New Document









Propaganda or Promise?

ห้องเภสัชกร

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย winnwin » 27 ก.พ. 2011, 09:32

จับไต๋แก้ไขลูก เมื่อหนูเริ่มโกหก


"ใครสอนให้โกหก...หา!"

"พ่อแม่สอนทำไมไม่จำ"

"ทำไมไม่ยอมรับผิด"

บางคำพูดของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่มักใช้พูดคุยกับลูกหลังจับได้ว่าลูกเริ่มโกหก และอาจมีการลงโทษตามมา

หลายครั้งคนเป็นพ่อแม่ก็กลับมานั่งถามตัวเองว่า การตอบโต้ที่เข้าใจว่าเป็นการสอนนั้นทำไมไม่ได้ผล ทำไมยิ่งแย่ลง

สาเหตุหนึ่งที่สำคัญ คือ ความไม่เข้าใจในสาเหตุ ลักษณะพฤติกรรมของเด็ก รวมถึงไม่ทราบวิธีจัดการที่ถูกต้อง

พ.ญ.อังคณา อัญญมณี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลมนารมย์ กล่าวว่า การโกหกของเด็กที่เกิดขึ้นบ่อยๆ อาจแสดงว่าลูกรักกำลังมีปัญหา เช่น ปัญหาทางอารมณ์ เมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่นอาจมีพฤติกรรมร่วมกับการโกหกอีกหลายอย่าง ทั้งลักขโมย หลอกลวง ทำลายของสาธารณะ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถือเป็นเด็กมีปัญหา หรือเด็กเกเร และอาจเติบโตเป็นผู้ก่อปัญหาให้สังคมในที่สุด

หากพ่อแม่สังเกต ควรมีสติและหันมาหา ความรู้เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เขาดีขึ้น

สาเหตุการโกหกของเด็ก

จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ให้ข้อมูลว่า การที่เด็กมีพฤติกรรมโกหกหรือพูดไม่จริงนั้นอาจมีสาเหตุที่ต่างกันขึ้นกับ ช่วงอายุ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ในเด็กช่วงอายุ 2-6 ขวบ อาจพูดไม่จริงได้เนื่องจากความคิดยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ เด็กยังไม่สามารถแยกแยะว่าอะไรจริง หรืออะไรคือจินตนาการ

เด็กอาจบอกว่า "หนูเหาะได้" เพราะอยากจะเป็นอย่างนั้น เด็กที่ถูกแกล้งบ่อยๆ จนเกิดความกลัวและอยากเอาชนะความกลัว ก็อาจเล่าให้แม่ฟังว่า "วันนี้เพื่อนมาแกล้งผม ผมเลยชกจนหงายหลัง วิ่งหนีไปเลย"

ในเด็กบางคนอาจโกหกเพื่อทดสอบว่าพ่อแม่จะรู้หรือไม่ว่าเขาพูดไม่จริง เพราะเด็กมักมองว่าพ่อแม่รู้ทุกอย่างแต่บางครั้งก็ไม่แน่ใจ ดังนั้นหากลูกในวัยนี้พูดสิ่งที่เกินจริงไปบ้าง พ่อแม่ไม่ควรตำหนิหรือกังวลมากเกินไป เพราะเป็นธรรม ชาติของเด็กวัยนี้

สิ่งที่ควรทำคือรับฟังลูกและแก้ไขความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ลูกต่อไป

ส่วนในช่วงเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไป เด็กแยกแยะความจริงได้แล้ว หากเด็กพูดโกหกอาจมีหลายสาเหตุที่พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจ เช่น

1.ลูกอาจโกหกเพื่อหลีกหนีจากสิ่งที่ไม่ต้อง การ หรือกลัวว่าจะถูกทำโทษเมื่อทำผิด เช่น ลูกขโมยเงินพ่อแม่เพื่อเอาไปซื้อของเล่นยอดฮิตเหมือนเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แต่กลัวพ่อแม่จับได้จึงต้องโกหก

สำหรับวัยรุ่น ปัญหาที่มักเจอส่วนใหญ่คือการคบเพื่อน การมีกลุ่มเพื่อนที่อาจชักจูงกันไปทำกิจกรรมที่ไม่ค่อยถูกต้องหรือถูกใจผู้ ปกครองมากนัก ก็พยายามหาวิธีการหลบหลีกด้วยการโกหก

บ่อยครั้งที่ผู้ปกครองจับไม่ได้ และบ่อยครั้งที่จับได้ สิ่งที่ตามมาคืออาจถูกตำหนิดุด่าจนในที่สุดพฤติกรรมเหล่านั้นแทนที่จะหายไป กลับยิ่งถูกส่งเสริมให้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการยิ่งตำหนิยิ่งทำให้สถานการณ์ของปัญหาการโกหกยิ่งแย่ลง เพราะวัยรุ่นจะยิ่งอยู่ห่างจากครอบครัวมากขึ้น

2.การโกหกเพื่อให้ได้รับสิ่งที่ต้องการ เช่น เด็กที่รู้สึกเบื่อเหงา อาจสร้างเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่จะได้สนใจตนมากขึ้น เช่น โกหกว่าปวดหัวเพราะไม่อยากไปโรงเรียน อยากได้ค่าจ้างไปโรงเรียน หรือเด็กที่รู้สึกตนเองไม่เก่งไม่ดีอาจเล่าเรื่องโกหกให้ตัวเองดูดี เพราะอยากให้พ่อแม่ชื่นชม

3.เด็กมีความผิดปกติทางด้านจิตเวช เช่น เด็กที่มีปัญหาเรื่องสติปัญญาบกพร่อง มีปัญหาด้านภาษา เด็กที่ป่วยเป็นโรคจิต บางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะพูดเรื่องที่ไม่จริง ตามความคิดที่เกิดขึ้นในโลกส่วนตัวจากการที่มีสติปัญญาบกพร่องอยู่ หรือเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า อาจไม่ได้แสดงออกทางอารมณ์ แต่มาแสดงออกทางพฤติกรรม เช่น พูดโกหก หนีเรียน ลักขโมย พบเห็นได้บ่อยทั้งที่บ้านและโรงเรียน

6 แนวทางปฏิบัติสำหรับพ่อแม่

1.ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกอยู่เสมอ ลูกจะมั่นใจในความรักและความหวังดีของพ่อแม่ เพื่อเวลาที่ลูกทำผิด หรือทำสิ่งไม่ดีลงไป ลูกจะได้กล้าปรึกษาพ่อแม่ จะช่วยไม่ให้ลูกตัดสินใจผิดพลาดจนเกิดผลเสียร้ายแรงตามมา

2.ไม่ควรมีอารมณ์โมโห หรือตำหนิตัวตนของลูกเมื่อลูกทำความผิด แต่ควรจัดการเฉพาะพฤติกรรมที่ผิดเท่านั้น ควรใช้เหตุผลพูดคุยกัน เพื่อลูกจะกล้ายอมรับความจริงในสิ่งที่ตนทำ ควรชื่นชมที่ลูกกล้าสารภาพผิด และแนะนำว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไป

3.ควรไว้วางใจ ไม่จับผิดหรือระแวงลูกมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ เช่น บางครั้งลูกกลับบ้านดึก แม่ก็คอยซักถาม จับผิดว่าลูกไปไหน ไปทำอะไร บางทีลูกอาจจะแค่ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน แต่การที่พ่อแม่ซักถามเหมือนไม่ไว้ใจลูก และไต่สวนเหมือนเป็นผู้กระทำความผิด เด็กอาจใช้วิธีโกหกเพื่อให้พ่อแม่หยุดซักถาม

4.ควรหลีกเลี่ยงการลงโทษที่รุนแรงเมื่อลูกทำผิดหรือจับโกหกได้ เพราะการลงโทษเป็นเพียงการแก้ไขที่ปลายเหตุ ยังมีทางออกที่ดีกว่าวิธีการลงโทษ คือการพูดจาเพื่อทำ ความเข้าใจถึงเหตุผลบางประ การของลูก พ่อแม่ต้องมีอารมณ์ที่สงบเพื่อรับฟังลูกอย่างจริงใจ

5.เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่พูดโกหกให้ลูกเห็น เพราะลูกอาจเลียนแบบจนติดเป็นนิสัย เข้าใจผิดว่าการโกหกเป็นเรื่องปกติที่ทำได้

6.พยายามสังเกตว่าลูกมีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ เช่น ซึมเศร้า บกพร่องทางสติปัญญา หรือมีปัญหาเรื่องภาษา เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้อาจโกหกโดยไม่ตั้งใจ แต่ทำไปเพราะป่วย หากสงสัยว่าลูกมีภาวะดังกล่าวควรพาพบจิตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา อย่างเหมาะสม

สนใจหรือสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมเด็กและวัยรุ่น คลิก www.manarom.com สำหรับผู้ที่ต้องการรับคำแนะนำและคำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิต โทร.0-2725-9595



ข้อมูลข่าวโดยหนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554
winnwin
 







Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย winnwin » 27 ก.พ. 2011, 09:35

ไม่อยากให้ ลูก หลาน เติบโตมากลายเป็นคนชอบโกหก

ไม่รักษาคำพูด คำสัญญา

ต้อง อบรม เลี้ยงดู ให้ดี ๆ ตั้งแต่เด็ก

เค้าถึงว่า

ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

ส่วนพวกที่แก่แล้วยังชอบโกหกซ้ำ ๆ ซาก ๆ

คงแก้ไขได้ยากเต็มที

ตย ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ
winnwin
 

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย APPLE_rx12MU » 01 มี.ค. 2011, 05:31

ที่เขียนเมื่อ ปี 2009 เป็น ข้อคิดเห็น จาก ประสบการณ์ทำงานจริง ที่คลุกวงใน ค่ะ
คงไม่สามารถสัญญา อะไรให้ได้
เพราะตั้งแต่ มีการฟอร์มทีมสภาฯ ยุคปัจจุบัน ก็จะไม่ค่อยได้ทราบข่าวอะไร
ที่ยังคงเข้าไปช่วย ก็จะมีแต่สำนักงานรับรองคุณภาพร้านยา ที่ส่งจดหมายให้ไปประชุม เกือบทุกเดือนค่ะ
และก็ได้ช่วยในงานบางอย่าง เท่าที่เขาจะเห็นว่าเราช่วยได้

อยากให้พวกเราช่วยกันมองและเสนอแนะกันอย่างสร้างสรรค์
วิชาชีพฯ ของเราเป็นพวกเป็นเหล่า เป็นสนิมเกาะกินมานาน ... จะทำอะไรทีก็ตั้งป้อมกัน เพราะมองไม่ตรงกัน ผลที่ได้มีผลต่างขั้วกัน
จะเปลี่ยนแปลง เราต้องอดทน
จะพัฒนา ต้องร่วมแรงร่วมใจ

ที่หลายๆ คนใน Pharmacafe เคยเสนอ ก็ได้เสนอต่อไปแล้ว และก็มีข่าวดี ที่ทางสภาฯ จะตั้งคณะทำงานมาดำเนินการเรื่องนี้ แต่พอถาม เจ้าตัวหลายคนก็หยุดๆ ไป ... ก็เป็นอย่างนี้แหละ

ที่จริง การพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรรม ก็นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีรุ่นใหม่เข้ามาสานต่อหลายเรื่อง มีการผลักดันอะไรดีๆ หลายอย่าง ไม่เหมือนยุคดั้งเดิม (สมัยเลขที่ใบประกอบฯ ต่ำกว่า 5000) ที่เภสัชกรเคลื่อนทีนึงก็กลุ่มเดิมหน้าเดิม

เหนื่อยก็พักได้ ... มีแรงก็เดินหน้ากันต่อไป
เวลาเท่านั้น ที่พิสูจน์คน
APPLE_rx12MU
 
โพสต์: 74
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2009, 00:58

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย APPLE_rx12MU » 01 มี.ค. 2011, 05:38

winnwin เขียน:จับไต๋แก้ไขลูก เมื่อหนูเริ่มโกหก


"ใครสอนให้โกหก...หา!"

"พ่อแม่สอนทำไมไม่จำ"

"ทำไมไม่ยอมรับผิด"

บางคำพูดของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่มักใช้พูดคุยกับลูกหลังจับได้ว่าลูกเริ่มโกหก และอาจมีการลงโทษตามมา

หลายครั้งคนเป็นพ่อแม่ก็กลับมานั่งถามตัวเองว่า การตอบโต้ที่เข้าใจว่าเป็นการสอนนั้นทำไมไม่ได้ผล ทำไมยิ่งแย่ลง

สาเหตุหนึ่งที่สำคัญ คือ ความไม่เข้าใจในสาเหตุ ลักษณะพฤติกรรมของเด็ก รวมถึงไม่ทราบวิธีจัดการที่ถูกต้อง

พ.ญ.อังคณา อัญญมณี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลมนารมย์ กล่าวว่า การโกหกของเด็กที่เกิดขึ้นบ่อยๆ อาจแสดงว่าลูกรักกำลังมีปัญหา เช่น ปัญหาทางอารมณ์ เมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่นอาจมีพฤติกรรมร่วมกับการโกหกอีกหลายอย่าง ทั้งลักขโมย หลอกลวง ทำลายของสาธารณะ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถือเป็นเด็กมีปัญหา หรือเด็กเกเร และอาจเติบโตเป็นผู้ก่อปัญหาให้สังคมในที่สุด

หากพ่อแม่สังเกต ควรมีสติและหันมาหา ความรู้เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เขาดีขึ้น

สาเหตุการโกหกของเด็ก

จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ให้ข้อมูลว่า การที่เด็กมีพฤติกรรมโกหกหรือพูดไม่จริงนั้นอาจมีสาเหตุที่ต่างกันขึ้นกับ ช่วงอายุ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ในเด็กช่วงอายุ 2-6 ขวบ อาจพูดไม่จริงได้เนื่องจากความคิดยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ เด็กยังไม่สามารถแยกแยะว่าอะไรจริง หรืออะไรคือจินตนาการ

เด็กอาจบอกว่า "หนูเหาะได้" เพราะอยากจะเป็นอย่างนั้น เด็กที่ถูกแกล้งบ่อยๆ จนเกิดความกลัวและอยากเอาชนะความกลัว ก็อาจเล่าให้แม่ฟังว่า "วันนี้เพื่อนมาแกล้งผม ผมเลยชกจนหงายหลัง วิ่งหนีไปเลย"

ในเด็กบางคนอาจโกหกเพื่อทดสอบว่าพ่อแม่จะรู้หรือไม่ว่าเขาพูดไม่จริง เพราะเด็กมักมองว่าพ่อแม่รู้ทุกอย่างแต่บางครั้งก็ไม่แน่ใจ ดังนั้นหากลูกในวัยนี้พูดสิ่งที่เกินจริงไปบ้าง พ่อแม่ไม่ควรตำหนิหรือกังวลมากเกินไป เพราะเป็นธรรม ชาติของเด็กวัยนี้

สิ่งที่ควรทำคือรับฟังลูกและแก้ไขความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ลูกต่อไป

ส่วนในช่วงเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไป เด็กแยกแยะความจริงได้แล้ว หากเด็กพูดโกหกอาจมีหลายสาเหตุที่พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจ เช่น

1.ลูกอาจโกหกเพื่อหลีกหนีจากสิ่งที่ไม่ต้อง การ หรือกลัวว่าจะถูกทำโทษเมื่อทำผิด เช่น ลูกขโมยเงินพ่อแม่เพื่อเอาไปซื้อของเล่นยอดฮิตเหมือนเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แต่กลัวพ่อแม่จับได้จึงต้องโกหก

สำหรับวัยรุ่น ปัญหาที่มักเจอส่วนใหญ่คือการคบเพื่อน การมีกลุ่มเพื่อนที่อาจชักจูงกันไปทำกิจกรรมที่ไม่ค่อยถูกต้องหรือถูกใจผู้ ปกครองมากนัก ก็พยายามหาวิธีการหลบหลีกด้วยการโกหก

บ่อยครั้งที่ผู้ปกครองจับไม่ได้ และบ่อยครั้งที่จับได้ สิ่งที่ตามมาคืออาจถูกตำหนิดุด่าจนในที่สุดพฤติกรรมเหล่านั้นแทนที่จะหายไป กลับยิ่งถูกส่งเสริมให้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการยิ่งตำหนิยิ่งทำให้สถานการณ์ของปัญหาการโกหกยิ่งแย่ลง เพราะวัยรุ่นจะยิ่งอยู่ห่างจากครอบครัวมากขึ้น

2.การโกหกเพื่อให้ได้รับสิ่งที่ต้องการ เช่น เด็กที่รู้สึกเบื่อเหงา อาจสร้างเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่จะได้สนใจตนมากขึ้น เช่น โกหกว่าปวดหัวเพราะไม่อยากไปโรงเรียน อยากได้ค่าจ้างไปโรงเรียน หรือเด็กที่รู้สึกตนเองไม่เก่งไม่ดีอาจเล่าเรื่องโกหกให้ตัวเองดูดี เพราะอยากให้พ่อแม่ชื่นชม

3.เด็กมีความผิดปกติทางด้านจิตเวช เช่น เด็กที่มีปัญหาเรื่องสติปัญญาบกพร่อง มีปัญหาด้านภาษา เด็กที่ป่วยเป็นโรคจิต บางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะพูดเรื่องที่ไม่จริง ตามความคิดที่เกิดขึ้นในโลกส่วนตัวจากการที่มีสติปัญญาบกพร่องอยู่ หรือเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า อาจไม่ได้แสดงออกทางอารมณ์ แต่มาแสดงออกทางพฤติกรรม เช่น พูดโกหก หนีเรียน ลักขโมย พบเห็นได้บ่อยทั้งที่บ้านและโรงเรียน

6 แนวทางปฏิบัติสำหรับพ่อแม่

1.ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกอยู่เสมอ ลูกจะมั่นใจในความรักและความหวังดีของพ่อแม่ เพื่อเวลาที่ลูกทำผิด หรือทำสิ่งไม่ดีลงไป ลูกจะได้กล้าปรึกษาพ่อแม่ จะช่วยไม่ให้ลูกตัดสินใจผิดพลาดจนเกิดผลเสียร้ายแรงตามมา

2.ไม่ควรมีอารมณ์โมโห หรือตำหนิตัวตนของลูกเมื่อลูกทำความผิด แต่ควรจัดการเฉพาะพฤติกรรมที่ผิดเท่านั้น ควรใช้เหตุผลพูดคุยกัน เพื่อลูกจะกล้ายอมรับความจริงในสิ่งที่ตนทำ ควรชื่นชมที่ลูกกล้าสารภาพผิด และแนะนำว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไป

3.ควรไว้วางใจ ไม่จับผิดหรือระแวงลูกมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ เช่น บางครั้งลูกกลับบ้านดึก แม่ก็คอยซักถาม จับผิดว่าลูกไปไหน ไปทำอะไร บางทีลูกอาจจะแค่ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน แต่การที่พ่อแม่ซักถามเหมือนไม่ไว้ใจลูก และไต่สวนเหมือนเป็นผู้กระทำความผิด เด็กอาจใช้วิธีโกหกเพื่อให้พ่อแม่หยุดซักถาม

4.ควรหลีกเลี่ยงการลงโทษที่รุนแรงเมื่อลูกทำผิดหรือจับโกหกได้ เพราะการลงโทษเป็นเพียงการแก้ไขที่ปลายเหตุ ยังมีทางออกที่ดีกว่าวิธีการลงโทษ คือการพูดจาเพื่อทำ ความเข้าใจถึงเหตุผลบางประ การของลูก พ่อแม่ต้องมีอารมณ์ที่สงบเพื่อรับฟังลูกอย่างจริงใจ

5.เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่พูดโกหกให้ลูกเห็น เพราะลูกอาจเลียนแบบจนติดเป็นนิสัย เข้าใจผิดว่าการโกหกเป็นเรื่องปกติที่ทำได้

6.พยายามสังเกตว่าลูกมีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ เช่น ซึมเศร้า บกพร่องทางสติปัญญา หรือมีปัญหาเรื่องภาษา เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้อาจโกหกโดยไม่ตั้งใจ แต่ทำไปเพราะป่วย หากสงสัยว่าลูกมีภาวะดังกล่าวควรพาพบจิตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา อย่างเหมาะสม

สนใจหรือสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมเด็กและวัยรุ่น คลิก http://www.manarom.com สำหรับผู้ที่ต้องการรับคำแนะนำและคำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิต โทร.0-2725-9595



ข้อมูลข่าวโดยหนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554



มีข้อมูลสาระเรื่องการพัฒนาเด็ก หรือสนใจในประเด็นนี้ เชิญไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันที่ www.BBL4kid.org นะคะ
หรือไปที่ Facebook "LRD ThaiHealth" หรือเพจ "BBL4kid" ก็ได้
อยากให้มีการแลกเปลี่ยนแบ่งปันที่หลากหลายค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
APPLE_rx12MU
 
โพสต์: 74
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2009, 00:58

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย winnwin » 01 มี.ค. 2011, 13:08

เท่าที่คุณ Apple ชี้แจงมา พอสรุปได้ว่าคุณ Apple เข้ามาช่วยเค้าหาเสียงแต่ตัวคุณเองไม่ได้ลงสมัคร ? เลยไม่อยู่ในสภาชุดนี้

แต่เข้ามาช่วยงานในบางเรื่องเท่าที่จะช่วยได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นเลยกลายเป็นว่า งานนี้หา เจ้าภาพ ไม่เจอ

เพราะคนสมัครเค้าก็ไม่ได้เข้ามาพูดอะไรเลย แต่กลายเป็นว่าคุณ Apple เข้ามาพูดแทนเค้า

เวลาเกิดเรื่องราวขึ้นกับวิชาชีพ ก็เลยไม่รู้จะไปตามกับใคร

เพราะผู้พูดก็ออกตัวว่า ชั้นไม่ได้สัญญานะ แล้วชั้นก็ไม่ได้เป็นกรรมการสภา ด้วย

แต่ลองย้อนเวลาหาอดีตในช่วงหาเสียงซิครับ

ผมว่าหลายคนก็ต้องเข้าใจว่าคุณ Apple ต้องสนิทสนม ในแบบคลุกวงใน หรือเป็นเนื้อเดียวกัน หรือแม้แต่ลงสมัครเองด้วยซ้ำไป

ข้อสังเกตุในกรณีนี้ก็คือ ไม่ควรอย่างยิ่งเลยนะครับ ที่จะเข้ามาหาเสียงแทนใคร

ด้วยการโพสต์ข้อความในทางที่จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดไปว่านี่คือ นโยบาย ของกลุ่มที่ลงสมัคร

เพราะเมื่อมันคือ แนวทางทำงาน หรือ นโยบาย แล้วละก็

ปฏิเสธในภายหลังไม่ได้นะครับว่า ไม่เกี่ยวข้อง ด้วย

เพราะถ้าไม่เกี่ยวข้องจริง แล้วสิ่งที่นำมาเสนอ กล่าวอ้าง โน้มน้าว ให้คนเค้าลงคะแนนให้กลุ่มนี้จะแปลว่าอะไรดีละ ?

ความหวังดีอยากช่วยเค้าหาเสียงหรอครับ ?

____________________________________________________________________________________________

@@@@@@ อยากให้พวกเราช่วยกันมองและเสนอแนะกันอย่างสร้างสรรค์
วิชาชีพฯ ของเราเป็นพวกเป็นเหล่า เป็นสนิมเกาะกินมานาน ... จะทำอะไรทีก็ตั้งป้อมกัน เพราะมองไม่ตรงกัน ผลที่ได้มีผลต่างขั้วกัน
จะเปลี่ยนแปลง เราต้องอดทน
จะพัฒนา ต้องร่วมแรงร่วมใจ

ที่ หลายๆ คนใน Pharmacafe เคยเสนอ ก็ได้เสนอต่อไปแล้ว และก็มีข่าวดี ที่ทางสภาฯ จะตั้งคณะทำงานมาดำเนินการเรื่องนี้ แต่พอถาม เจ้าตัวหลายคนก็หยุดๆ ไป ... ก็เป็นอย่างนี้แหละ @@@@@@

ข้อความในกรอบนี้ผมถือเป็นคำ สารภาพบาป ในเช้าวันอาทิตย์เลยก็ว่าได้

เท่ากับยอมรับโดยดุษฎีแล้วว่า

ที่ว่าจะทำงานอย่าง เข้มแข็ง ในตอนหาเสียงนั้นเป็นเรื่อง Gone with the Wind จริง ๆ

แล้วน่าเศร้าใจอย่างถึงที่สุดเลยครับว่า

###### ที่ หลายๆ คนใน Pharmacafe เคยเสนอ ก็ได้เสนอต่อไปแล้ว และก็มีข่าวดี ที่ทางสภาฯ จะตั้งคณะทำงานมาดำเนินการเรื่องนี้ แต่

พอถาม เจ้าตัวหลายคนก็หยุดๆ ไป ... ก็เป็นอย่างนี้แหละ ######

ข่าวดีที่ว่านั่นก็คือ เค้าแค่รับปาก แต่ เค้าคงไม่ทำต่อ >>>>> ... ก็เป็นอย่างนี้แหละ !!!!!!!!!

_________________________________________________________________________________________________________

คำถามสุดท้ายที่อยากได้คำตอบจริง ๆ เลยก็คือว่า

ในเมื่อไม่อยากทำงานจะเพราะมันมี อุปสรรค ความยาก หรืออะไรก็แล้วแต่

แล้ว อาสา ทำไม ??????

จะเอา โอกาส ที่คนคนอื่นเค้ามอบให้ไป แช่แข็ง ทำไมละครับ ????

ถ้าใครได้อ่านบทสัมภาษณ์ของหลายคนที่ได้รับเลือกเข้าไปจะยิ่ง ช้ำใจ

เพราะเค้าพูดทำนองว่า เค้าไม่คิดจะมาลงหรอกนะ เผอิญ มีคนมาชวนลง

อีกคนก็พูดว่า มาตัดสินใจลงเอาวันหลัง ๆ เกือบจะหมดเขตรับสมัครกันแล้ว

ฟังแล้ว ละเหี่ยใจ จริง ๆ

____________________________________________________________________________________________________________

กับทีเรื่องอื่นที่ตัวเองเข้าไปกำกับดูแล เช่น เรื่อง HA

ก็เที่ยวชี้ โน่นนี่นั่น ให้คนเค้าทำไปเรื่อย

ไม่ทำไม่ได้ด้วยนะ มาในมาด คุณครูถือไม้เรียว เตรียมฟาดก้น

แล้วที งานที่ตัวเอง ต้องแสดงฝีไม้ลายมือ ละ ?

ผลงานแบบเป็นรูปธรรม อยู่ที่ไหนครับ ?

อย่ามีแต่ ข้ออ้าง เลยครับ

ลงมือทำงานกันได้แล้ว
winnwin
 

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย APPLE_rx12MU » 01 มี.ค. 2011, 14:35

นโยบายที่หาเสียงทั้งหมดเป็นของทีมค่ะ
และทีมก็มีความตั้งใจที่จะดำเนินการไปตามนั้น
อย่างตอนนี้เท่าที่ทราบ ก่อนมีการประชุม กก.สภาฯ ก็จะมีการประชุมคณะย่อยกันก่อน
หลายเรื่องก็มีการดำเนินการไปตามขั้นตอน

ทุกคนมีใจเดียวกันค่ะ คือ เชิดชูวิชาชีพเภสัชกรรม และอยากเปิดบทบาทของเภสัชกรให้เป็นที่ยอมรับในสังคม
เราคงต้องช่วยกัน... ตอนนี้ก็มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก มีหลากหลายมุมมมอง มัหลายคนเข้ามาเป็นกลไกสำคัญ และช่วยผลักดัน+ดำเนินการให้เกิดการพัฒนา

ตัวเองก็มีจิตอาสาที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกันผลักดันให้เกิดการพัฒนาในวิชาชีพฯ ของเรา
คงต้องขออภัยที่ (ทำให้เข้าใจว่า) มาเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณา
ในส่วนที่รับผิดชอบ และได้รับมอบหมายก็ขันอาสาช่วยเต็มที่ค่ะ
(แต่หลายเรื่อง บอกตรงๆ ว่าเราก็ต้องรอตามขั้นตอน)

ถ้าพวกเราที่มีความคิดดีๆ อยากเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการ สภาฯ ก็น่าจะยินดีต้อนรับค่ะ
เรื่องที่มีผู้เสนอตัวจะมาเป็นคณะทำงาน ก็เสนอจนทราบว่าได้รับไฟเขียวแล้ว
ตอนนี้ ก็รอแต่ว่าจะมีใครเปิดตัวเข้ามาบ้าง "คณะทำงานเพื่อตรวจประเมิน กรณีเภสัชกรแขวนป้าย"

ขอแก้ข่าวนะคะ ที่ว่าเป็นการสารภาพบาป (เพราะพยายามที่จะลดละบาปทุุกปัจจุบันขณะ เลยไม่มีบาปที่จะสารภาพค่ะ @v@) พอถามก็หยุดๆ กันไป ไม่ใช่ทีม กก.สภาฯ หยุดทำงานหรอกค่ะ เขาก็ยังทำงานของเขากันไป ทั้งการประชุมทุกเดือน และงานที่ดำเนินการตามนโยบายและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ... ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็อยู่ในดุลยพินิจของพวกเราแต่ละคน .... คนที่หยุดไป ก็คือคนข้างนอกที่มาเสนอความคิดความเห็น หลายข้อเสนอเป็นงานที่น่าทำ แต่พอจะเชิญมาร่วมเป็นคณะทำงานกัน ก็มีเหตุมีข้อจำกัดกัน ก็เข้าใจค่ะ เพราะต่างคนก็จะมีวิธีและการขับเคลื่อนต่างกันไป ... ก็เลยเป็นเหตุให้ต้องมาพูดถึง เพราะว่า เสัยดาย "โอกาสในการพัฒนา"

ช่วยกันนะคะ และให้กำลังใจกันและกันดีกว่า ... ส่วนจะให้เขาเป็นตัวแทนของเราหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของเรา
ปีหน้า สิทธิของเราจะได้ใช้กันอีกครั้ง ... ตอนนี้ก่อตัวกันไว้ก่อนก็ดี ... เราจะได้มีตัวเลือกที่หลากหลายเหมือนเมื่อปี 2009
@v@
APPLE_rx12MU
 
โพสต์: 74
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2009, 00:58

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย winnwin » 01 มี.ค. 2011, 18:04

สรุปว่า สภา ยังทำงานกันอย่างแข็งขัน ไม่นิ่งดูดาย

และขอให้ อดทน รอคอย กันต่อไปในการแก้ปัญหาใช่ไม๊ครับ

ดูเป็นการ ทำไร่เลื่อนลอย ขายฝัน ไปวัน ๆ มากกว่าครับ

ไม่ได้ต้องการโจมตี หรือ รู้สึกเกลียดชัง ใครเป็นการส่วนตัวเลยนะครับ

เพราะพูดตรง ๆ ว่า ไม่ได้รู้จักใคร และในการแสดงความเห็นก็ยิ่ง ไม่อยากรู้จัก

เพราะเห็นหลายคนเวลา แสดงความเห็น แล้วพอไปเจอตัวจริงกันเข้า

ก็ต้องเอา ความเกรงใจ มาทำให้หยุดวิจารณ์การทำงาน

ที่จริงผมทิ้งคำถามไว้หลาย ๆ ข้อนะครับ

แต่ไม่เห็นใครจะมาตอบคำถามเหล่านั้นเลย

ผมจะฉายหนังซ้ำอีกครั้งในบางประเด็น คุณ Apple ช่วยตอบด้วยก็ดีนะครับ

ผมวิพากษ์ว่าการทำงาน สภา หนักไปทาง งานธุรการ มากกว่าที่จะเป็น งานบริหาร

ยก ตย เช่น ท่านพูดเองว่า ร้านยา มีจำนวนมากจนพวกท่านบางคนออกมาพูดว่า

จะสุ่มโทรไป ขู่ ร้านยาแขวนป้าย

คำถามของผมก็คือ ในแง่ที่ท่านเอง อยากอย่างเหลือเกินที่จะ ทำร้านยาคุณภาพ

ผมมองว่า สร้างภาพ เพราะ ท่านแกล้งหลับตามองไม่เห็น ร้านยาเถื่อน ๆ ที่ทำผิด กม อยู่ทุกวัน

ในการทำร้านยาคุณภาพของพวกท่าน กับการตรวจสอบว่า ร้านยาเถื่อน ๆ มีที่ไหนบ้าง

ผมถามว่า เห็นบอกว่า จะเอาจริงกับการแขวนป้าย กันแล้ว มีการเพิ่มโทษให้หนักมากขึ้นไปอีก

กระบวนการตรวจสอบก็เป็นอันเดียวกัน คือ ต้องลง พื้นที่ จริง ๆ จึงจะทำได้

แล้วท่านช่วยบอกผมหน่อยซิครับว่า

วิีธีการแบบไหนที่ท่านจะดำเนินการให้ ครอบคลุม กับจำนวนร้านยาทั่วประเทศ

ผมเรียกร้องว่าต้อง ทั่วประเทศ นะครับ

เพราะมันเป็นการตรวจสอบทั้งระบบโดยเท่าเทียมกัน

ผมยังมองไม่เห็นวิธีการนั้น และเชื่อว่า ท่านก็ไม่มีคำตอบเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นการประกาศ ตูมตาม แบบที่ท่านให้ ปชส ของ สภา ออกมาตีเกราะเคาะกะลา

บอกใครต่อใครว่า เอาจริง แล้วนะ เพิ่มบทลงโทษด้วยนะเออ

แต่ในเมื่อ ไม่มีวิธีการ ที่จะดำเนินการให้ ครอบคลุม ได้อย่างแท้จริง

สิ่งที่ประกาศออกไปต่อให้เป็นการตัดหัวเสียบประจานด้วยซ้ำไป ก็ไม่เกิดขึ้นจริง

เป็นแค่ การข่มขู่ในฝัน เท่านั้น ( น่ากลัวออกจะตาย !!!! )

สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วพวกท่านก็ลอยตัวไปจนหมดวาระ

โดยทิ้ง ความหวัง คำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ที่ท่านนั่นแหละครับ โพสต์ไว้

จะไม่เรียกว่า สารภาพบาป ได้อย่างไร

##### อยากให้พวกเราช่วยกันมองและเสนอแนะกันอย่างสร้างสรรค์

วิชาชีพฯ ของเราเป็นพวกเป็นเหล่า เป็นสนิมเกาะกินมานาน ... จะทำอะไรทีก็ตั้งป้อมกัน เพราะมองไม่ตรงกัน ผลที่ได้มีผลต่างขั้วกัน ####

ใครจะตั้งป้อม แย้งงัด โดยยึดผล ปย ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ก็ไม่ใช่เหตุผลหรอกครับ

พวกท่านต้อง ยึด ปย วิชาชีพ และ ประชาชน เป็นหลัก

จะมี เภสัช ขายตัว ขายจิตวิญญาณ กับเงินแขวนป้าย หรือ ขายไวอากร้าอินเดีย ในเนต หรือ อื่น ๆ อีกมากมายก็ช่างเถอะครับ

งานทุกอย่าง ลำบาก ทั้งนั้นไม่มีอะไร ง่าย ๆ อยู่แล้ว

แต่ในฐานะที่พวกท่าน ขันอาสา กันเข้ามาเอง ไม่มีใครไปเอามีดจ่ิอคอหอยพวกท่าน

แล้วพวกท่าน ได้โอกาส มี อำนาจ อยู่ในมือ

ท่านต้อง ขวนขวาย มุ่งมั่น ขยัน แล้วต้องใช้ สติปัญญา ที่ท่านมีให้เต็มที่ครับ

อย่ามาอ้างเรื่องอื่น ๆ ว่าเป็น อุปสรรค เลย

ถ้าท่านเลือกแต่ งานขนมหวาน ประชุม ๆ กันไปวัน ๆ จนหมดวาระ

ท่านจะบอกคนอื่นว่า ท่านงานยุ่ง ก็คงเป็นการหลอกตัวเอง หลอกคนอื่น ไปวัน ๆ

เพราะ งานยาก ๆ งานแทะกระดูก ท่านไม่อยากแตะต้อง

____________________________________________________________________________________________________

ยังมีคำถามอีกหลายข้อ พูดมากไปจะนอกประเด็น

ถามเลยว่า ขอทราบวิธีทำ ในการประกาศกวาดล้างการแขวนป้าย ครับ

ว่าพวกท่านจะทำยังไงกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจร้านยาที่มีอยู่ทั่วประเทศหลายพันแห่ง

ที่สำคัญ ไม่ต้องแจ้งเลยด้วย เพราะ ร้านยาที่ทำผิด กม มีมากมายเหลือเกิน

เรียกว่า จับกันไม่หวาดไม่ไหวเลยจะถูกต้องที่สุด

อย่าตอบว่า ให้แจ้งเบาะแส เข้ามานะครับ

เพราะจะเป็น การเลือกปฏิบัติ ไป

และดูจะเป็นการ ซื้อเวลา ด้วยการจับหลอก ๆ ไม่กี่ร้าน

ซึ่งไม่มีผลต่อการ กวาดล้าง ได้อย่างจริงจัง

_______________________________________________________________________________________________

ส่วนเรื่องการอาสาไปช่วยงานสภา จับ ร้านยาเถื่อนนั้น

ผมไม่ได้เสนอและไม่เคยคิดจะเสนอด้วย

คุณ Apple ต้องไปตามหาคนที่เค้า อาสา เองนะครับ

ไม่เกี่ยวอะไรกับผม
winnwin
 

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย anan » 02 มี.ค. 2011, 10:31

คุณพี่ winnwin บนหัวแอนนี่นะคะ
แอนกด like รัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ทันเลยคะ วุ้ย เสียวซ่าน โดนใจคะ
anan
 
โพสต์: 93
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 09:54

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย smartss » 02 มี.ค. 2011, 10:38

ไม่ได้จับหรอกๆจับจริงแต่มัีนเป็นโควต้าส่งประกวดว่าได้จับแล้วหรือไม่ก็จับคนที่ไม่ชอบเคร่งคัดหาเรื่องมาจับผิดเขาจนได้ที่เหลื่อ
ซี้กัน 1:1000+
พูดความดีของเขาคือความดีของเรา
พูดความไม่ดีของเขาคือความไม่ดีของเรา
พึงทำความดี ยิ่งกว่าทำตนเป็นคนดี
ความดีมีไว้ทำ มิไช่แบกหามล่ามโซ่ตัวเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
smartss
 
โพสต์: 320
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 18:46
ที่อยู่: กรุงเทพ

Re: Propaganda or Promise?

โพสต์โดย winnwin » 08 มี.ค. 2011, 16:28

รอคำตอบจากคุณ Apple อยู่นะครับ

ถ้าที่บอกว่า สภา กำลังทำงานกันแบบ สุดกำลังสุดสติปัญญา ไม่นิ่งดูดายจริง

ต้องตอบคำถามง่าย ๆ ที่ผมถามได้ว่า

ทำกันแบบไหน อย่างไร ?

หวังว่าคุณ Apple คงไม่ส่งกระดาษเปล่านะครับ
winnwin
 

ย้อนกลับ

ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document