New Document









ข้อคิดดีๆจากประชุมเครือข่ายเภสัชกรอีสานใต้ครับ

ห้องเภสัชกร

ข้อคิดดีๆจากประชุมเครือข่ายเภสัชกรอีสานใต้ครับ

โพสต์โดย kunpat » 10 ธ.ค. 2010, 07:47

แนวคิดการพัฒนาบทบาทวิชาชีพเภสัชกร โดยเฉพาะในเชิงเภสัชกรรมปฐมภูมิและคุ้มครองฯ อ่านแล้วโดน ลองเอามาเผยแพร่ เผื่อจะโดนใจใครบ้าง
ผม นำเสนอแนวคิดเชิงการพัฒนางานเภสัชกรรม โดยเฉพาะเภสัชกรรมปฐมภูมิและคุ้มครองฯ จะว่าตามtrendก็ใช่ แต่ก็ถือเป็โอกาสดีที่ชาวเภสัชกรทุกคนต้องรู้และปรับตัวหรือพัฒนาเพื่อความ คงอยู่และความก้าวหน้าของวิชาชีพเรา โปรดอย่ามองเพียงเราอยู่ได้ก็เพียงพอแล้ว เพราะยังมีรุุ่นน้องร่วมวิชาชีฟอีกมากที่จะออกมารับใช้สังคม ร่วมกันสร้างเกียตริภูมิแห่งเราชาวเภสัชกร ที่จะร่วมสร้างสุขภาพที่ดีแก่ประชาชนและให้เขาเหล่านั้นรู้จักเราในนาม "เภสัชกร"

บทความนี้จากภก.โรงพยาบาลเขื่องใน อ่านแล้วแจ่มมากครับ
คำกล่าวจาก "ผู้บริหาร ระดับสูง นพ.สุรพร ลอยหา นพ.สธ.จ.อุบลฯ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพที่
ใกล้ชิดกับเรา มากที่สุดวิชาชีพหนึ่ง" ท่านเข้าใจว่า เภสัช pharm.D ซึ่งเรียนมามากกว่าเภสัช ที่จบ 5 ปี เพิ่มขึ้นมา 1 ปี นั้น มีความสามารถในการตรวจวินิจฉัย เฉกเช่นเดียวกับแพทย์ ในโรคที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ดังนั้นท่านจึงคาดหวังวิชาชีพเรา น่าจะไปดูแลประชาชนในรพ.สต.ได้ และท่านก็ยินดี จะให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีแพทย์ ลงไป field ในพื้นที่ชนบทบ้านนอก (เพราะแพทย์ (ส่วนใหญ่) คงไม่มีใครเสียสละ ได้ขนาดนั้น .. ประโยคนี้คิดเองนะค่ะ .. จากสภาพการณ์จริงใกล้ตัว ทำให้คิดได้อย่างนี้)
เพราะท่านคิดเทียบเรา กับพยาบาล ที่ไปเรียนเวชปฏิบัติ เพิ่มแค่ 4 เดือน แต่สภาการพยาบาล สามารถผลักดัน และทำให้ทุกคนยอมรับได้ว่า พยาบาลเวชฯ สามารถตรวจรักษา และให้ยาได้มากขึ้น กว่าพยาบาลวิชาชีพทั่วไป

** ถึงแม้กระทรวง จะไม่มีกรอบเภสัช ในรพ.สต. แต่ถ้า สปสช. เห็นคุณค่าของการพัฒนาระบบยาในชุมชน ดิฉันก้อคิดว่าประเด็นนี้น่าจะเป็นโอกาส ที่เภสัชกร จะก้าวเข้าไปทำงานเพื่อชุมชนรากหญ้า ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประชากรทั้งประเทศได้แล้ว ** ถึงเวลาที่พี่ๆที่อยู่ในรพช.ตอนนี้ ต้องเริ่มคิดที่จะปูทางไว้ให้น้องๆ ที่จะหลั่งไหลจบออกมา จากการเร่งผลิต ของเกือบ 20 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ (ขออนุญาติกัดจิกเล็กน้อย .. เนื่องด้วยมหาวิทยาลัยที่ผลิตเภสัชกร มันเพิ่มขึ้นมากจนตกใจกลัว) **

-ขอกลับมาเรื่องการยอมรับกันเองค่ะ .... ลองหันกลับมาดูวิชาชีพตัวเอง เพราะพวกเราเองนี้หละค่ะ ที่ไม่ยกย่องพวกเราเองให้เห็นความต่าง ของ กลุ่มที่เรียนต่อยอดเฉพาะทาง .. เรียนจบ pharmD ก็ทำงานเหมือนเภสัชกรที่จบ 5 ปี (คิดถึงน้องๆ pharm.D รุ่นแรกๆของมน. ก้อคงทำงานไม่ต่าง จากเพื่อนๆ ที่จบ 5 ปี หรือตอนนี้ องค์ความรู้ที่อุตส่าห์เรียนอย่างเข้มข้น อาจจางหายไปแล้วก็ได้) หรือกลุ่มที่เรียนจบคลินิก ก็ทำงาน ไม่ต่าง ไม่ยกย่องกันเอง ไม่สร้างระบบ consult ไม่ แยกให้เห็น GP แค่ทันตแพทย์ เรียน 1 ปี กลับมา ทำงานต่างจากเดิมเลย รับ consult เฉพาะทาง รู้กันถ้วนทั่ว ทั้งจังหวัด ว่าหมอคนนีัเฉพาะทางอะไร จากการไปเรียน แค่ 1ปี

ถึงเวลาแล้วหละค่ะ ที่เราควรยกย่องให้เกียรติ กันเอง เรามีกันเยอะหละ แทบจะล้นตลาด ต่างจากเมื่อก่อน จบอะไรมาก็ต้องทำงาน ทุกอย่างในบริบทรพ.นั้น (บางคนอาจบอกว่าตั้งแต่ขนยาเอง แกะกล่องยาเอง) แต่ปัจจุบัน เราปูพื้นฐานของระบบยาไว้ ค่อนข้างจะดี คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว นะค่ะ ในระบบราชการไทย คงไม่ต้องให้น้องๆ pharm.D ไปเริ่มต้นเรียนรู้งานตั้งแต่แกะกล่องยาหรอกนะค่ะ ตอนนี้ ถึงขั้นที่ต้องต่อยอดคุณภาพ ให้เห็นความต่างของวิชาชีพเภสัชกร วิชาชีพที่บอกว่าตัวเองว่าเชี่ยวชาญด้านยาที่สุด ถึงเวลาแล้วค่ะ ที่ต้องยกย่องน้องๆ (ด้วยความหวังน้อยๆว่า น้องๆ ก็ต้องโชว์พราว ให้เห็นความต่าง เชิงองค์ความรู้ และทักษะในการปฏิบัติงาน สามารถค้นหา และป้องกัน/แก้ไขปัญหาด้านยาได้ รวมถึงความเป็นผู้นำ แต่มิใช่ EGO สูง ชิมิ)

อย่างแรก ของการสร้างสังคมที่จะให้เกียรติ วิชาชีพเภสัชกร (บางคน อาจคิดว่าตลก แต่ส่วนตน คิดว่าสำคัญนะค่ะ)
1. พวกเราเริ่มต้น เรียกกันเอง ด้วยคำขึ้นต้น เภสัช.. ได้แล้วค่ะ อย่างน้อย ก้อสังคมใกล้ตัว เริ่มรับทราบ เริ่มซึมทราบ แล้วเค้าก็จะเริ่มเรียนรู้ค่ะ ว่าเราคือเภสัชกร ที่สามารถช่วยเค้าด้านยาได้
2. เริ่ม ตั้งแต่ตอนเป็น นิสิต นักศึกษา เลยนะค่ะ (เพราะ โดยส่วนตนเคยเป็น case ให้เพื่อนนิสิตทันตแพทย์ เค้าก็เรียกเพื่อนเราว่าคุณหมอ แล้ว ตั้งแต่เรียน สำหรับแพทย์ ทุกคนคงชิน อยู่แล้ว เพราะเค้าเรียก คุณหมอ ตั้งแต่รู้ว่าได้เป็นนศ.แพทย์ เข้าเรียนชั้นปีหนึ่งแล้วหละค่ะ)

ประสบการณ์ตรง จากรพ.ที่ทำงานอยู่ ผู้ป่วยเริ่มเรียกเราว่าเภสัช แล้วค่ะ เค้าเริ่มรู้แล้ว ว่าถ้ามีปัญหาเรื่องยา ต้องมาหาเรา เค้าจะถามหาเภสัชกร เพราะเดิม แถบภาคอิสาน ชาวบ้านจะเรียกทุกคน ในรพ.ว่า คุณหมอ แต่ดิฉัน ไม่ยอมค่ะ พยายามแนะนำตัวเอง และใช้คำแทนตัวว่า "เภสัช" เมื่อพูดคุยกะผู้ป่วย แต่บางทีก็เผลอค่ะ เผลอเรียกตัวเองว่าหมอ ตามทีชาวบ้านเรียก แต่เมื่อฉุกคิด นึกได้ ก็จะเปลี่ยนใช้คำแทนตัวว่า เภสัช .. ดังนั้น ทุกอย่าง เริ่มต้นได้ที่ตัวเราค่ะ ....

ภญ.ศิริรัตน์ :lol:
สนใจงานด้านเภสัชกรรมปฐมภูมิติดตามได้ที่ www.pharmalocal.com
kunpat
 
โพสต์: 11
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 22:10







Re: ข้อคิดดีๆจากประชุมเครือข่ายเภสัชกรอีสานใต้ครับ

โพสต์โดย kunpat » 10 ธ.ค. 2010, 07:53

:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
สนใจงานด้านเภสัชกรรมปฐมภูมิติดตามได้ที่ www.pharmalocal.com
kunpat
 
โพสต์: 11
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 22:10

Re: ข้อคิดดีๆจากประชุมเครือข่ายเภสัชกรอีสานใต้ครับ

โพสต์โดย beebee » 10 ธ.ค. 2010, 11:13

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ทั้งที่การจัดการระบบยาและงานคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชนเป็นเรื่องใหญ่ และช่วยส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในชุมชน แต่ทำไมกระทรวงถึงมองข้ามพวกเราชาวเภสัชกรไปได้นะ ทั้งที่พวกเราเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้เรื่องยามากที่สุดอ่ะ
beebee
 
โพสต์: 140
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ค. 2008, 01:30

Re: ข้อคิดดีๆจากประชุมเครือข่ายเภสัชกรอีสานใต้ครับ

โพสต์โดย kunpat » 12 ธ.ค. 2010, 08:22

เท่าที่ทราบเรื่อง ทางสภาเภสัชกรรมพยายามผลักดันเรื่องตำแหน่งเภสัชกรไม่ว่าจะเป็นเรื่อง C8 เรื่องตำแหน่งในรพสต. แต่ชาวเภสัชกรเองกลับไม่มีผลงานเชิงประจักษ์แสดงให้เขาเห็นเลย ต้องช่วยกันแล้วล่ะครับ
สนใจงานด้านเภสัชกรรมปฐมภูมิติดตามได้ที่ www.pharmalocal.com
kunpat
 
โพสต์: 11
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 22:10


ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document