New Document









จิต ความกลัว ความมีเหตุผล คุณภาพของข้อมูล การแพ้ยา

ห้องเภสัชกร

จิต ความกลัว ความมีเหตุผล คุณภาพของข้อมูล การแพ้ยา

โพสต์โดย blacksmithday » 19 มี.ค. 2010, 22:09

ขอตั้งกระทู้มีสาระกับเขาทีนึงละกันนะครับ เพราะจากประสบการณ์การทำงานมาหลายปี ทำงานมาก็หลายด้าน วันนี้ก็เลยขอสักกระทู้นึง
หลายคนอ่านหัวข้อกระทู้แล้วก็อาจจะงงๆๆ ว่ามาตั้งกระทู้ไรเนี่ย เพื่ออะไร แล้วใครจะมาอ่าน ขอตอบเป้นข้อๆแล้วกันนะครับ
1.กระทู้ไรเนี่ย
กระทู้นี้ผมอยากจะพูดถึงสภาพจิตใจของคนไข้และตัวผมด้วย(ซึ่งไม่รู้ว่าบ้าไหม :eek: ) เกี่ยวกับเรื่องการซักประวัติแพ้ยา
2. เพื่ออะไร
เพื่อระบายครับ เพราะรู้สึกรำคาญใจตกับเรื่องนี้เหลือทน
3. แล้วใครจะมาอ่าน
ก็ท่านเภสัชกรทั้งหลายทั้งรุ่นเดอะ รุ้นเยาว์ และอีกหลายๆรุ่น และประชาชนทั่วไป
คำเตือน กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งเพื่อเป็นมาตรฐานอะไร เพราะมันไม่มีมาตรฐานอะไรเลย มันเป็นเรื่องของความไม่มีมาตรฐานของมนุษย์
ก่อนอื่นผมขอเข้าเรื่องเลยละกันครับ ผมเป็นเภสัชกร เป็น system administrator ให้กับองค์กรที่มี client ประมาณเกือบ 100 เครื่อง เป็นนักท่องเที่ยวมีอารมณ์ศิลปินบ้างเป้นบางจังหวะ เป็นนักลงทุนในหุ้นแบบ VI (บางทีก็เล่น day trade ครับ) เป็นนักรักผู้ยิ่งใหญ่ (เอาฮานะครับ แบบหล่อแล้วเลือกไม่ได้ เพราะหล่อเกินกว่าคนจะเข้าใจ :surprised: ) ผมทำงานบางวันก็จับฉ่าย บางวันก็บริหาร บางวันก็ซักประวัติแพ้ยา (ต้นเหตุของกระทู้) เท่าที่ลองซักมาหลายปีดีดัก ผมสังเกตุถึงโอกาสความน่าจะเป็นที่ คนบ้านนนอก (ไม่ได้ว่าใครนะครับ) จะบอกว่าตัวเองแพ้ยา pennicillin บางคนแพ้ sulfa บางคนแพ้ TC mycin ค่อนข้างสูง แล้วถามว่าทำไมละ เขาไม่แพ้ azithromax ไม่แพ้ clopidrogrel ไม่แพ้ cefdiner บ้างเหรอ ทั้งๆที่ยาพวกนี้คนไข้ที่มีเงินแถบบ้านนอกเขาก็ไปหาหมอโรงบาลเอกชน เขาก็ได้มาตั้งเยอะ อือ เริ่มแปลกใจ เขาไม่ใช่จะไม่มีโอกาสได้กินนะ เพราะบางเคส refer บางคนมีเงินไปเอกชน ได้กินกันตั้งเยอะแยะ บางคนมาบอกแพ้หมดเลย pennicillin sulfa tc mycin เคยลองย้อนถามว่าแล้วลุงจะกินไรเหรอ ที่ลุงไม่แพ้ ลุงก็เลยสวนกลับมาว่า ลุงแพ้หมดแหละ ลุงไม่กล้ากินหรอก ผมย้อนลุงกลับไปอีกคำ ตลอดชีวิตที่ลุงป่วยมาเนี่ย ลุงอยู่ด้วยความกลัว แล้วลุงไม่กินยาไรเลย ลุงมีไม่สบายบ้างมั้ย แล้วลุงทำไง ลุงก็บอกว่า ลุงก็กินแต่พาราไง ถ้าไม่ดีขึ้นลุงก็มาโรงบาล แต่เวลาลุงมาลุงไม่กล้าบอกหรอกว่าแพ้ยา ลุงก็กินมันหมดแหละที่หมอให้ ก็ไม่เห็นเป็นไรนะ เดินมาเปิด com ดู amoxy ไปซะ 5 ครั้รง doxy ไปซะ 3 ครั้ง bactrim อีกหลาย อ่านะ เขียนใน opd card แบบบรรจง ไม่แพ้ยา แล้วยื่นลุงแล้วให้ลุงอ่าน แล้วบอกลุงว่า กลับไปยื่นโต๊ะเก่านะ ย้่อนกลับมาที่คนในเมือง ทำไมเวลาถามแพ้ยา โอกาสในการแพ้ pennicillin sulfa tc mycin น้อยมาก เพราะอาไรอยากรู้จัง คงเป็นเพราะเภสัชกรในเมืองเก่งกว่าเภสัชบ้านนอกอย่างผมมั้ง ผมว่าไม่ใช่นะ ผมพยายามจะเข้าใจสภาพจิตใจของคนไข้ ทำไมเหรอ ทำไมเกือบทุกคนต้องบอกว่า มาโรงบาลหมอไม่ให้ยาไรเลย หมอไม่สนใจเลย มาทั้งทีให้แต่น้ำเกลือ มามหอดุเอาตลอด หมอไล่ญาติออกเวลามา round ตลอด ผมอยากถามกลับไปด้วยความโมโหว่า มาแล้วหมอไม่ให้ยา แล้วไอ้ที่ห้องยาทำงานหลังขดหลังแข็ง กินข้าวเที่ยวเกือบบ่ายโมงทุกวัน เลิกงานเกือบ 5 โมงทุกวัน นี่ถ้าไม่มียาให้คนไข้กิน คนไข้คงนอนบนเตียงวิเศษนะ นอนไม่กี่วัน แข็งแรงกลับบ้านได้เนี่ย (อันนี้โมโหสุดๆๆ ขอบอก :twisted: ) กลับมาที่เรื่องแพ้ยา ผมเคยอ่านบทความของ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เรื่อง ธรรมชาติของจิตใจ
http://www.thaivi.com/2010/02/452/ ใครอยากอ่านลองติดตามดูครับ
มีย่อหน้านึงพูดว่า
ธรรมชาติข้อแรกของจิตใจก็คือ จิตใจนั้นมีความจำกัด นั่นคือ มันรับข้อมูลใหม่เฉพาะที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อเดิมนั้น จิตใจจะไม่ยอมรับ และโดยปกติ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งคนเราจะไม่สามารถจำหรือจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้เกิน 7 อย่างและนั่นเป็นที่มาว่าทำไมเราจึงมี 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หรือสโนว์ไว้ท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ธรรมชาติข้อนี้ทำให้คนไม่สามารถจำหรือรับรู้สินค้ายี่ห้อต่าง ๆ ได้มากมายเช่นเดียวกับที่ไม่ยอมรับสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อที่มีอยู่ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคนเชื่อว่ายาสีฟัน A นั้นแก้เสียวฟันดีที่สุด เขาจะไม่ยอมรับหรอกว่ายาสีฟัน B นั้นแก้ได้ดีกว่าแม้ว่าคุณจะโฆษณามากมายแค่ไหนก็ตาม นอกจากนั้น ถ้าถามว่าคุณจำชื่อยาสีฟันได้กี่ยี่ห้อและแต่ละยี่ห้อช่วยอะไรบ้าง คำตอบก็คือ ไม่เกิน 7

อ่านแล้วก็ให้นึกย้อนมา พวกเขาถูกปลูกฝังให้ในสมองมีแต่ penicillin tc mycin gana gano อยากจะพูดสักคำว่า ลองปลูกฝังว่า Azithromax Augmentin บ้างสิ แล้วเราจะได้เห็นไรแปลกๆขึ้น เคยเจอทีนึง บอกแพ้ penicillin ถามไปถามมา รูปร่างมันเป้นไง เขาบอกว่าเม็ดเหลี่ยมๆ ขอดูบัตรแพ้ยา มีให้ดูด้วย ในบัตรเขียนว่า Enalapril ถามย้อนกลับไป คนข้างบ้านบอกว่าน่าจะเป็น pennicillin นะ

อีกข้อนึงที่อยากให้อ่าน
ข้อสอง จิตใจเกลียดความสับสน อะไรที่ฟังดูยุ่งยากซับซ้อนนั้นคนก็จะไม่จำ ดังนั้น นักการตลาดที่ฉลาดจะต้องทำอะไรหรือพูดอะไรที่ธรรมดาและเข้าใจง่าย สินค้าแต่ละอย่างนั้นจะต้องเสนอว่ามันทำอะไรได้หรือมีอะไรที่โดดเด่นเพียง อย่างเดียว อย่าพยายามบอกว่ามันดีทุกอย่าง เช่น รถคันนี้ปลอดภัย หรู ขับขี่สบาย และอื่น ๆ อีกมาก แบบนี้คนจะสับสน ข้อนี้หลายคนอาจจะบอกว่าไม่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ในโลกยุคใหม่หลายอย่างที่ พูดถึงเรื่อง Convergent นั่นคือ ผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่มารวมกันอยู่ในเครื่องเดียวกัน เช่น คอมพิวเตอร์ที่เป็นทีวีด้วย เป็นเครื่อง Fax ด้วย และเป็นอะไรอื่น ๆ อีกมาก เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือที่ทำได้ทุกอย่างทั้งส่ง อีเมล ดูหนัง เป็น organizer เป็นต้น ข้อนี้ แจ็ค เทร้า บอกว่าไม่จริง อย่างไรเสียผลิตภัณฑ์ที่ ?ทำได้ทุกอย่าง? นั้นก็ไม่มีทางสู้ผลิตภัณฑ์ที่ ?ทำงานได้ดีมากในเรื่องที่ลูกค้าต้องการ? เพียงอย่างเดียว


ความนุ่งยากซับซ้อนอยู่ที่ชื่อยานี่เอง ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เคยแต่พูดให้ฟังว่า penicillin 5 แสน sulfa gana จะเคยมีใครพูดให้ฟังบ้างมั้ยว่า bactrim คนไข้ที่แพ้ยา 100 คน จะบอกว่าแพ้ซัลฟา อย่างต่ำ 99.5 คน อีกครึ่งคนจะบอกว่า ซัลโฟไคน์นะ (เคยได้ยินมา เล่นเอางง)
ข้อต่อมา
ข้อสาม จิตใจนั้นไม่มั่นใจ จิตใจมักจะยึดอารมณ์มากกว่าเหตุผล อย่างเรื่องการซื้อของนั้น คนเรามักจะ ?ซื้อตามคนอื่น? แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาซื้อเพราะอะไรแต่จริง ๆ อาจจะไม่ใช่ เหตุผลก็คือ คนเรามักจะกลัวความเสี่ยงที่อาจจะจริงหรือไม่ก็ตาม ความเสี่ยงนั้น อาจเป็นเรื่องความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงในการใช้ผลิตภัณฑ์ ความเสี่ยงจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากสินค้า ความเสี่ยงทางด้านสังคมเช่นเพื่อนจะคิดอย่างไรกับเราเป็นต้น การแก้หรือการจับจุดอ่อนนี้ของคนเพื่อที่จะขายของมีหลายอย่างเช่น การใช้คนดังคนเด่นที่เป็นดาราหรือนักกีฬามารับรองผลิตภัณฑ์ การสร้างกระแสว่าคนมากมายต่างก็ใช้สินค้านี้เพราะมันมียอดขายอันดับหนึ่ง หรือใช้ความเก่าแก่ของผลิตภัณฑ์ที่มีมานับชั่วอายุคนเป็นจุดขายเป็นต้น พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมคิดไปถึงเรื่องของการซื้อหุ้นตามกันว่าคงจะเกิดขึ้น จากการที่ ?จิตใจไม่มั่นใจ? อยู่เหมือนกัน

ก็คนมากมายในหมู่บ้านเวลาแพ้ยาอะไรก็บอก penicillin นี่ ฉันก็แพ้ตัวนี้แหละคะ
ข้อต่อมา ข้อนี้ฟังแล้วแย่มาก เป้นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับคนไทย
ข้อสี่ จิตใจไม่เปลี่ยน นี่เป็นธรรมชาติของคนที่มักต่อต้านการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนทัศนคติของคนเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าคุณจะเปลี่ยนคุณจะต้องเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นฐานที่ก่อให้เกิดความ เชื่อนั้น ซึ่งในเวลาเพียง 30 วินาทีของการโฆษณานั้นทำไม่ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือมีใครหรือบริษัทไหนพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการ ซื้อหรือการบริโภคของคนหรือเปลี่ยนทัศนคติอะไรของคน อย่าเชื่อว่ามันจะประสบความสำเร็จ

คำเตือน บทความนี้คือการแสดงความคิดเห็นจากประสบการณ์ของผมในการทำงานและการเล่นหุ้น เอามาผนวกเข้ารวมกันเพื่อเข้าใจจิตใจมนุษย์ คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อแล้วแต่ดุลยพินิจ
ปล. ผมเชื่อว่า คน 100 คนที่บอกว่าแพ้ยา penicillin จะไม่ได้แพ้ทั้ง 100 คน เคยเจอหลายทีแล้ว บอกแพ้ ฟาด Augmentin ไปซะ 7 วัน สบายๆ บางทีอาจจะมีคนที่แพ้จริงๆไม่ถึง 50 คนด้วยซ้ำ แล้วถามว่า naranjo score มีไว้เพืิ่ออะไร ใช้กับคนไทยไม่ได้เหรอ ผมเชื่อว่ามันใช้ได้ แต่ว่าจะใช้กับคนที่ให้ข้อมูลด้วยความแม่นยำ และเป็นข้อมูลที่มีเหตุผล ไม่ใช่มาใช้กับข้อมูลในทุกวันนี้
blacksmithday
 
โพสต์: 192
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2007, 19:21







Re: จิต ความกลัว ความมีเหตุผล คุณภาพของข้อมูล การแพ้ยา

โพสต์โดย Barrios » 20 มี.ค. 2010, 10:39

ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ มีรัก มีโลภ มีโกรธ หลง มีรู้ มีไม่รู้
ได้เจอะได้เจอกันหมดไม่ว่าเราจะทำอาชีพอะไร อยู่ รพ.ไหน
ไม่เฉพาะคนไทยหรอกครับ ผมเชื่อว่าคนชาติอื่นก็เป็นเหมือน ๆ กัน ดังเช่น "บทความของ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เรื่อง ธรรมชาติของจิตใจ" เป็นจิตใจมนุษย์ มิใช่เฉพาะของคนไทย

สำหรับคุณ Blacksmithday นับว่าเข้าใจธรรมชาติของคนไข้ที่เข้ามาติดต่อเป็นอย่างดี เพราะมีการตรวจสอบข้อมูลที่คนไข้บอกมา คงต้องตรวจสอบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ
คนบ้านนอกไม่รู้เรื่องยาก็จริง แต่เรื่องทำนา ทำสวน ขุดดินนี่ ต้องยกให้เค้านะครับ :mrgreen:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Barrios
 
โพสต์: 714
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2009, 08:41
ที่อยู่: ประเวศ กทม.

Re: จิต ความกลัว ความมีเหตุผล คุณภาพของข้อมูล การแพ้ยา

โพสต์โดย klang-ya » 20 มี.ค. 2010, 13:19

เห็นด้วยกับคุณ Barrios
"..ทำดีไว้ แล้วจะดี.."
ภาพประจำตัวสมาชิก
klang-ya
 
โพสต์: 66
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 11:30
ที่อยู่: ร้าน คลังยาเภสัชกร 139/6 หมู่ 1 ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา 30190

Re: จิต ความกลัว ความมีเหตุผล คุณภาพของข้อมูล การแพ้ยา

โพสต์โดย Mr. Sexman » 20 มี.ค. 2010, 14:41

ประสบการณ์กระผมยังน้อยนัก
คิดว่าได้ประโยชน์อย่างยิ่ง จะลองนำไปปฏิบัติบ้างครับ
Mr. Sexman
 
โพสต์: 185
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 13:54

Re: จิต ความกลัว ความมีเหตุผล คุณภาพของข้อมูล การแพ้ยา

โพสต์โดย ShioMi » 20 มี.ค. 2010, 19:06

จึงเป็นหน้าที่ของเภสัชกรเราๆท่านๆไงล่ะครับ ที่จะต้องเจาะซักให้ถึงลูกถึงคนเลย

หากอยู่แหล่งชุมชนเล็กๆ รพ.เล็กๆ คนไข้ไม่เยอะ น่าจะมีเวลาให้ซักประวัติละเอียดได้อยู่นะ พูดคุยกันไป เบื่อบ้างก็ต้องทน เพราะคนไข้ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ถือว่าช่วยคนไข้ไป

รพ.ใหญ่นี่สิ คนไข้รอรับยาเพียบ เจอเคสแพ้ยาที สายตาจ้องมาเพียบ ช่องจ่ายยาหายไปช่องนึง คนรอกันอีกตรึม ซักแบบถึงลูกถึงคนมากไม่ได้ นอกจากช่วงเวรตอนคนไข้น้อย แบบนี้เจอกันได้ ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
ShioMi
 
โพสต์: 88
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.พ. 2007, 14:34

Re: จิต ความกลัว ความมีเหตุผล คุณภาพของข้อมูล การแพ้ยา

โพสต์โดย ck0707007 » 21 มี.ค. 2010, 01:44

น่าจะไปเที่ยวพักสัก 3 วันครับ
ck0707007
 
โพสต์: 288
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 02:41


ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document