PharmaCafe.com

ตามที่ กรรมการสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) รวมตัวกันคัดค้านร่าง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข เพื่อขอแก้ไข หากร่าง พรบ.มีผลบังคับใช้ จะทำให้แพทย์ลังเลในการรักษา เพราะรู้สึกดันจาก พรบ. ผู้ได้รับผลเสียคือคนไข้
ทาง สพศท. จะใช้มาตรการเพื่อคัดค้านจนกว่ามีการถอนร่าง พรบ. ออกจากสภา

ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ แพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศจะพร้อมใจกันแต่งชุดดำหรือสวมปลอกแขนสีดำ ติดริบบิ้นสีดำ พร้อมป้ายผ้าแสดงการคัดค้านและชุมนุมที่โรงพยาบาลแต่ละแห่ง เพื่อไว้ทุกข์แก่ ร่าง พรบ. นี้ทุกวัน จนกว่าจะมีการถอนร่าง พรบ. หรือหยุดการพิจารณาจากสภา

คุณคิดอย่างไรในเรื่องนี้

ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่เห็นด้วยคะ เราไม่ควรทำตนเหนือคนอื่น หรือได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น
ภายใต้รัฐธรรมนูญทุกคนเท่าเทียมกัน เช่นการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ทุกคนก็เท่าเทียมกันมีสิทธิ์ลงได้ 1 เสียง เท่ากัน
ทุกคนต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิอื่นๆทางกฎหายเท่าเทียมกันด้วย

ขอเชิญแสดงความคิดเห็นคะ

ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ผมเห็นด้วยครับที่คัดค้าน เพราะตอนนี้ไม่มีร่าง พรบ ก็ร้องเรียนกันจะเป็นจะตาย แค่เรื่องเล็กน้อยก็ร้องเรียน ถ้ามี พรบ เกิดขึ้นมาอีก สงสัยแค่หายใจรดคนไข้คงต้องร้องเรียน คนทำงานก็มีหัวใจนะครับ แล้วอีกอย่างบังเอิญคนที่พิจารณา พรบ นั่นกลับเป็นแค่คนกินเงินเดือนเยอะๆๆแต่สมองเท่าเม็ดถั่ว เอาแต่โกงบ้างโกงเมือง เอาแต่ประชานิยม ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรครับ สรุป ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะมีคนโง่ๆๆเป็นคนพิจารณา

การแต่งดำเป็น "อภิสิทธ์" ตรงไหน เป็นงง

ไม่มี พรบ.ก็ฟ้อง
มี พรบ.มาปล้นเงินก็ยังจะโดนฟ้อง
ไม่ได้ตามก้นหมอ แต่ก็เป็นห่วงตัวเอง

ตามความเข้าใจ เมื่ออ่านกระทู้นี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ทุกคนเมื่อทำผิดแล้ว จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้รับสิทธิหรือมีอภิสิทธิ์ในการได้รับการยกเว้น จากการออกกฎหมายใดๆมารองรับ ก็แฟร์ดีนิ คิดแบบไม่เห็นแก่ตัว และ ไม่เอาแต่ได้ สงสารประชาชนเขาบ้าง
ที่ฟ้องร้องหมอจะมีสักกี่รายต่อการรักษาของคนไข้แต่ละวันทั่วประเทศ เฉพาะที่ รพ. ที่ทำอยู่ คนไข้ OPD วันหนึ่งก็ 600 เดือนหนึ่ง ก็ 18,000 ปีหนึ่งก็ 219,000 ไม่เห็นมีใครมาฟ้องเรียกค่าเสียหายตามที่อ้างเลย การมี พรบ.คุ้มครองฯกลับทำให้มีการทำงานที่รอบคอบขึ้น การทำงานทุกอย่างทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว ภายใต้กฎหมายทุกคนจึงเท่าเทียมกัน หรือต้องการ "อภิสิทธิ์"

ที่ผ่านมา อาชีพดังกล่าวก็ได้แต่ "เอา" (take) จากสังคมมากมายอยู่แล้ว

ถ้าจะบอกตรงๆว่าไม่ชอบหมอ ก็คงไม่ต้องว่าเรื่อง พรบ. แต่พรบ.นี้รวมร้านยาไว้แล้วอย่างหมดเม็ด

จะแต่งสีอะไรก็ไม่ว่า ขอให้ตรวจคนไข้แล้วกัน และตรวจอย่างรอบคอบอย่าขอไปที การมี พรบ.อย่างนี้ดีแล้วจะได้ระวังกันมากขึ้น

cpm001 เขียน:จะแต่งสีอะไรก็ไม่ว่า ขอให้ตรวจคนไข้แล้วกัน และตรวจอย่างรอบคอบอย่าขอไปที การมี พรบ.อย่างนี้ดีแล้วจะได้ระวังกันมากขึ้น

มี พรบ.หรือไม่มีก็ต้องระวัง เพราะโดนฟ้อง

แต่มี พรบ. โดนเก็บตังค์แถมด้วยมีสิทธ์โดนฟ้อง

จึงไม่เกี่ยวว่ามีหรือไม่มี พรบ. ขายยาดีๆคนกินแพ้ยาตายมีสิทธิ์หมดตัว ไม่ใช่มีแต่หมอ

เภสัชโรงพยาบาลจ่ายยาคนไข้เยอะงานหนักพูดกับคนไข้น้อยไปหน่อยก็โดนเหมือนกัน

ใครมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น?????

นปช? พันธมิตร? กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ? แพทย์พยาบาลที่ประท้วง?


ต้องการจะโจมตีแพทย์ หรือ จะสนทนาประเด็นเรื่องของ พรบ. กันแน่

ถาม ถ้าแพทย์ รพ รัฐบาลรักษาผิดพลาด โดนฟ้องร้อง ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ใครต้องจ่ายเงิน ระว่าง รพ.รัฐ โดยใช้เงินบำรุง กับ รัฐบาลรับผิดชอบ ไม่เกี่ยวกับเงินบำรุง ของ รพ

ถาม ถ้า กรณีเดียวกันแต่เป็น รพ เอกชน ใครต้องรับผิดชอบ รพ เอกชน รับผิดชอบ เองหรือ รัฐบาลช่วยเหลือ



ถ้าจะสนทนาเรื่อง พรบ. แนะนำว่าไปอ่าน พรบ.ให้ละเอียดก่อน จะสนทนากันจะได้ประเด็น กว่า การที่บางคน ดูแค่ข่าว อ่านแค่หัวข้อ แล้วมา ตีความกันเอาเอง แล้วมาคุยกัน โดย ยังไม่ได้ไปอ่านรายลเอียดของ พรบ. อย่างถ่องแท้

เรื่องเกลียดหมอ
เรื่องกลัวจ่ายตัง เราไม่ควรเอาเรื่องเหล่านี้มาพิจารณา
จ่ายตังไม่จ่ายตังใครทำผิดก็มีสิทธิโดนฟ้องทั้งนั้น
แต่ความผิดพลาดเกิดขึ้นกันได้ยิ่งมีความไม่พร้อมของภาครัฐ
ยิ่งควรมีการเยียวยาในรูปแบบต่างๆหลากหลายช่องทางทั้งจากการฟ้องทั้งจาก พรบ.และควรพัฒนาช่องทางอื่นๆอีกต่อไป
พรบ.รถยนต์ยังมีไว้คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์
พรบ.แรงงานยังมีไว้คุ้มครองผู้ประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน
แล้วผู้เสียหายจากการรักษาทำไมจะมี พรบ.ไว้คุ้มครองไม่ได้
หลักการชดเชยเยียวยาเช่น พรบ.เหล่านี้แสดงถึงความเจริญของประเทศ
แสดงถึงความมั่นคงในการดำรงชีวิตของประชาชน
ถ้าการดำเนินการพร้อมแล้วจะให้ร้านยาต้องเข้าพรบ.จ่ายตังก็ได้
แต่อยากให้มีการจัดการที่เป็นธรรม
ที่เป็นห่วงคือรายละเอียดระเบียบวิธีปฏิบัติหลังจากมีพรบ.และรายละเอียดบางประเด็นในบาง (ร่าง)พรบ.มีหลายร่าง
ส่วนตัวเห็นด้วยกับหลักการการเยียวยา ชดเชยต่างๆในหลายๆ พรบ.
คงไปเปลี่ยนความคิดใครยาก
แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ ลองพิจารณาเฉพาะ เหตุผลดู อาจแยกส่วนผลประโยชน์ส่วนตัวไว้อีกประเด็นแล้วชั่งอีกทีก็ได้

ง่ายมากที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโดยรัฐบาลออกเงินขาเดียว
ไม่ใช่เก็บตังค์ แล้ว +ด้วยการปรึกษาให้ฟ้อง

กฎหมายเขียนไว้แค่ผายลม การปฏิบัติเห็นๆอยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นใด
พรบ.นี้ไม่ได้แสดงความเจริญของประเทศแต่อย่างใด เพราะหลายๆประเทศที่เจริญก็ไม่เอาพรบ.แบบนี้ที่มีคนเสนอเหมือนกัน
ดังนั้นควรจะเป็นการประกันเพื่อไม่ให้โดนฟ้องร้อง เช่นเดียวกับการประกันสังคมของแรงงาน

ถ้าจ่ายตังค์เพื่อให้มีการปรึกษาแล้วยังไปฟ้องได้อีกก็เป็นแค่การปล้น

แสดงว่าที่ออกมากลัวโดนเก็บตัง
และกลัวโดนช่วยฟ้อง
แต่เห็นด้วยกับหลักการชดเชยเยียวยา

แล้วใช่ไหมล่ะ

ไม่งั้นก็เก็บเงินทุกคนที่เป็นเภสัชเข้ากองทุนด้วยมั๊ย จะได้เป้นการกุศลสมใจ

แสดงว่าถ้าไม่เก็บเงินเภสัชแล้วเภสัชจะเห็นด้วย
คงไม่เป็นตามนี้ ตีค่าเภสัชน้อยไป

แสดงว่าตัวเองก็ยินดีจ่ายใช่ไหมล่ะ อย่าอ้างว่าไม่เกี่ยวหรือเงินเดือนน้อย

แต่เรื่องจ่ายเงินโดยไม่ยุติธรรม เป็นค่าของคนไม่ฉลาดไม่จำเป็นว่าเภสัชหรือไม่

ไม่เชื่อลองทำเรื่องเสนอไปซีว่าขอเก็บเงินเภสัชกรทุกคนเข้ากองทุน
เพื่อ "ศักดิ์ศรีของเภสัชกร" แนบไปในร่าง พรบ.
แล้วคงได้รับคำสรรเสริญ (หรือไม่ก็โดนบ้อม)

ตัวเองขับรถแล้วจ่ายพรบ.ไหมละมันเป็นธรรมไหมละ
เภสัชที่เสี่ยงก็สมควรจ่าย ที่ไม่เกี่ยวก็ไม่สมควรมันเป็นหลักการประกันสังคม
ถ้าไม่ดีก็ว่ากันในรายละเอียด ไม่เห็นไปค้าน พรบ.อื่นๆหรือหนี พรบ. ทั้งที่ตัวเองก็ขับรถ มีประกันต่างๆที่ต้องจ่าย
การประกันเยียวยาชดเชยมันแสดงความเจริญมั่นคงของมนุษย์
ไม่เห็นต้องไปเทียบกับใคร