master Degree

อเมริกันได้มีหลักสูตร Pharm.D เรียน 6 ปีได้ปริญญาตรีเภสัช ซึ่งได้เปลี่ยนหลักสูตรเป็นบริบาลทั้งหมด ไม่มีสายอื่นสำหรับ registered pharmacists

อังกฤษได้ปรับหลักสูตรเป็น MPharm ซึ่งถือเป็น Master Degree ในประเทศเครือจักรภพ สำหรับ registered pharmacists
แต่อเมริกันถือเป็นปริญญาตรีเภสัชเช่นเดียวกับ Pharm.D จะเรียนต่อเอาวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญได้เช่นเดียวกับ Pharm.D แต่จะเรียนเอา Ph.D ต้องไปเรียนปริญญาโทใหม่ ดังนั้นที่ผมบอกว่าถ้าคุณมีโอกาสไปเรียน ป.เอก ให้ไปอังกฤษไงครับจะได้ไม่ต้องไปเรียนปริญญาโทใหม่ที่อเมริกาอีก (อาจสอบถามที่ U. คุณเลยก็ได้ว่าเรียนปริญญาเอกต้องเรียนอะไรบ้าง)

สำหรับคุณ Kuroro ที่อยากฝากไว้ให้คิดคือถ้าจะใช้ทุนโรงพยาบาลคาดว่าจะไม่มีสิทธิ์เลือกที่ลงครับ เพราะคงมีสิทธิ์เท่าๆกับผู้ใช้ทุนอื่นที่ต้องจับฉลาก และระยะเวลาใช้ทุนนานถึง 14 ปี การบรรจุเข้ารับราชการแล้วจะย้ายไปโน่นไปนี่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ ที่ผมแนะนำให้คุณไปลงที่มหาวิทยาลัยเลยก็ด้วยเหตุนี้ ส่วนถ้าลงที่มหาวิทยาลัยแล้วการเรียนใน 2 วิชานั้นง่ายมาก ส่วนเวลาฝึกงานคงไม่ใช่ปัญหา

ที่แนะนำมานี่มีพื้นฐานจากที่ผมพอรู้เรื่องเท่านั้นแต่ใช่หรือไม่ใช่หรือจะทำได้หรือไม่ได้ต้องไปตรวจสอบครับ

ขอบคุณทุกท่านมากครับ

ผมทำงานรับราชการเป็นเภสัชกรโรงพยาบาลครับ แนะนำว่าถ้าอยากจะใช้ความรู้ให้เต็มที่ไปเป็น อ. ครับ สอนเด็กไปด้วย ได้ราววอร์ดด้วย ส่วนงานเสริมจะทำที่ร้านยา โรงบาลข้างนอกก็ได้ ถ้าจะใช้ทุนที่ รพ. ก็อย่างที่พี่ๆว่าล่ะครับ ย้ายยาก อาจจะได้อยู่ชายแดน(ได้เบี้ยกันดาร เยอะอยู่) บทบาทก็ต้องสู้เอาหน่อย ต้องช่วยกันผลักดัน เรื่องรายได้ก็พออยู่พอกิน ไม่ลำบากครับ แต่ไม่รวย555 ยกเว้นเปิดร้านยาทำเลดีๆ สู้ๆครับ ยังไงก็เลือดเดียวเขียวมะกอก

นึกขึ้นได้ว่าคุณ Kuroro อาจไม่รู้จักคณะเภสัชเมืองไทย เลยอยากบอกที่น่าลองดูคือที่เปิดใหม่ๆอย่าง

สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นครศรีธรรมราช
http://pharmacy.wu.ac.th/

หรืออย่าง
มหาวิทยาลัยบูรพา ที่เปิดคณะเภสัชปีที่แล้ว แต่ปีนี้ไม่ผ่านการรับรองของสภา ก็เข้าใจว่าขาดแคลนอาจารย์เอามากๆ
น่าลองนะครับ เพราะอยู่บางแสนอากาศดี มีชายทะเลให้พักผ่อน มีบ้านพักอาจารย์ไม่ไกลหาด
ใช้ทุน 14 ปีนี่ต้องคิดลงหลักปักฐานยาวเลยครับ

ความจริงเภสัชกรถ้าดูจากประกาศรับสมัครงาน board นี้ก็เหนื่อยแล้ว แต่ราชการบอกไม่ขาดแคลน เพราะสงสัยว่าตำแหน่งหมอแย่งไปหมด เภสัชเลยเฮ้อไม่อยาก said

ตอนนี้ยังไม่ว่างติดต่อไปที่ไหนเลยครับ เวลาราชการที่ไทยตรงกับช่วงกลางคืนถึงเช้าที่นี่ ผมตื่นมาก็มีเรื่องต้องทำ แต่ให้เพื่อนที่เรียนมข.ไปถามมา เค้าว่ามข.รับแต่จบเอก แต่ม.อุบลนี่รับโทอยู่ ทำงานอยู่โรงบาลแล้วนานๆไปสอนคลินิกที ฟังดูก็เข้าสเปกอยู่นะครับ จังหวัดบ้านเกิดด้วย แต่ผมกลัวเรื่องไม่มีรถแล้วจะอยู่ยากจังหวัดผม รพ.กับมอคนละทิศเลย รถเมล์ก็ไม่ค่อยเวิร์ก แล้วกลัวไม่ค่อยมีงานเสริมให้ทำด้วย ถ้าเป็นไปได้ตอนนี้สนขอนแก่นครับ เคยไปหลายปีก่อนน่าอยู่ดี ดูสะดวก ยังไม่เป็นอาจารย์ก็ได้ถ้ามันมีที่ลงในโรงพยาบาล จริงๆงานอาจารย์นี่เพื่อสังคมนะครับ ตัวผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกถ้าไม่ได้เป็นตอนนี้ มีประสบการณ์แล้วค่อยไปสอนก็ได้ งานโรงบาลถามมาก็ไม่อาจแย่อย่างที่คิดนะครับ บางที่อาจได้ไปราวด์วอร์ด มีส่วนร่วม ไม่ได้อยู่แต่ในห้องยา ตอนนี้ยังอยากคิดถึงความพร้อมตัวเองก่อนนิดนึง แหะๆ เพราะที่บ้านก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ครับ

แต่ก็ต้องลองติดต่อไปก่อนครับว่าจะยังไงในความเป็นจริง ชอยส์แรกไม่ได้ก็ต้องค่อยๆไล่ไปที่อื่นล่ะครับ แล้วจะมาอัพเดทให้ทราบครับ

สวัสดีครับพี่ๆ ตอนนี้ผมเรียนจบแล้วครับ ตอนนี้กำลังฝึกงานอยู่ที่นี่ จะกลับไปใช้ทุนที่ไทยปีหน้าครับ ตอนนี้พยายามจะติดต่อมหาลัยวิทยาลัยที่ไทยตามที่หลายๆท่านแนะนำมาครับ ตัวเลือกแรกในใจคือมหาวิทยาลัยในกรุงเทพครับ แต่ปัญหาคือมหาวิทยาลัยที่ผมสนใจไม่มีตำแหน่งว่างเลยครับ ถ้ามีก็เจาะจงสาขา ซึ่งผมก็ไม่ได้ถนัดด้านนั้น เช่น ชีวะเคมี ซึ่งเค้าต้องการคนจบเอกด้วย ผมจบแค่โท มีใครสามารถแนะนำได้มั๊ยครับว่าจะสมัครได้ยังไงเมื่อมันไม่มีตำแหน่งให้สมัคร? คืออ่านจากที่พี่ๆแนะนำมันดูเหมือนจะเข้าได้ง่ายๆ แต่พอจะสมัครจริงๆมันไปสะดุดตรงนี้เข้า ขอบคุณมากครับ