โดย Puttipu3 » 11 มิ.ย. 2010, 09:55
ข่าวเดลินิวส์ 10 มิย.53 เล็งจัด"สัปดาห์เภสัช"รณรงค์ลดยาเหลือ
?สภาเภสัชฯ?เผยผลสำรวจผู้ป่วยเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง มียาเหลือใช้มากสุด เหตุไม่ยอมกินยาตามแพทย์สั่ง
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ภญ.รศ.ธิดา นิงสานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ปัญหาค่าใช้จ่ายด้านยาได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี แต่ละปีรัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณด้านยาเป็นจำนวนมหาศาล จากข้อมูลปี 2538-2546 พบว่าภาครัฐมีค่าใช้จ่ายด้านยา 1 ใน 3 ของรายจ่ายด้านสุขภาพทั้งหมด โดยปี 2548 สูงเกือบ 50% หรือมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจากการใช้ยาหลายขนานร่วมกัน ส่วนหนึ่งเป็นยาต่างประเทศที่มีราคาแพง การจ่ายยาครั้งละหลายๆเดือน
ภญ.รศ.ธิดา กล่าวว่า จากการที่เภสัชกรได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และจากการที่ให้ผู้ป่วยนำยากลับมาเมื่อมาพบแพทย์ทุกครั้ง รวมทั้งจากการศึกษาวิจัย พบว่ามียาเหลือใช้ในครัวเรือนจำนวนมาก สาเหตุเพราะผู้ป่วยซื้อยามาเก็บไว้แล้วไม่ได้ใช้หรือใช้ไม่หมดเพราะอาการหายไปแล้ว หรือจากการที่แพทย์เปลี่ยนการรักษามาใช้ยาตัวใหม่ ซึ่งยาเดิมที่ไม่ใช้แล้ว แต่ผู้ป่วยยังมียาเหลือจำนวนมาก ทำให้บางครั้งผู้ป่วยปรับขนาดยาใช้เอง บางครั้งทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตลงได้ ดังนั้นปัญหายาเหลือใช้ในครัวเรือนจึงเป็นปัญหาซ่อนเร้นของระบบสุขภาพไทย ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วย โดยเฉพาะหากมีการนำยาเหลือใช้ไปให้ผู้อื่นใช้ต่อ เพราะคนอื่นอาจแพ้ยาตัวนั้นเกิดปัญหาตามมาอีก
ภญ.รศ.ธิดา กล่าวอีกว่า จากการที่เภสัชกรในโครงการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เข้าเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคเรื้อรังจำนวน 700 คน ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลทั้งหมด 54 ชุมชน พบว่าผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งต้องใช้ยาหลายขนานร่วมกันในการรักษาโรคนั้น มียาเหลือใช้ในบ้านสูงถึง 3-4 เท่าของยาที่ควรมี หรือประมาณ 300-400% ซึ่งสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ป่วยไม่รับประทานยาตามแพทย์สั่งสูงถึง 90% และในจำนวนนี้ 25% รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ ส่วนอีก 65% ผู้ป่วยไม่ยอมรับประทานยาเลย จึงทำให้เกิดปัญหาด้านการใช้ยาและยังอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ ผลการรักษาที่ไม่ได้ตามเป้าหมาย และภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นที่ตามมาได้
ภญ.รศ.ธิดา กล่าวต่อว่า จากปัญหาดังกล่าวสภาเภสัชกรรม จึงร่วมกับองค์กรวิชาชีพทางเภสัชกรรม จึงเห็นพ้องกันว่า ?สัปดาห์เภสัช? ครั้งที่ 11 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มิ.ย.-2 ก.ค.2553 นี้จะรณรงค์ลดยาเหลือใช้ในครัวเรือน ภายใต้คำขวัญ ?รอบรู้เรื่องยา ปรึกษาเภสัชฯ ลดยาเหลือใช้ ปลอดภัย ปลอดโรค? เพื่อให้ประชาชนสำรวจยาเหลือใช้ในบ้าน และวิธีการจัดการที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันจะรณรงค์ให้เกิดกิจกรรมที่เภสัชกรสถานพยาบาลและร้านยาดำเนินการติดตามการใช้ยาของผู้ป่วย และส่งเสริมให้ผู้ป่วยใช้ยาให้ถูกต้อง.
