New Document









ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

ห้องเภสัชกร

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย kohboy » 22 มิ.ย. 2010, 11:22

apotheker เขียน:แลกเปลี่ยนมุมมองดูบ้างนะครับ
เมื่อวานนั่งคุยกับเมียเรื่องอนาคตของลูก เค้าบอกว่าอยากให้ลูกเรียนวิศวะ เพราะเก่งคำณวน ผมถามว่าแน่ใจหรือ เพราะเห็นคนจบวิศวะมายืนขายยาหลังเคาน์เตอร์อยู่ก็หลายคน ถ้าวิชาชีพเค้าดีจริงทำไมไม่ทำงานในฟิลด์ที่ร่ำเรียนมาล่ะ ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

ผมยอมรับนะว่าเราอาจจะเป็นรอง แพทย์ ทันตแพทย์ ในเรื่องของรายได้หรือการยอมรับทางสังคม แต่เราก็ไม่หนีไปจากอันดับ3 ในสายวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่หนีไปจากอันดับ3ในทุกสายด้วยละมั้งถ้าเอามาเรียงกันถึงความนิยม แล้วจะบอกว่าอาชีพที่อยู่อันดับ3อยู่ปลายหุบ มันก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปไหมครับ

ในสายงานโรงพยาบาล เภสัชได้เข้าไปใช้ทุนมาเป็นเวลากว่า10ปี งานเภสัชกรรมในโรงพยาบาลพัฒนาไปมากครับ เมื่อ10ปีก่อนเราอยู่แต่ในห้องจ่ายยา ตอนนี้เราเริ่มขึ้นไปบนวอร์ดบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับที่ดีนักแต่ก็เริ่มต้นไปได้หลายก้าวแล้ว

ในสายดีเทล ผมเห็นเด็กจบใหม่ๆไปทำงานบ.ยาก็ยังรับอยู่เยอะนะครับ ออริจินัลทำงานคงไม่เหลี่ยงเลี้ยงเหมือนเมื่อก่อน แต่รายได้ก็ไม่น้อยไฟเซอร์นี่ว่ากันว่ารวมเบ็ดเสร็จก็แตะ6หลัก สมัยผมทำนี่5หลักปลายๆก็แจ่มแล้ว

ในสายร้านยา เราไม่ค่อยพัฒนาไปจากเดิมสักเท่าไหร่ หมอตี๋ก็ยังเต็มบ้านเต็มเมือง ขณะที่ยอดขายยาในร้านยาก็โดนเบียดจากนโยบายประชานิยมทำให้รายได้ไม่อู้ฟู่ แต่ก็ยังมีน้องที่เปิดใหม่ๆแล้วได้กำไรเดือนหลายแสนอยู่แม้จะไม่มากแต่ก็มี ขึ้นอยู่กับว่าคุณหาblue oceanเจอหรือเปล่า ถ้า ไม่ดีจริงคนที่ไม่ใช่เภสัชเค้าจะกระเหี้ยนกระหือรืออยากเปิดร้านยากันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือ

สายโรงงาน มีเสียงบอกมาจากสายข่าวของผมว่า ถ้าเภสัชไม่สนใจงานสายนี้มากๆเข้า อีกหน่อยเนื้อชิ้นนี้ก็จะถูกเฉือนไปให้สายวิทย์เคมีแล้ว เพราะหาเภสัชมาทำยายาก ไปเน้นด้านฟาร์มแคร์กันหมด

สรุปแล้วผมว่าวิชาชีพไหนๆตอนนี้เวลานี้ก็เหนื่อยกว่าเดิมหมดแหละครับ ไม่เฉพาะเภสัช แต่พวกเราก็ยังคงรั้งอันดับ3ของตารางไว้ได้ ไม่ได้ถึงกับไปยืนอยู่ปลายหุบหรอกมั้ง :mrgreen:


เป็นมุมมองที่น่าสนใจครับ,
วิเคราะห์ได้ว่า..เป็นมุมมองของคนประสบผลสำเร็จในวิชาชีพ
ซึ่งคนประสบความสำเร็จจะเป็นคนจำนวนน้อยในหมู่คนไม่ประสบความสำเร็จเสมอ!!
:smile:




ฝากมุมมองของผมไปคุยต่อวันนี้อีกละกันครับ (ถ้าแม่บ้านยังอยากจะคุยต่อ )

วิศวะ..(ขอพูดถึงหน่อยในฐานะที่เป็นนักเรียนวิดวะเก่า และยังได้ติดต่อเพื่อนๆวิศวกรอยู่บ้าง!)
..ก็พอๆกับเภสัชแหละครับ เดี๋ยวนี้เปิดกันเยอะมาก มีทั้งมหาลัย และวิทยาลัยเทคนิคที่ยกฐานะขึ้นมาสอนระดับปริญญาตรี
จำนวนสถาบันที่สอนวิศวะฯมากกว่าจำนวนสถาบันที่สอนเภสัชฯแน่นอน แรงงานวิศวะที่ออกสู่สังคมไทยน่าจะเกินสองเท่าของแรงงานเภสัชฯ
..เดี๋ยวนี้เวลาเค้าถามกันว่าเป็นวิดวะสาขาไหน?, เค้าไม่ตอบแค่"ไฟฟ้า/คอมฯ/โยธา/เครื่องกล/อุสาหกรรม/สิ่งแวดล้อม" เหมือนสมัยที่ผมกะท่านอโปเรียนกันแล้วครับ,
เพราะเดี๋ยวนี้เค้าลงลึกไปมากกว่านั้นเยอะแล้ว ยกตัวอย่างเดี๋ยวนี้มีวิศวกรไม้, วิศวกรเหล็ก, วิศวของเสีย, ...(เยอะแยะ ชื่อแปลกๆ, ไม่เคยได้ยิน!!)

เรื่องเภสัชฯใช้ทุน..
..จำนวนเภสัชฯที่จบแล้วไปทำงานในหน่วยงานรัฐน้อยมากนะครับ ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้เข้ารับราชการ
และปัญหาเรื่องตำแหน่งบรรจุเป็นข้าราชการก็ยังมะงุมมะงาหราแก้ปัญหาอยู่เลย!
(บางครั้งและหลายครั้งผมก็ยังแอบตั้งคำถามบ่อยๆว่า "ยังมีเภสัชฯใช้ทุนอยู่เหรอ?")

เรื่องเภสัชฯขึ้นวอร์ด..
..อีกนานครับ
..ในปัจจุบันเภสัชรพ.ก็ยังต้องถูกสั่งให้ไปรุมกันอยู่ที่ห้องยาโอพีดีเป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม
ระหว่างปัญหาจากการที่รพ.ถูกตำหนิว่าคนไข้รับยาโอพีดีไม่ทัน กับปัญหาที่จะถูกประเมินว่าไม่มีเภสัชอยู่บนไอพีดี..ผู้บริหารรพ.เลือกแก้ปัญหาที่โอพีดีก่อนแน่ๆ
(นี่ยังไม่พูดถึงการที่ตัวเภสัชฯเองไม่อยากขึ้นไปบนไอพีดีอีกนะครับ)
..เป็นเรื่องที่ผู้หลักผู้ใหญ่คาดหวังว่าจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของวิชาชีพเรา (ทำไงได้หละ..ก็เข็นฟาร์มดีออกมาแล้วนี่นา ก็ต้องผลักดันกันสุดตัวหละครับ)

ดีเทลที่ได้เงินดีๆ..
..น่าจะนับตัวได้นะครับ, มีไม่เยอะแน่นอน
..เภสัชฯดีเทลที่จะมีรายได้เยอะ ต้องเก่งจริงๆเท่านั้น!

ร้านยา..
..นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ, เพิ่มทีละเยอะๆด้วย!!
..ไม่ใช่เพียงเภสัชฯเองที่จะกระเหี้ยนกระหือรือเปิดร้าน, นายทุน/คนมีเงินที่ไม่ใช่เภสัชฯก็มีอารมณ์เดียวกันคือกระหือรือที่จะเปิดร้านขายยา แถมเปิดทีละหลายๆร้านซะด้วย
(เมื่อวานคุยกับน้องเภสัชฯที่เคยทำงานด้วยกัน เค้าบอกว่า
-ปีที่แล้วที่จ.อยุธยา, มีร้านยาเปิดใหม่ภายในปีเดียว ๘๐ ร้าน!!!,เจ้าของรายเดียวเปิดทีละสี่ห้าร้าน!!
-ที่จังหวัดที่เค้าอยู่ทางอีสาน มีพ่อของนักศึกษาเภสัชฯที่ยังเรียนไม่จบเปิดร้านยาสองคูหาใหญ่บะเริ่มเทิ่ม ตกแต่งพร้อมขายรอลูกจบแล้วมาทำ
โดยที่ตอนนี้อาใบจากเซลยาที่เป็นเภสัชฯมาแขวนไปพลางก่อน)

สายโรงงาน..
..ปกติก็ไม่ค่อยมีใครครอยากเป็นเภสัชฯโรงงานอยู่แล้ว,
และยังคงจะมีเภสัชกรที่ตัดสินใจเข้าสู่อาชีพสายนี้ไม่มากคนเหมือนเดิม




สรุป..
..ถ้าเป็นการนับคะแนนกอล์ฟ,
ที่๑ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์ -๑๐ , มีหนึ่งคน
ที่๒ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์ -๙ , มีหนึ่งคน
แต่
ที่๓ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์..สแควร์พาร์ , มีสองคน (ถ้าใครตีหลุดโบกี้ไปซักหลุม, ตกจากอันดับสามของตารางแน่นอน!!)

:geek:
ภาพประจำตัวสมาชิก
kohboy
 
โพสต์: 1437
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51







Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย battyz » 22 มิ.ย. 2010, 12:17

apotheker เขียน:
สรุปแล้วผมว่าวิชาชีพไหนๆตอนนี้เวลานี้ก็เหนื่อยกว่าเดิมหมดแหละครับ ไม่เฉพาะเภสัช แต่พวกเราก็ยังคงรั้งอันดับ3ของตารางไว้ได้ ไม่ได้ถึงกับไปยืนอยู่ปลายหุบหรอกมั้ง :mrgreen:


เห็นด้วยกับคุณ apotheker ครับ

เริ่มต้นที่ตนเองครับ มีพื้นฐานเภสัชกรรมที่ดีอยู่แล้ว บวกกับมหาบัณฑิตทางสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง ความสามารถทางการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ถึงแก่น (น้อยเภสัชกรนัก ที่จะมาสาธยาย บทสนทนาการซักถามอาการกับคนไข้ช่าวต่างประเทศได้สนุกและสมบูรณ์ในเนื้อหาเท่ากับคุณ ถ้าคุณไปเอาดีอย่างครูภาษาต่างประเทศคนอื่นๆ เปิดหลักสูตรสอนภาาาอังกฤษในร้านขายยามา ผมจะเสียเงินไปสมัครเรียนทันที) คุณเองก้อจัดได้ว่าประสบและสั่งสมความสำเร็จจากการเปิดและบริหารร้านสาขาที่มีอยุ่ได้อย่างดีอยุ่แล้ว

แต่จะไปได้ไกลกว่านี้ เริ่มต้นพัฒนาองก์ความรุ้ที่ตนมี สร้างร้านให้ลูกค้ารัก บริหารร้านให้ยอดขายพอเพียงและนำระบบความรุ้ใหม่ๆมาลดค่าใช้จ่าย ทำตนเป็นตัวอย่างให้เพื่อนร่วมวิชาชีพศรัทธา นำความรุ้ความถนัดที่ตนมีมาแบ่งปันในเชิงสร้างสรรค์ ผมเภสัชกรเพื่อนร่วมวิชาชีพนี้แหละยังเชื่อมั่นในตัวคุณไม่เสือมคลาย อย่าท้อแท้เมื่อยามเพื่อนเราบางคนวิ่งตามไม่ทัน

วิชาชีพไหนๆ ตอนนี้ เวลานี้ก็เหนื่อยกว่าเดิมหมด จริงๆครับ
เพื่อนผมในก้วนดำน้ำ
ไม่ว่าเพื่อนร่วมสหวิชาชีพ วิศวะ สถาปัตย์ สายศิลปศาสตร์ สายราชการ ผู้นำม้อบรวมทั้งฝ่ายบริหารรัฐกิจ
แม้กระทั่งชาวต่างประเทศที่อยุ่ร่วมกันในสังคมไทยบ้านเรา

ทุกคนจะมีเรื่องทำนองปลายหุบปลายเหวมาแบ่งปันกัน หลายเรื่องเลวร้ายกว่าสายเภสัชกรรมก้อเยอะ
แต่ทุกสายเขาจะมีผู้นำการเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นด้วยรวบรวมข้อมูลอย่างที่คุณเล่ามาก้อเจ๋งเป้งแล้ว
แต่ทุกสายเขาจะมองภาพอนาคตอย่างที่อยากให้เป็น มองเชิงบวกได้ก้อดีจะได้เกิดกำลังใจ
เหมือนภาพข้างหน้าที่ลูกคุณได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยความรัก จากคุณอยู่หน่ะครับ
เขาจะเป็นพลัง เป็นตัวแทนสานฝันของคุณต่อไป

และสุดท้าย เริ่มต้นลงมือกระทำครับ
อย่าท้อแท้ครับ จะเป็นกำลังใจให้ เหมือนที่เคยมาแบ่งปันในบ้านนี้และในบ้าน FACEBOOK

viewtopic.php?f=1&t=28605&p=133891#p133891

http://www.facebook.com/profile.php?id= ... 1277057925

ท่านพระอาจารย์ ชยสาโร เคยกล่าวไว้ในเรื่องชาวพุทธ ลูกพระพุทธเจ้า ผู้ตั้งใจมั่นที่จะลงมือกระทำสร้างสิ่งดีๆ
ไว้ว่าจะเป็นชาวพุทธ หรือ ชาวพูด

? ทุกวันนี้เราก็เป็นชาวพูดมากกว่าชาวพุทธ พูดจริงแต่ไม่ค่อยทำ....ชาวพูด พูดเฉยๆ.....เราไม่ได้เป็นชาวพุทธเพราะทะเบียน เราเป็นชาวพุทธเพราะความเพียร..เราเพียรพยายามเลิกละสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม พยายามบำเพ็ญสิ่งที่ดีงามในชีวิต พยายามทำสมาธิภาวนาให้เกิดปัญญาในการแก้ปัญหาในชีวิต.. ?
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย kohboy » 22 มิ.ย. 2010, 12:29

:roll:
โห...นึกว่าไผ? :eek:
...คนในตำนานแห่ง "Land of smile"

ไม่ได้ข่าวคราวซะนานเลยนะครับพี่,


:wink: :wink: :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
kohboy
 
โพสต์: 1437
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย ballza » 23 มิ.ย. 2010, 20:04

kohboy เขียน:
apotheker เขียน:แลกเปลี่ยนมุมมองดูบ้างนะครับ
เมื่อวานนั่งคุยกับเมียเรื่องอนาคตของลูก เค้าบอกว่าอยากให้ลูกเรียนวิศวะ เพราะเก่งคำณวน ผมถามว่าแน่ใจหรือ เพราะเห็นคนจบวิศวะมายืนขายยาหลังเคาน์เตอร์อยู่ก็หลายคน ถ้าวิชาชีพเค้าดีจริงทำไมไม่ทำงานในฟิลด์ที่ร่ำเรียนมาล่ะ ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

ผมยอมรับนะว่าเราอาจจะเป็นรอง แพทย์ ทันตแพทย์ ในเรื่องของรายได้หรือการยอมรับทางสังคม แต่เราก็ไม่หนีไปจากอันดับ3 ในสายวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่หนีไปจากอันดับ3ในทุกสายด้วยละมั้งถ้าเอามาเรียงกันถึงความนิยม แล้วจะบอกว่าอาชีพที่อยู่อันดับ3อยู่ปลายหุบ มันก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปไหมครับ

ในสายงานโรงพยาบาล เภสัชได้เข้าไปใช้ทุนมาเป็นเวลากว่า10ปี งานเภสัชกรรมในโรงพยาบาลพัฒนาไปมากครับ เมื่อ10ปีก่อนเราอยู่แต่ในห้องจ่ายยา ตอนนี้เราเริ่มขึ้นไปบนวอร์ดบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับที่ดีนักแต่ก็เริ่มต้นไปได้หลายก้าวแล้ว

ในสายดีเทล ผมเห็นเด็กจบใหม่ๆไปทำงานบ.ยาก็ยังรับอยู่เยอะนะครับ ออริจินัลทำงานคงไม่เหลี่ยงเลี้ยงเหมือนเมื่อก่อน แต่รายได้ก็ไม่น้อยไฟเซอร์นี่ว่ากันว่ารวมเบ็ดเสร็จก็แตะ6หลัก สมัยผมทำนี่5หลักปลายๆก็แจ่มแล้ว

ในสายร้านยา เราไม่ค่อยพัฒนาไปจากเดิมสักเท่าไหร่ หมอตี๋ก็ยังเต็มบ้านเต็มเมือง ขณะที่ยอดขายยาในร้านยาก็โดนเบียดจากนโยบายประชานิยมทำให้รายได้ไม่อู้ฟู่ แต่ก็ยังมีน้องที่เปิดใหม่ๆแล้วได้กำไรเดือนหลายแสนอยู่แม้จะไม่มากแต่ก็มี ขึ้นอยู่กับว่าคุณหาblue oceanเจอหรือเปล่า ถ้า ไม่ดีจริงคนที่ไม่ใช่เภสัชเค้าจะกระเหี้ยนกระหือรืออยากเปิดร้านยากันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือ

สายโรงงาน มีเสียงบอกมาจากสายข่าวของผมว่า ถ้าเภสัชไม่สนใจงานสายนี้มากๆเข้า อีกหน่อยเนื้อชิ้นนี้ก็จะถูกเฉือนไปให้สายวิทย์เคมีแล้ว เพราะหาเภสัชมาทำยายาก ไปเน้นด้านฟาร์มแคร์กันหมด

สรุปแล้วผมว่าวิชาชีพไหนๆตอนนี้เวลานี้ก็เหนื่อยกว่าเดิมหมดแหละครับ ไม่เฉพาะเภสัช แต่พวกเราก็ยังคงรั้งอันดับ3ของตารางไว้ได้ ไม่ได้ถึงกับไปยืนอยู่ปลายหุบหรอกมั้ง :mrgreen:


เป็นมุมมองที่น่าสนใจครับ,
วิเคราะห์ได้ว่า..เป็นมุมมองของคนประสบผลสำเร็จในวิชาชีพ
ซึ่งคนประสบความสำเร็จจะเป็นคนจำนวนน้อยในหมู่คนไม่ประสบความสำเร็จเสมอ!!
:smile:




ฝากมุมมองของผมไปคุยต่อวันนี้อีกละกันครับ (ถ้าแม่บ้านยังอยากจะคุยต่อ )

วิศวะ..(ขอพูดถึงหน่อยในฐานะที่เป็นนักเรียนวิดวะเก่า และยังได้ติดต่อเพื่อนๆวิศวกรอยู่บ้าง!)
..ก็พอๆกับเภสัชแหละครับ เดี๋ยวนี้เปิดกันเยอะมาก มีทั้งมหาลัย และวิทยาลัยเทคนิคที่ยกฐานะขึ้นมาสอนระดับปริญญาตรี
จำนวนสถาบันที่สอนวิศวะฯมากกว่าจำนวนสถาบันที่สอนเภสัชฯแน่นอน แรงงานวิศวะที่ออกสู่สังคมไทยน่าจะเกินสองเท่าของแรงงานเภสัชฯ
..เดี๋ยวนี้เวลาเค้าถามกันว่าเป็นวิดวะสาขาไหน?, เค้าไม่ตอบแค่"ไฟฟ้า/คอมฯ/โยธา/เครื่องกล/อุสาหกรรม/สิ่งแวดล้อม" เหมือนสมัยที่ผมกะท่านอโปเรียนกันแล้วครับ,
เพราะเดี๋ยวนี้เค้าลงลึกไปมากกว่านั้นเยอะแล้ว ยกตัวอย่างเดี๋ยวนี้มีวิศวกรไม้, วิศวกรเหล็ก, วิศวของเสีย, ...(เยอะแยะ ชื่อแปลกๆ, ไม่เคยได้ยิน!!)

เรื่องเภสัชฯใช้ทุน..
..จำนวนเภสัชฯที่จบแล้วไปทำงานในหน่วยงานรัฐน้อยมากนะครับ ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้เข้ารับราชการ
และปัญหาเรื่องตำแหน่งบรรจุเป็นข้าราชการก็ยังมะงุมมะงาหราแก้ปัญหาอยู่เลย!
(บางครั้งและหลายครั้งผมก็ยังแอบตั้งคำถามบ่อยๆว่า "ยังมีเภสัชฯใช้ทุนอยู่เหรอ?")

เรื่องเภสัชฯขึ้นวอร์ด..
..อีกนานครับ
..ในปัจจุบันเภสัชรพ.ก็ยังต้องถูกสั่งให้ไปรุมกันอยู่ที่ห้องยาโอพีดีเป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม
ระหว่างปัญหาจากการที่รพ.ถูกตำหนิว่าคนไข้รับยาโอพีดีไม่ทัน กับปัญหาที่จะถูกประเมินว่าไม่มีเภสัชอยู่บนไอพีดี..ผู้บริหารรพ.เลือกแก้ปัญหาที่โอพีดีก่อนแน่ๆ
(นี่ยังไม่พูดถึงการที่ตัวเภสัชฯเองไม่อยากขึ้นไปบนไอพีดีอีกนะครับ)
..เป็นเรื่องที่ผู้หลักผู้ใหญ่คาดหวังว่าจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของวิชาชีพเรา (ทำไงได้หละ..ก็เข็นฟาร์มดีออกมาแล้วนี่นา ก็ต้องผลักดันกันสุดตัวหละครับ)

ดีเทลที่ได้เงินดีๆ..
..น่าจะนับตัวได้นะครับ, มีไม่เยอะแน่นอน
..เภสัชฯดีเทลที่จะมีรายได้เยอะ ต้องเก่งจริงๆเท่านั้น!

ร้านยา..
..นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ, เพิ่มทีละเยอะๆด้วย!!
..ไม่ใช่เพียงเภสัชฯเองที่จะกระเหี้ยนกระหือรือเปิดร้าน, นายทุน/คนมีเงินที่ไม่ใช่เภสัชฯก็มีอารมณ์เดียวกันคือกระหือรือที่จะเปิดร้านขายยา แถมเปิดทีละหลายๆร้านซะด้วย
(เมื่อวานคุยกับน้องเภสัชฯที่เคยทำงานด้วยกัน เค้าบอกว่า
-ปีที่แล้วที่จ.อยุธยา, มีร้านยาเปิดใหม่ภายในปีเดียว ๘๐ ร้าน!!!,เจ้าของรายเดียวเปิดทีละสี่ห้าร้าน!!
-ที่จังหวัดที่เค้าอยู่ทางอีสาน มีพ่อของนักศึกษาเภสัชฯที่ยังเรียนไม่จบเปิดร้านยาสองคูหาใหญ่บะเริ่มเทิ่ม ตกแต่งพร้อมขายรอลูกจบแล้วมาทำ
โดยที่ตอนนี้อาใบจากเซลยาที่เป็นเภสัชฯมาแขวนไปพลางก่อน)

สายโรงงาน..
..ปกติก็ไม่ค่อยมีใครครอยากเป็นเภสัชฯโรงงานอยู่แล้ว,
และยังคงจะมีเภสัชกรที่ตัดสินใจเข้าสู่อาชีพสายนี้ไม่มากคนเหมือนเดิม




สรุป..
..ถ้าเป็นการนับคะแนนกอล์ฟ,
ที่๑ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์ -๑๐ , มีหนึ่งคน
ที่๒ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์ -๙ , มีหนึ่งคน
แต่
ที่๓ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์..สแควร์พาร์ , มีสองคน (ถ้าใครตีหลุดโบกี้ไปซักหลุม, ตกจากอันดับสามของตารางแน่นอน!!)

:geek:

คือผมอ่านมานานแล้วครับเลยอยากแสดงคความคิดเห็นบ้าง
ที่คุณkohboyวิเคราะห์ได้ว่า..เป็นมุมมองของคนประสบผลสำเร็จในวิชาชีพ
ซึ่งคนประสบความสำเร็จจะเป็นคนจำนวนน้อยในหมู่คนไม่ประสบความสำเร็จ
แสดงว่าผมก็คงเป็นคนส่วนน้อยมั้งครับเพราะที่รพ.ผมทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลเค้าก็ยอมรับผมทั้งนั้น ประชุมทีไรต้องขอให้เภสัชเข้าร่วมในแผนเสมอ ค่าเวรผมก็ได้ขึ้นมากกว่าเดิม ขึ้นwardก็โอเคถึงจะยังไม่เต็มรูปแบบก็เหอะ แล้วที่เค้ายอมรับพวกผมเนี่ยคิดว่าพวกผมนั่งเฉยๆหรือไงคับ พวกพี่ผมเขาพยายามมาเป็นสิบปี จนหมอเห็น พยาบาลเห็น ผู้บริหารเห็น ผมก็เห็นด้วยในบางมุมมองของหลายๆคนนะครับ แต่ผมคิดว่าแทนที่เราเราจะมานั่งทำใจแล้วก็มานั่งบ่นในกระทู้ไปวันๆ ปลงตกกับชีวิตสู้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อช่วยกันพัฒนาวิชาชีพดีกว่าไหมครับ อยู่ห้องจ่ายยาก็พยายามทำอะไรให้มากกว่าการอ่านฉลากให้เขาฟังแค่นั้นเด็กประถมมันก็อ่านออก คนไข้ผมนะครับเขายังอยากถามเรื่องยาผมมากกว่าหมอเลย ช่วยกันคนละไม้ละมือจากฝุ่นผงก็กลายเป็นภูเขาให้ชาวบ้านเขาเห็น
เล่นกอล์ฟก็เหมือนกันครับผู้ชนะมีได้คนเดียวแต่เขาก็พยายามแทบตายกว่าจะชนะ ดังนั้นเภสัชกรเราทุกคนได้พยายามเต็มที่หรือยังที่เห็นก็มีแต่พวกบ่นๆๆๆ แล้วก็ขอตังค์เพิ่ม บางรพ.นะคับเวลาผมไปรับยาก็แค่อ่านฉลากให้ฟัง ผมเป็นผู้บริหารผมยังอยากจะลดเงินคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ
ยังมีชาวบ้านอีกมากมายที่ต้องการการดูแลความเข้าใจเรื่องการใช้ยาอีกมาก เภสัชเข้าถึงหรือยัง ทำให้ชาวบ้านเขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างอาม่าฟาร์มาซีกับreal pharmacyหรือยัง
ballza
 
โพสต์: 11
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 มิ.ย. 2010, 19:36

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย rinko » 23 มิ.ย. 2010, 20:28

ถ้าเราเปิดร้านยา เป็นเภสัชกรเองเป็นเวลามากกว่า 3 ปี แล้วพบว่าร้านหมอตี๋ และคลินิกหมอรอบๆร้านค่อยๆหมดไปนี่ แสดงว่าเราเองก็ยังไม่ถึงปลายหุบใช่ไหมคะ :biggrin: แต่เกมธุรกิจเหมือนการแข่งขัน Marathon มิใช่เห็นผู้แพ้ ณ วันนี้ วันหนึ่งเราอาจเป็นผู้แพ้บ้าง ก็ต้องสู้กันต่อไปค่ะ เห็นด้วยหลายประเด็นของพี่เกาะ แล้วก็เห็นด้วยกับพี่แบตค่ะ เ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rinko
 
โพสต์: 662
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2008, 14:53

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย kohboy » 23 มิ.ย. 2010, 22:46

ballza เขียน:คือผมอ่านมานานแล้วครับเลยอยากแสดงคความคิดเห็นบ้าง
ที่คุณkohboyวิเคราะห์ได้ว่า..เป็นมุมมองของคนประสบผลสำเร็จในวิชาชีพ
ซึ่งคนประสบความสำเร็จจะเป็นคนจำนวนน้อยในหมู่คนไม่ประสบความสำเร็จ
แสดงว่าผมก็คงเป็นคนส่วนน้อยมั้งครับเพราะที่รพ.ผมทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลเค้าก็ยอมรับผมทั้งนั้น ประชุมทีไรต้องขอให้เภสัชเข้าร่วมในแผนเสมอ ค่าเวรผมก็ได้ขึ้นมากกว่าเดิม ขึ้นwardก็โอเคถึงจะยังไม่เต็มรูปแบบก็เหอะ แล้วที่เค้ายอมรับพวกผมเนี่ยคิดว่าพวกผมนั่งเฉยๆหรือไงคับ พวกพี่ผมเขาพยายามมาเป็นสิบปี จนหมอเห็น พยาบาลเห็น ผู้บริหารเห็น ผมก็เห็นด้วยในบางมุมมองของหลายๆคนนะครับ แต่ผมคิดว่าแทนที่เราเราจะมานั่งทำใจแล้วก็มานั่งบ่นในกระทู้ไปวันๆ ปลงตกกับชีวิตสู้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อช่วยกันพัฒนาวิชาชีพดีกว่าไหมครับ อยู่ห้องจ่ายยาก็พยายามทำอะไรให้มากกว่าการอ่านฉลากให้เขาฟังแค่นั้นเด็กประถมมันก็อ่านออก คนไข้ผมนะครับเขายังอยากถามเรื่องยาผมมากกว่าหมอเลย ช่วยกันคนละไม้ละมือจากฝุ่นผงก็กลายเป็นภูเขาให้ชาวบ้านเขาเห็น
เล่นกอล์ฟก็เหมือนกันครับผู้ชนะมีได้คนเดียวแต่เขาก็พยายามแทบตายกว่าจะชนะ ดังนั้นเภสัชกรเราทุกคนได้พยายามเต็มที่หรือยังที่เห็นก็มีแต่พวกบ่นๆๆๆ แล้วก็ขอตังค์เพิ่ม บางรพ.นะคับเวลาผมไปรับยาก็แค่อ่านฉลากให้ฟัง ผมเป็นผู้บริหารผมยังอยากจะลดเงินคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ
ยังมีชาวบ้านอีกมากมายที่ต้องการการดูแลความเข้าใจเรื่องการใช้ยาอีกมาก เภสัชเข้าถึงหรือยัง ทำให้ชาวบ้านเขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างอาม่าฟาร์มาซีกับreal pharmacyหรือยัง


ผมเองชื่นชมเภสัชฯรพ.เสมอนะครับ;

โดยเฉพาะรพ.ใหญ่ๆที่มีหัวหอกเก่งๆ
(ที่จริงแล้วส่วนใหญ่ถ้าเป็น,รพศ.,รพ.มหาลัย ..เหล่านี้หัวหน้าเภสัชเจ๋งๆทั้งนั้นแหละ
ส่วนรพท. อาจมีบ้างที่หัวหน้าเภสัชฯไม่ได้เรื่อง! )

ส่วนเภสัช รพช.,
..ทำอะไรได้ไม่มากเท่ารพ.ใหญ่ๆหรอกครับ,
เฉพาะงานประจำก็หืดขึ้นคอละ!
..เป็นเภสัชฯรพ. ที่น่าสงสารมากกว่าเภสัชรพ.ใหญ่ๆ ครับ

:neutral:
ภาพประจำตัวสมาชิก
kohboy
 
โพสต์: 1437
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย kohboy » 23 มิ.ย. 2010, 22:57

rinko เขียน:ถ้าเราเปิดร้านยา เป็นเภสัชกรเองเป็นเวลามากกว่า 3 ปี แล้วพบว่าร้านหมอตี๋ และคลินิกหมอรอบๆร้านค่อยๆหมดไปนี่ แสดงว่าเราเองก็ยังไม่ถึงปลายหุบใช่ไหมคะ :biggrin: แต่เกมธุรกิจเหมือนการแข่งขัน Marathon มิใช่เห็นผู้แพ้ ณ วันนี้ วันหนึ่งเราอาจเป็นผู้แพ้บ้าง ก็ต้องสู้กันต่อไปค่ะ เห็นด้วยหลายประเด็นของพี่เกาะ แล้วก็เห็นด้วยกับพี่แบตค่ะ เ



เก่งมากๆครับ, นี่ก็น่าจะเป็นอีกคนที่เป็นจำนวนน้อยในหมู่คนอื่นจำนวนมาก

ทำใจไว้หน่อย..เดี๋ยวเจอนายทุนใหญ่ๆมาเปิดร้านใหญ่สองสามคูหาอยู่ใกล้ๆแล้วขายยาปลีกในราคาส่ง ก็จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเราได้ครับ

ตัวอย่างเรื่องนี้ ,
..ใครมีร้านยาอยู่ที่ปทุมฯ น่าจะรู้พิษสงของเครือ "ศิริเวช" กับ "เตียเจริญ" ได้ดี,
..ที่เชียงใหม่, ก็ได้ข่าวว่าฟาสซิโนไปเปิดศูนย์ยาโดยใช้ตึก5ชั้น (ห้าชั้น) อยู่ในตัวเมือง...เดี๋ยวเจ้าถิ่นคงได้รู้สึกอะไรกันบ้างหละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kohboy
 
โพสต์: 1437
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย battyz » 24 มิ.ย. 2010, 00:57

rinko เขียน:ถ้าเราเปิดร้านยา เป็นเภสัชกรเองเป็นเวลามากกว่า 3 ปี แล้วพบว่าร้านหมอตี๋ และคลินิกหมอรอบๆร้านค่อยๆหมดไปนี่ แสดงว่าเราเองก็ยังไม่ถึงปลายหุบใช่ไหมคะ :biggrin: แต่เกมธุรกิจเหมือนการแข่งขัน Marathon มิใช่เห็นผู้แพ้ ณ วันนี้ วันหนึ่งเราอาจเป็นผู้แพ้บ้าง ก็ต้องสู้กันต่อไปค่ะ เห็นด้วยหลายประเด็นของพี่เกาะ แล้วก็เห็นด้วยกับพี่แบตค่ะ เ


ในบรรดาเภสัชกรหญิงที่มานำเสนอแนวคิดต่างๆ ผมแอบชื่นชมคุณ RINKO อยุ่หลายหน
เพราะชัดเจน ตรงประเด็น ยังแอบไปกระซิบถามผู้แทนหรือเพื่อนๆที่อยุ่แถวร้านคุณอยุ่เลย ว่าตัวจริงน่ารักไหม :cool:

จากประสบการณ์ของผมเอง ทั้งในองค์กรข้ามชาติและระดับ TOP COMPANY ของประเทศเรานั้น
ทุกองค์กรเขาจะมองการดำเนินธุรกิจเสมือน "เกมธุรกิจ" เหมือนที่คุณ RINKO มีวิสัยทัศน์มองเห็นไว้แล้ว
คือ
1. ยอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งใน SALES PER TICKETS, CUSTOMET PER DAY, PROFIT รวมทั้งร้านหมอตี๋ และคลินิกหมอรอบๆร้านค่อยๆหมดไปก้อเป็นจำนวน COMPETITORS ที่ลดลงไป รวมๆเขาเรียกว่า KEY PERFORMANCE INDICATORS หน่ะครับ

2. ไม่มีใครหรอกครับที่จะชนะตลอด ยกตัวอย่างใกล้ๆ ทีมชาติฝรั่งเศสเคยเป็นราชันต์แห่งโลกที่อหังการที่สุด
แต่ภายในไม่ถึงช่วงทศวรรต์ ถ้าใครได้ดูการแข่งขันเมื่อวานนี้ ใครเลยจะไปเชื่อว่าต้องมาสยบต่อทีมในทวีปที่เคยเป็นอาณานิคม
ของทีมตราไก่ด้วยซ้ำ
ถ้ามีโอกาสฟังรายการวิทยุวันนี้ FM 96 ของ อ. ธัญธวัช สัมภาษน์คุณโชค บูลกุล (ไปคลิ้กฟังย้อนหลังได้ครับ)
คุณโชคสรุปว่าฟาร์มโชคชัยที่อยุ่มาได้ทุกวันนี้ก้อเหมือนการแข่งขัน เขาไม่ได้ชนะตลอด มีหลายฟาร์มที่ดังกว่า ราคาน้ำนมถูกกว่า
คุณภาพของเนื้อวัวก็อร่อยกว่า แต่ที่คุณโชคมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะในตระกูลแกสืบต่อความสำเร็จ มีการเพาะบ่ม
KEY SUCCESS FACTORS คุณเชื่อไหม "นมโชคชัย" เนี่ยแกขายทิ้งไปแล้วนะ เพราะแกแพ้
แต่ที่ยืนยงมาได้ เพราะแกสู้กับเกมส์แล้วแก ชนะมากกว่า แพ้ โดยรวมแล้ว แกก้อยังคงอยู่ได้ ด้วย BLUE OCEAN STRATEGY
ที่มานำเสนอ กลายเป็นฟาร์มเพื่อมวลชนไปแล้ว
คุณ RINKO ก้อทำได้สั่งสมความรู้ ความชำนาญ ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง Software ที่มาบริหารร้านยานี่แหละ
ถ้าผมให้หาใครที่วิจารณ์การทำงานของระบบsoftwareยี่ห้อหนึ่งได้เจ๋งเป้งละก้อ ผมต้องเรียนเชิญคุณมาเป็นวิทยากรเลยทีเดียว

สุดท้าย โลกเรานี้มีสองด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเห็นมองมุมใดได้ชัดเจน
และเลือกที่จะเชื่อ ด้านที่ให้ความหวัง และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อพัฒนาตนเองและสังคมเภสัชกรรมเราต่อไป
หรือจะทำแค่เห็นแต่ด้านที่หมองหม่น แล้วไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ยอมให้เมฆสีดำแห่งความท้อแท้เข้าเกาะกิน

พวกเราทุกคน "เปลี่ยน" ได้ เพียงแต่เราต้องไปต่อ อยุ่ที่จะเลือกว่า ไปต่อกันดีกว่า
หรือจะมาแค่ช้ำใจของภาพอดีต แล้วอยุ่เฉยๆ
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย battyz » 24 มิ.ย. 2010, 01:48

[quote="ballza :geek:[/quote]
คือผมอ่านมานานแล้วครับเลยอยากแสดงคความคิดเห็นบ้าง
ที่คุณkohboyวิเคราะห์ได้ว่า..เป็นมุมมองของคนประสบผลสำเร็จในวิชาชีพ
ซึ่งคนประสบความสำเร็จจะเป็นคนจำนวนน้อยในหมู่คนไม่ประสบความสำเร็จ
แสดงว่าผมก็คงเป็นคนส่วนน้อยมั้งครับเพราะที่รพ.ผมทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลเค้าก็ยอมรับผมทั้งนั้น ประชุมทีไรต้องขอให้เภสัชเข้าร่วมในแผนเสมอ ค่าเวรผมก็ได้ขึ้นมากกว่าเดิม ขึ้นwardก็โอเคถึงจะยังไม่เต็มรูปแบบก็เหอะ แล้วที่เค้ายอมรับพวกผมเนี่ยคิดว่าพวกผมนั่งเฉยๆหรือไงคับ พวกพี่ผมเขาพยายามมาเป็นสิบปี จนหมอเห็น พยาบาลเห็น ผู้บริหารเห็น ผมก็เห็นด้วยในบางมุมมองของหลายๆคนนะครับ แต่ผมคิดว่าแทนที่เราเราจะมานั่งทำใจแล้วก็มานั่งบ่นในกระทู้ไปวันๆ ปลงตกกับชีวิตสู้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อช่วยกันพัฒนาวิชาชีพดีกว่าไหมครับ อยู่ห้องจ่ายยาก็พยายามทำอะไรให้มากกว่าการอ่านฉลากให้เขาฟังแค่นั้นเด็กประถมมันก็อ่านออก คนไข้ผมนะครับเขายังอยากถามเรื่องยาผมมากกว่าหมอเลย ช่วยกันคนละไม้ละมือจากฝุ่นผงก็กลายเป็นภูเขาให้ชาวบ้านเขาเห็น
เล่นกอล์ฟก็เหมือนกันครับผู้ชนะมีได้คนเดียวแต่เขาก็พยายามแทบตายกว่าจะชนะ ดังนั้นเภสัชกรเราทุกคนได้พยายามเต็มที่หรือยังที่เห็นก็มีแต่พวกบ่นๆๆๆ แล้วก็ขอตังค์เพิ่ม บางรพ.นะคับเวลาผมไปรับยาก็แค่อ่านฉลากให้ฟัง ผมเป็นผู้บริหารผมยังอยากจะลดเงินคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ
ยังมีชาวบ้านอีกมากมายที่ต้องการการดูแลความเข้าใจเรื่องการใช้ยาอีกมาก เภสัชเข้าถึงหรือยัง ทำให้ชาวบ้านเขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างอาม่าฟาร์มาซีกับreal pharmacyหรือยัง[/quote]

เราเพิ่งมาพบเจอกันนะครับ คุณ ballza แต่ฟังเรื่องคุณแล้ว
ผมมีเรื่องเภสัชกร รพ.ส่วนน้อยให้ฟัง
เภสัชกรหลิง สาวสวยเริ่มชีวิตดีเทลเหมือนพวกเราหลายคน จนกระทั่งวันนี้แกอยุ่ในระดับผุ้อำนวยการของเครือ
รพ.เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและข้ามโลกไปลงทุนยังในภูมิภาคนี้ครบหมดแล้ว
ขณะนี้แกกำลังมีความสุขกับลูกๆวัยสาวทั้งสองคนที่ก้าวต่อไปยังรั้วอุดมศึกษาและตัวแกเองก้อเลือกเรียนต่อมหาบัณฑิตทางด้านบริหารบุคคล

ที่เล่ามาว่าเหมือนคุณ ballza ก้อคือ แกเคยมาร้องไห้กับผมหลายครั้ง สามีที่เป็นหมอขอให้แกลาออก
ไปเป็นเภสัชกรห้องยา อยู่ รพ.ไกลบ้าน ที่มีหมอเล็กก้อเอาแต่ใจ หมอใหญ่ก้อเค้นแต่ตัวเลข
พยาบาลก้อตั้งแก้งข่มขู่ เทคนิคการแพทย์ก้อทำงานไปวันๆ

ที่สำคัญในช่วงที่คุณหลิงลำบากเช่นนี้
สามีของแก ดันไปมีกิ้กเข้ามาอีก

แทนที่คุณหลิง สาวน้อยตัวเล็กๆกะลูกสาวตัวจิ๋วในขณะนั้น จะมานั่งบ่นกับผมเหมือนมานั่งบ่นในกระทู้ไปวันๆ
ปลงตกกับชีวิต
ใครเป็นเภสัชสีเขียวมะกอกคิดบวก ก้อจะป้ายให้มันมืดๆเป็นเภสัชสีดำซะละ
แล้วก้อมานั่งบ่นๆ โทษสภาพแวดล้อมไปทั่ว
ยกเว้นตัวเองที่ไม่ทำอะไร

คุณหลิง แกไม่ครับ ปาดน้ำตายามคุยกับผมเสร็จ แล้วแกกลับไปสุ้ใหม่ แกเข้าหา ผอ. เสนอแนวทางพัฒนาห้องยา
คลานเข่าเข้าตัวปัญหาแล้วดึงมาเป็นพันธมิตร ไปเรียนหนังสือ เอาบทเรียนดีๆมาทดลองใช้
เจอโจทย์เล็กๆ ลงมือทำก่อน เจอปัญหาใหญ่โลกแตกเรียก ผอ. มาช่วย ไม่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยว่าใครจะเบียดไหล่ใคร
แกทำหลายปี จนหมอเล็กๆเห็น พยาบาลเอาด้วย เทคนิคการแพทย์มาช่วย ผู้บริหารที่เป็นหมอทั้งนั้นเห็น
ผู้อำนวยการใหญ่ที่ซอยศูยน์วิจัยยิ่งกว่าเห็น พอสำเร็จที่ฝั่งตะวันออก ก้อดึงมาที่กรุงเทพ
ตอนนี้แกกำลังมาปล้ำปัญหาใหญ่ที่ซอยกลางสุขุมวิทอยุ่

เพื่อนเภสัชกรบ้านฟาร์ม่าคาเฟ่ที่เคารพทุกท่านครับ
คุณ ballza ครับ
มาบ่น มาเล่าเชิงสีเนกาทีฟ สีซีเปียได้ ไม่ว่ากัน งานบริการ งานขาย มันก้ออย่างนี้แหละ
ถ้าไม่มีซิ "แปลก"

แต่เราต้อง "เปลี่ยน" ครับ ทำให้เต็มที่อย่างที่โจทย์ของเพื่อนเภสัชแต่ละคนมีอยุ่

ตัวอย่างที่คุณ ballza เล่าพัฒนาให้ชาวบ้านรัก ให้มาถามเรื่องยามากกว่าหมอ

ความดีของเราจะทำน้อยๆไม่ได้ ทำสั้นๆไม่ได้
เพราะภาระของเรามันเป็นกองภูเขาที่ชาวบ้านเขาไม่เห็นค่าเภสัชกรเรา แม้กระทั่งเภสัชกรที่แขวนป้ายเฉยๆก้อไม่เอาด้วย
แล้วไง จะมาอยู่เฉยๆ ให้กองภูเขาขี้หมุไหล ใหญ่ขึ้นๆ ด้วยคารมแห่งความท้อแท้หรือ

เริ่มต้นความดีของเราจากจุดน้อยๆ เอาเลยครับ แต่ต้องให้มันเจ่งเป้งขึ้นเรื่อยๆ
ทำสั้นๆไม่ได้ ต้องขยัน ต้องทำทุกวัน ต้องทำยาวๆ
ต้องให้ลูกค้ารัก ว่าเนี่ยร้านเภสัชมืออาชีพนะ
ต้องให้คู่แข่ง วิ่งตาม
ไม่ง่ายใช่ไหมครับ คุณก็รู้ ผมก็รู้ คุณ ballza ก็รู้

แต่เรามาเริ่มกันได้ ช่วยกันได้ ไปต่อด้วยกันได้
นะครับ
เพื่อนเภสัชกรบ้านฟาร์ม่าคาเฟ่ที่เคารพทุกท่าน
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย battyz » 24 มิ.ย. 2010, 02:05

เด๋วขอตัวไปเชียร์กาน่าที่เคยใต้ร่มธงอาณานิคมของอาณาจักรไรน์ที่สาม ให้บี้เยอรมัน กลายเป็นมันเผา
เชียร์เซอร์เบียร์ ประเทศที่เคยเป็น killing field มาก่อน ให้มีขัติยมานะ สู้ฝรั่งออสเตรเลียให้ได้

ก้อเลยมาฝากบทความนี้ครับ

การมีชีวิตอยู่ในโลกอันแสนวุ่นวายนี้ วิธีการที่จะอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้นคุณจะต้องเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดีและเข้มแข็ง
การเป็นคนมองโลกในแง่ดีจะทำให้คุณสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างดี
ซึ่งมีวิธีการแนะนำการสร้างตนให้เป็นคนมองโลกในแง่ดีดังนี้ :-

1. รู้จักตัวเอง การรู้จักว่าคุณมีจุดอ่อนและจุดแข็งอยู่ตรงไหน ทบทวนถึงความผิดพลาดล้มเหลวที่ผ่านมาในชีวิตของคุณ และมองย้อนไปว่าจุดอ่อนที่ควรปรับปรุงของคุณอยู่ที่ไหน ถ้าพบแล้วก็จงปรับปรุงแก้ไขจุดที่บกพร่องนั้น เช่น ถ้าคุณเป็นคนพูดจาไม่เพราะ แต่มีจิตใจดีสิ่งที่ควรจะปรับ คือ การพูดจาให้นุ่มนวล ชวนฟัง ก็จะทำให้คุณได้รับความร่วมมือจากคนรอบข้างมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนใจร้อนหงุดหงิดง่าย ทำงานด้วยอารมณ์ที่ไม่แจ่มใส เพื่อนร่วมงานก็ไม่ชอบ คุณก็ควรจะปรับความใจร้อนหงุดหงิดลง ดูอารมณ์ของตนอยู่ตลอดเวลาถ้าจะเริ่มหงุดหงิดก็ควรหาวิธีหยุดยั้งตัวเอง อาจจะเป็นการนับ 1-10 หรือใช้วิธีการเดินออกจากเหตุการณ์ที่ทำให้คุณเริ่มหงุดหงิด ฯลฯ การมีอารมณ์ที่เยือกเย็นขึ้นจะทำให้เพื่อนร่วมงานยอมรับคุณมากขึ้นพูดคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันด้วยดี ส่วนจุดแข็งหรือสิ่งที่ดีที่คุณมีก็ให้คงไว้และทำให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

2. เลือกมองแต่แง่ที่ดี การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เมื่อคุณโชคร้าย ไม่สมหวังในสิ่งที่ต้องการคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอ นั่นจะเป็นการซ้ำเติมตนเองและทำให้รู้สึกสงสารตัวเอง และดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างทุกข์ระทมและขาดความสุขในชีวิต คุณจะรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า คงจะไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับคุณอีกต่อไปแล้ว อยากจะบอกคุณว่า แม้เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณจะร้ายแรงแค่ไหน จนคุณคิดว่าคงไม่มีมนุษย์ไหนในโลกนี้ที่จะทำได้ คุณก็ต้องเผชิญกับมันต่อไปและต่อไป ในเมื่อคุณจะต้องพบกับสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ ทำไมคุณจึงไม่อยู่กับมันอย่างมีสติและมองหาสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับคุณ เลิกมองตนอย่างไร้ค่าและรู้สึกว่าตนเองเป็นคนไม่ดี ตนเองเป็นคนโชคร้าย เลิกสงสารตนเองและหันมาเริ่มต้นทำในสิ่งที่ดีๆ กับตนเอง และคนรอบข้างแล้วคุณจะพบว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ดีหรือเลวเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวที่จะเป็นผู้บันดาลให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิตคุณบ้าง

3. อยู่ใกล้ชิดหรือเลือกคบคนที่มองชีวิตในแง่ดี การคบคนเช่นไรคุณก็จะเป็นเช่นนั้น การอยู่ใกล้คนที่มีอารมณ์ดีมีมุมมองในการมองชีวิตในแง่ดี จะทำให้คุณซึมซับสิ่งเหล่านี้เข้าไปในใจของคุณและจดจำที่จะเลือกมองชีวิตในแง่ดีๆเช่นที่คนใกล้ชิดหรือคนในแวดวงของคุณ แต่ถ้าคุณมีกลุ่มเพื่อนหรือคนในแวดวงเป็นคนหงุดหงิดง่ายใจร้อน ขี้กังวล หวาดวิตกไปกับเรื่องต่างๆในชีวิตทุกเรื่อง มองคนและเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นเรื่องที่เลวร้ายและไม่ดีไปเสียทั้งหมด จะทำให้คุณพลอยซึมซับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าไปในจิตใจของคุณ การอยู่กับคนที่เคร่งเครียดจริงจังกับชีวิตในทุกเรื่อง คุณก็จะพลอยเคร่งเครียดไปด้วยค่ะ

4. อย่าลุ่มหลงงมงายปักใจเชื่อในความเชื่อผิดๆ ความเชื่อที่นำความรู้สึกเลวร้ายมาสู่ใจคุณ การให้ความเชื่อต่างๆ มาครอบงำในจิตใจคุณ เมื่อคุณประสบกับเหตุการณ์ที่ได้รับการบอกเล่าจากผู้หลักผู้ใหญ่ในเรื่องโชคลาภต่างๆ จนนำมาเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิต และจะวิตกกังวลอย่างมากมายเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาว่าไม่ดีนั้น จนเป็นเหตุให้คุณไม่กล้าตัดสินใจไม่กล้าลงมือกระทำสิ่งใดๆ ในชีวิต จนทำให้คุณสูญเสียโอกาสที่ดีๆ ของชีวิตไป

5. ฝึกการใช้เทคนิคมองตนเองในด้านบวก การฝึกให้คุณมีภาพแห่งความดี ความเก่ง ความเชื่อมั่น ในตัวเองไว้ในจิตใจ ของคุณ ถ้าคุณมีความวิตกกังวล มีความกลัว มีความเครียด ในจิตใจบ่อยๆคุณรู้สึกไม่มีความสุขในจิตใจเลย หามุมเงียบๆ สงบๆ แล้วหลับตานึกถึงภาพของตัวคุณในเวลาที่มีความสุขที่สุด เก่งที่สุดและเก็บภาพนั้นไว้ในทุกวัน วันละ 5 นาที คุณจะรู้สึกมีความสุขและความกังวล ความหวาดกลัวในจิตใจของคุณจะลดลงไปค่ะ

การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถสร้างให้เกิดขึ้นกับตนเองได้ค่ะ
เอามาจาก นันท์นภัส ประสานทอง
http://www.love4home.com/index.php?lay= ... 98&Ntype=4

เพื่อนๆเภสัชกรบ้านฟาร์ม่าคาเฟ่ที่เคารพ อ่านแล้วอย่าลองนำไปใช้เลยนะครับ ต้องลงมือกระทำครับ
แล้วจะรู้ว่าชีวิตคุณมีความสุขมากขึ้น ตามที่ปรมาจารย์ YODA กล่าวไว้ครับ
?Do or do not... there is no try.?
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย rinko » 24 มิ.ย. 2010, 07:20

ชมเกินไปละค่ะพี่แบต เรื่อง program ขายยานั้น อย่าให้บรรยาย แตกหักกันมาแล้วกะ president มันน่ะ :lol: :lol: ปัจจุบัน format เครื่องทุกครั้ง ไม่ต้องง้อ ลงเอง แต่ไม่บอกว่าทำยังไง :mrgreen: :mrgreen: เครื่องพังแค่ไหน เดี๋ยวนี้สามารถ แก้เอง ทำเอง

ส่วนเรื่องความน่ารักนั้น ดูใน facebook จะหน้าตาดี ส่วนดูตัวจริง เซลล์ขายยาคงตกใจ เพราะตื่นเช้า นอนดึก โทรมเหลือประมาณ เหมือนคนละคน ส่วนอัธยาศัยนั้น เซลล์ขายยาคงรักมาก เมื่อวานเพิ่งเม้าท์กะเซลล์ไป 2 ชั่วโมง ว่างจัด ไม่มีคนไข้ :lol: :lol:

ส่วนพี่เกาะขา หนูเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว แต่จริงๆคือแถวนี้มีร้านตัดราคาเปิดอยู่ก่อนแล้ว เราจึงไม่ต้องกังวลมาก ถ้ามีคนกล้ามาเปิดอีกสักร้าน หนูจะหนีเข้าป่า ไปหาที่พักสบายๆแล้วบวชดีกว่า บางทีการไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจบางอย่าง อาจแปลว่าเราได้รับโอกาสให้ไปทำธุรกิจอื่น แล้วการล้มเหลวก็เป็นการทำให้เราไตร่ตรองมากขึ้นในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รอบคอบมากขึ้น บางทีอาจจะรุ่งมากกว่าการประกอบวิชาชีพก็ได้
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rinko
 
โพสต์: 662
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2008, 14:53

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย apotheker » 24 มิ.ย. 2010, 09:02

รูปภาพ


เอารูปนี้มาตอกย้ำ ชีวิตคนเราสั้นนัก มองหาความต้องการที่แท้จริงของตนเองเถิด อย่ายึดติดอยู่เพียงการสนองความต้องการขั้นมูลฐานอันเป็นชั้นต่ำสุดของปิรามิดเลย :wink:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย kohboy » 24 มิ.ย. 2010, 23:14

หลายวันก่อน,
ผมเห็นร้านยาหลายร้านที่ดำเนินงานโดยเภสัชกรที่แสดงตนเป็นเภสัชกรตัวจริง โฆษณาว่าที่ร้านมีการ.."ตรวจวัดมวลกระดูกฟรี"

เท่าที่รู้, เท่าที่เห็นมา พบว่า...กระบวนการนี้มีเจตนาหลักที่จะขายแคลเซี่ยมเม็ดให้แก่ผู้มารับบริการ,
โฆษณาซะเว่อร์!,
ตัวเภสัชฯเองก็ยืนพล่ามชักจูงให้ลูกค้าซื้อไปกิน, คะยั้นคะยอให้ซื้อซะให้ได้, ไม่ซื้อก็พูดซะให้เห็นภาพอนาคตที่น่ากลัวมากๆ จนลูกค้าต้องควักกระเป๋าซื้อจนได้
ยิ่งเภสัชฯมีประสบการณ์และเทคนิคการขายแพรวพราว(ยิ่งพูดมากยิ่งดูเท่, ยิ่งพูดมากยิ่งติดลม, พูดแต่ละทีฟังดูดียิ่งนัก) ยิ่งโน้มน้าวให้ชาวบ้านซื้อได้ง่าย

...


เหตุการณ์ทำนองนี้ยังมีให้เห็นอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง..
..วิตามินแพงๆเอย,
ลดอ้วน,เพิ่มสวยเอย,
ผิวขาวผ่องเป็นยองใยเอย,
กาแฟเทพ/กาแฟเทวดา ที่สามารถเนรมิตรสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เอย,
...ฯลฯ


เป็นสิ่งที่เภสัชกรไทยในวันนี้ชอบทำกันนัก!
ทำเพื่ออะไร ถ้าไม่ได้ทำเพื่อเงิน!!


:cool:

ภาพประจำตัวสมาชิก
kohboy
 
โพสต์: 1437
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย kumnungv » 25 มิ.ย. 2010, 07:16

น่าสนใจดีครับ มีมุมเยอะ :razz:
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

Re: ปลายหุบของเภสัชกรไทย ; The Ending Thai Pharmacist

โพสต์โดย Barrios » 25 มิ.ย. 2010, 10:40

apotheker เขียน:รูปภาพ


เอารูปนี้มาตอกย้ำ ชีวิตคนเราสั้นนัก มองหาความต้องการที่แท้จริงของตนเองเถิด อย่ายึดติดอยู่เพียงการสนองความต้องการขั้นมูลฐานอันเป็นชั้นต่ำสุดของปิรามิดเลย :wink:


อันนี้มันจะมาตามอายุมั้ยครับ สังเกตว่าพออายุมาก ๆ ความต้องการมันจะเลื่อนขึ้นไปข้างบนเรื่อย ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Barrios
 
โพสต์: 714
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2009, 08:41
ที่อยู่: ประเวศ กทม.

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document