New Document









สักวันหนึ่งเมื่อผมมีเงินมากพอและไม่มีภาระแล้ว ผมจะทำ

ห้องเภสัชกร

สักวันหนึ่งเมื่อผมมีเงินมากพอและไม่มีภาระแล้ว ผมจะทำ

โพสต์โดย blacksmithday » 19 พ.ย. 2010, 08:09

สวรรค์ ง่ายๆ สไตล์โจน จันได
มีโอกาสไปเจอและนั่งฟังพี่ โจน จันได ในงานกรีนแฟร์ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาฯ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

โจน จันได ชื่อที่เคยได้ยินมานาน เพิ่งได้เจอตัวเป็นๆ ก็วันนี้ (หลังจากได้ยินแต่เสียงผ่านสายโทรศัพท์ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์)

กิตติศัพท์ เรื่อง ?ความ บ้า? ประเภทที่มีวัตรปฏิบัติอันหมิ่นเหม่ให้ถูกมอง ว่า ?แปลกแยก? สวนกระแสกับ สังคมสมัยใหม่อย่างสุดขั้ว

แต่ ไม่น้อยที่เสียงสรรเสริญมนุษย์ผู้นี้ว่า คือ อัจฉริยะด้านการดำรงชีวิตที่ถูกต้องแท้จริง

พี่ โจน จันได มนุษย์บ้านดินคนแรกของเมืองไทย วันนี้มาในชุดกางเกงเลสีดำสบายๆ กับเสื้อกันหนาวสีดำหม่นๆ มอๆ เหมือนมีเศษหญ้าเศษดินติดมาจากเชียงใหม่ พี่แกเพิ่งลงจากเครื่องสดๆ เพื่อมางานนี้ และมีคิวอัดรายการทีวี ก่อนจะบินกลับเชียงใหม่ภายในวันเดียว

ในระยะประชิด สายตาที่มองเห็นตรงหน้าคือชายผู้ผิวกายกร้านแดดเหมือนชาวไร่ชาวนาตามชนบท ทั่วไป ดวงตาปรานีทว่าแฝงแววมุ่งมั่นจริงจัง น้ำเสียงโอบอ้อมอารีเป็นมิตร ขณะสนทนา สายที่ก้มมองพื้น บังเอิญเห็นเท้าของพี่โจนเล่นเอาตกตะลึงไม่น้อย

รองเท้า แตะยี่ห้อดาวเทียมสีเหลืองที่ดูแข็งแรงทนทานเหมาะกับเท้าอันทำงานหนักของชาว ไร่ชาวนา ที่ตะลึงคือ หูคีบรองเท้าด้านขวาหล?8;ดขาด (ตามปกติของรองเท้าชนิดนี้ที่มักขาดตรงหูคีบก่อนเสมอ) พี่แกใช้ผ้าร้อยรัดแทนและสวมใส่มันปกติ

เห็นแล้วอดไม่ ได้ที่จะคิดถึงผู้คนตามต่างจังหวัด หากมองว่าประหยัดหรือขาดแคลนก็คงไม่ผิด แต่นี่ไม่ใช่หรือคือการใช้สิ่งของอย่างคุ้มค่าที่สุด

รองเท้า ของพี่โจนทำให้นึกถึงคำพูดของใครสักคนที่บอกว่า รองเท้า ชื่อก็บอกว่าเอาไว้รอง ?เท้า? ไม่ใช่ ?รองเกียรติ? พินิจดูตามความเป็นจริงก็ใช่

เหมือนกัน - เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม หากจะว่ากันตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ก็เพียงเพื่อปกปิดร่างกายไม่ให้ดูอุดจาดตา ? เท่านั้นเอง

ปฏิเสธ ได้หรือว่า ทุกวันนี้มนุษย์บริโภคสิ่งของผิดความหมายตามที่มันควรจะเป็น ?
วันนี้พี่โจน จันได มาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่เหมือนว่าได้ค้นพบวิถีใหม่ให้กับชีวิต

?ทำงานบ้านดินมา 10 ปี รู้สึกว่าเหนื่อย จึงอยากพัก บ้านดินทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สิ่งที่อยากทำจริงๆ ในตอนนี้ คือการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านแท้ๆ การเก็บเมล็ดพันธุ์มีความสำคัญกว่าการทำบ้านดิน เพราะความรู้ในการทำบ้านดิน เรียนรู้ได้ง่าย ทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เมล็ดพันธุ์ นับวันจะหายไปจากโลกทุกวัน การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ต้องรีบทำ ไม่อย่างนั้นจะหายไปจากโลก ต้องเร่งรีบเก็บรักษาไว้?

ด้วยความคิดนี้ พี่โจนหาซื้อที่ดินที่อำเภอแม่แตง และลงมือปลูกพืชผัก ตั้งชื่อว่า ไร่ พันพรรณ มีคนอาศัยและช่วยงานอยู่ 7-8 คน เป็นครอบครัวเล็กๆ มีแขกแวะเวียนไปเยี่ยมบ้าง บางคนทำงานในเมืองมานาน เบื่อหน่ายเมือง เบื่อหน่ายตัวเอง และอยากไปทดลองใช้ชีวิต ก็มาขออาศัยอยู่ที่ไร่

ที่ ไร่ไม่มีทีวี ไม่มีหนังสือพิมพ์ (ก่อนขึ้นเวทีพี่โจนบอกว่า ไม่ได้อ่านหนังสือมานาน)

ทั้ง คนไทย ทั้งฝรั่ง ต่างผลัดเปลี่ย19;กันมาเรียนรู้วิถีชีวิตแบบสมถะกับพี่โจน

?เราเน้นการพึ่งตนเอง ด้วยปัจจัยสี่ อาหาร บ้าน ผ้า และยา เรามีความเชื่อว่าชีวิตที่พัฒนาที่ ดีที่สุด ชีวิตที่มีความสุขที่สุดคนต้องเข้าถึงปัจจัยสี่ได้ง่ายที่สุด แต่การพัฒนาทุกวันนี้รู้สึกว่ามีแต่เลวลง แย่ลง

?ทุกวันนี้คนกว่าจะ ได้บ้านหลังหนึ่ง ต้องทำงานเก็บเงินเป็นยี่สิบสามสิบปี แสดงว่าแย่มาก อาหารก็แพงขึ้น และไม่มีความปลอดภัยเลย เราไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรมาให้เรากิน การพัฒนาที่เป็นอยู่ ชีวิตที่คนทุกวันนี้เป็นอยู่เป็นสิ่งที่หาสาระไม่ได้เลย เราทำไปด้วยความงมงาย ด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำชีวิตให้ยากขึ้นๆ ๆ ๆ จนลืมไปว่าชีวิตเกิดมาทำไม ครอบครัวเป็นยังไง มีความสำคัญยังไง ธรรมะคืออะไร ความสุขเป็นยังไง ไม่มีใครสอนเลย คนมีแต่ซื้อๆๆๆ เพื่อให้มีความสุข แต่ความจริงเป็นอย่างนั้นมั้ย?

?คนบอกว่าอยากมี เสรีภาพ ต้องมีโทรศัพท์มือถือ ต้องมีอะไรมากมาย และจะมีเสรีภาพอย่างที่เขาโฆษณา แต่ความจริงมันคือเสรีภาพจริงๆ มั้ย?

?สุดท้าย เราก็เลยกลับมาชีวิตว่า ชีวิตที่มีความสุข คือชีวิตที่ง่าย บริโภคน้อยลง พึ่งตนเองได้ เราก็เลยกลับมาที่ปัจจัยสี่ อาหาร บ้าน ผ้า และยา?

มนุษย์ต้องหาเงินเป็นแสนเป็นล้านเพื่อให้มี บ้านสักหลัง ขณะที่ นก หนู สามารถทำรังได้ในวันเดียว

?เมื่อมนุษย์ที่ ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในโลก แต่ทำไมเราทำในสิ่งที่โง่ที่สุด?

พี่โจนบอกว่า มันผิด ถ้ายากแสดงว่ามันผิด

?อย่างการมีอาหาร คนทำงานในเมืองวันละ 8-12 ชั่วโมงแต่ไม่พอกินสำหรับคนเดียว ทำเพื่ออะไรกัน แต่ผมทำสวนวันละ 30 นาที ผมมีอาหารเลี้ยงคน 7-8 คนได้สบาย ง่ายมากเลย นี่คือความง่าย?

?บางคนซื้อเสื้อผ้าตัว ละเป็นพันสองพัน ทำงานกี่เดือนถึงจะได้เสื้อ ทำไมต้องทำให้มันยาก เราหลอกตัวเอง เราทำให้ชีวิตมันยากขึ้นๆ อย่าลืมว่าคนเรามีชีวิตไม่ยาวนักบนโลกนี้ อีกไม่นานก็ตายแล้ว แต่ทำไมเราเอาเวลาที่มีค่าสูงสุดมาทำสิ่งไร้สาระไม่เป็นประโยชน์กับตัวเรา

?ใส่เสื้อผ้าสวยๆ รู้สึกยังไง ใส่เสื้อผ้าสวยแค่ไหน คนไม่สวยก็ไม่สวยเหมือนเดิม ไม่มีดั้งก็ไม่มีเหมือนเดิม เราหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นทำไม

?อยากให้เห็นว่าชีวิต เป็นเรื่องง่ายๆ ถ้าง่ายไม่ได้ มีความสุขไม่ได้ ความง่ายก็คือสิ่งที่เราได้มาโดยไม่ยากและก็ไม่เป็นทุกข์?







จากบ้าน เสื้อผ้า มาถึงเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่

พี่ โจน จันได กำลังสนุกกับการปลูกพืชและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ เก็บแบบบ้านๆ ไม่ต้องพึ่งห้องแลปแบบวิทยาศาสตร์

?ไม่ต้องพึ่งพิง เทคโนโลยีมากเกินไป เพราะเราเก็บจากชาวบ้าน เก็บจากชีวิตประจำวัน ปลูกไปด้วย กินไปด้วย คัดเลือกไปด้วย เก็บพันธุ์ไปเรื่อยๆ พยายามที่จะแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้ชาวบ้านไปเรื่อยๆ เราจะรักษาในลักษณะนี้?

พี่โจน จันได บอกว่า อยากให้คนหันมาเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านไว้ให้เยอะขึ้น อย่างมีสัก 10 คน หายไป 3 คนก็ยังเหลืออีก 7 ดีกว่าไม่มีใครเก็บเลย

ทำไม ต้องเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์?

?การเก็บรักษาเมล็ด พันธุ์แท้ พันธุ์พื้นบ้านเป็นสิ่งสำคัญ เพราะธุรกิจทุกวันนี้เอาเมล็ดพันธุ์ผสมมาให้เราปลูก ต่อไปถ้าเราไม่เก็บเมล็ดพันธุ์เอง เราต้องพึ่งเมล็ดพันธุ์จากบริษัทตลอด และถ้าบริษัทขึ้นราคาเมล็ดพันธุ์ เราก็ต้องซื้อเขา?

มี ตัวอย่างชาวบ้านที่ยโสธร (บ้านเกิดพี่โจน จันได) ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์แตงโมกิโลกรัมละ 12,000 บาท -ให้ตายสิ!!!

พี่โจน จันได มองว่าเราต้องกลับมาคิดเรื่องเมล็ดพันธุ์กันใหม่

?ใครยึดครองเมล็ดพันธุ์ได้ คนนั้นครองโลก?

คำพูดนี้คงไม่เกินเลยนัก เพราะดูจะสอดคล้องกับที่เห็นและเป็นอยู่ บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่พยายามแย่งชิงพันธุ์พืช มีการขโมย มีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ มีการทดลองดัดแปลงพันธุกรรมพันธุ์พืช เพื่อจะเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว บริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยผู้ที่บอกว่าจะเป็นเจ้าของประเทศนี้ก็กำลังรุกคืบ ผลิตอาหารทุกอย่าง เดินไปตามท้องถนนคงเห็นป้ายโฆษณา รวมถึงการกระหน่ำยิงสปอตทางทีวี วิทยุ ตู้ขายอาหารริมทางของบริษัทนี้ก็มีเกลื่อนกลาด

ทำไม ต้องทำเช่นนั้น?

ก็ เพราะอาหารเป็นสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ ไม่มีเงินยังอยู่ได้ แต่ไม่มีอาหารจะอยู่ได้สักกี่วัน?

?ชีวิตเราล่อแหลมต่อ การล่มสลายมาก เราบริโภคกันจนไม่รู้จะบริโภคยังไงแล้ว เงินไม่มีความมั่นคงต่อไปอีกแล้ว แต่สิ่งที่มั่นคงคืออาหาร กินเมื่อไหร่ก็ได้ อาหารต่างหากที่มีความมั่นคง?

พี่โจน จันได ยกตัวอย่างไฟฟ49;าดับครั้งใหญ่ในอเมริกา เจ้าของธุรกิจต้องนั่งนอนตามท้องถนน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำงานไม่ได้ ขึ้นลิฟท์ไม่ได้ กินไม่ได้ เพราะมีแต่เงิน...ไม่มีใครขายอาหารให้

ไม่ ว่ามนุษย์จะพัฒนาเทคโนโลยีไปไกลสุดขอบจักรวาล แต่สุดท้ายแล้ว ก็หนีไม่พ้นต้องกลับมาสู่เรื่องอาหารการกิน ชีวิตถึงจะมีความสุขได้

เรา จะวิ่งตามเงินหรือมีความสุขอยู่กับตัวเอง?

คำถามช่างยอกย้อนใจคนที่ กำลังสับสนอยู่ในวังวนของเมืองดีแท้

?คนจะมีความสุขไม่ได้ มีเสรีภาพไม่ได้ พึ่งตนเองไม่ได้ ถ้าไม่มีเมล็ดพันธุ์?

คำพูดของพี่โจน จันไดทำให้ต้องก้มลงมองผืนดินที่กำลังเหยียบยืน พร้อมด้วยคำถามมากมายในหัว

?เมล็ดพันธุ์เป็นมรดก ล้ำค่าที่บรรพบุรุษส่งต่อมาให้ลูกหลาน เรามีมะม่วงหลากหลายชนิดกิน มีพืชผักผลไม้อะไรอร่อยๆ มากมายกินก็เพราะการทำงานหนักของบรรพบุรุษที่จะรักษาตรงนี้ไว้ ถ้าเราไม่รักษาไว้ เราจะเป็นมนุษย์รุ่นสุดท้ายที่เนรคุณที่สุด เพราะเรากำลังทำลายเมล็ดพันธุ์?

เราคงยังไม่อยากถูกตราหน้า ว่าเนรคุณ ใช่มั้ย?

?ดินที่เต็มไปด้วย พันธุ์พืช นั่นคือสวรรค์? พี่โจนสรุปสิ่งที่สัมผัสได้ จากการอยู่กับดิน

?เอาเงินมากมายไปปลูก ต้นไม้ ดีกว่าไปฝากธนาคาร เพราะปลูกต้นไม้ยังได้เจริญเติบโต เป็นประโยชน์ ให้ผลผลิตได้กินไม่มีที่สิ้นสุด

มนุษย์ผู้ปลีกตัวไปสู่ความ เรียบง่าย สมถะทิ้งท้ายด้วยความห่วงใยชีวิตบนโลกใบนี้ว่า

?เราต้องเพาะปลูก พันธุ์พืช ปลูกเพาะเมล็ดพันธุ์ในใจของเรา เพื่อให้ยืนยาวต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน?

พุทธวจนะตรัสไว้ว่า เวลาผ่านไป เรากำลังทำอะไรอยู่???
ผมอยากจะออกจากระบบสาธารณสุขที่ทำงานเหมือนวัวเหมือนควายให้กับคนที่จ่ายเงินให้พวกเรา แต่พวกมันนั่งโต๊ะ เอาแต่สั่ง แล้วก็เอาคุณภาพอาไรไม่รู้อันไร้สมองของพวกมันมาควบคุมผม
http://wittosan.multiply.com/journal/item/36
blacksmithday
 
โพสต์: 192
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2007, 19:21







Re: สักวันหนึ่งเมื่อผมมีเงินมากพอและไม่มีภาระแล้ว ผมจะทำ

โพสต์โดย cpm001 » 19 พ.ย. 2010, 09:58

ถ้าคิดดีๆแล้วย้อนกลับมานั่งพิจารณา จะพบว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรมากนักหรอก ทุกวันนี้ที่ทำไปทำไปด้วยแรงกิเลส และตัณหา ถึงแม้จะรู้ก็หยุดมันไม่ได้ซักที เช้าทำงานราชการ เย็นต้องไปช่วยที่ร้าน มีร้านอยู่หลายร้าน เหนื่อยแต่ก็ต้องทำเพราะความโลภ รู้สึกชีวิตเหนื่อยเกินความจำเป็น
cpm001
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ย. 2009, 17:55

Re: สักวันหนึ่งเมื่อผมมีเงินมากพอและไม่มีภาระแล้ว ผมจะทำ

โพสต์โดย battyz » 21 พ.ย. 2010, 17:58

เรื่องดี สะท้อนจากตัวตนเป็นๆ ขอบคุณที่มาแบ่งปันกัน

แต่ที่น่าจะดีกว่านี้ก้อคือ
เข้าใจชีวิตแบนั้นแล้ว ควรจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย
ทำสิ่งที่ดี ในที่ลงมือทำได้บ้าง ไม่ต้องเหมือนทั้งหมด เพราะปัจจัยเขาและเราต่างกัน

อย่าโหยหาว่าโจน ทำอย่างโน้นเจ๋ง แล้วชีวิตเราทำไม่ได้แล้วจะเน่า

เอากำลังใจที่ดีเป็นไฟอุ่นให้คุณและเพื่อนๆ เข้าใจโลกเรา มุ่งทำความดี
เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่ลงมือกระทำได้
แล้วมาเล่าให้เราฟังกันมั่งนิ
คนทำดีมีเยอะแล้ว และเยอะด้วย โลกเราจึงหมุนต่อไปได้ไม่ตกต่ำ

เราอยากฟัง cpm เจ๋งกว่า
ทำความดีได้หนุกพอๆกัน
โลกของเรา คนด่ากัน คนทำร้ายกัน มีเยอะพอแล้ว
เราอยากได้เภสัชกรพี่น้องเรา มาเป็นตัวอย่างที่ให้พลังใจกันต่อไป
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24


ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document