New Document









เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

ห้องเภสัชกร

เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

โพสต์โดย apotheker » 30 ต.ค. 2009, 13:34

ช่วงช่วง กับ หลินฮุ้ย เป็นเพื่อนกัน ทั้งคู่ทำงานบริษัทเอกชน
ต่างก็เก็บเงินได้คนละ 5 แสนบาท ทั้งคู่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เนื่องจากเห็นว่าดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยเหลือเกินราว 1%

ช่วงช่วง หัวอนุรักษ์ ไม่ชอบความเสี่ยง จึงตัดสินใจซื้อหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง
ซึ่งรับประกันผลตอบแทน 8 % เท่ากับว่า ช่วงช่วงได้เงินจากการลงทุนอสังหาฯนี้ 4 หมื่นบาทต่อปี หรือเดือนละ 3,333 บาท

ส่วนหลินฮุ้ย เห็นว่า มีคอนโดแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ตกแต่งพร้อมอยู่ ประกาศขายในราคา 5 ล้านบาท
ดูจากทำเลที่ตั้ง และสภาพอาคารแล้ว ห้องนี้น่าจะได้ค่าเช่าอย่างน้อยเดือนละ 30,000 บาท
1 ปี เท่ากับ 360,000 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) ราวๆ 7%

ช่วงช่วงได้ทักท้วงว่า Yield คอนโดแห่งนั้น ต่ำกว่า Yield ของกองทุนตั้ง 1%
อีกทั้งมีความเสี่ยง ต้องวุ่นวายเสียเวลาไปคอยดูแลเก็บค่าเช่าอีก
สู้ซื้อกองทุนนอนตีพุงกินผลประโยชน์ 8% เฉยๆดีกว่า
แต่หลินฮุ้ย ไม่คิดเช่นนั้น

หลินฮุ้ย เอาเงิน 5 แสนบาท ไปวางดาวน์คอนโดมูลค่า 5 ล้านบาทที่ตัวเองมั่นใจ
แล้วยื่นเรื่องกู้ธนาคารส่วนที่เหลือ 4.5 ล้านทันที โดยขอผ่อนในเวลา 20 ปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 5%
ธนาคารคำนวณค่างวดที่หลินฮุ้ยต้องผ่อนคือ 29,700 บาท ซึ่งเป็นเงินที่หลินฮุ้ยสามารถกู้และผ่อนชำระได้สบาย

** การคำนวณวงเงินกู้และค่างวด ดูได้จาก http://www.scb.co.th/th/pnb/pnb_loan_calculate.shtml

หลินฮุ้ยมีรายรับจากค่าเช่า 30,000 บาท แต่ค่างวดที่ต้องผ่อนธนาคาร 29,700 บาท
เท่ากับว่าหลินฮุ้ยเหลือเงินเข้ากระเป๋าเดือนละ 300 บาท ขณะที่ช่วงช่วงได้เดือนละ 3,333 บาท

หลินฮุ้ยฉลาดน้อยกว่าช่วงช่วง หรือไม่????

.
.
.
.

คำตอบคือ ไม่ใช่

ค่างวดที่ต้องผ่อนชำระธนาคารนั้น ประกอบด้วย เงินต้น และดอกเบี้ย รวมกันอยู่
ต้นทุนที่หลินฮุ้ยต้องจ่ายจริงนั้นมีเพียงดอกเบี้ย
เพราะเงินต้นที่ผ่อนชำระแท้จริงแล้วก็คือเงินของหลินฮุ้ยนั่นเอง ไม่ใช่ธนาคาร
การคิดผลตอบแทนจึงไม่ใช่เอาค่าเช่าห้อง ลบ ค่างวด
แต่ต้องเอาค่าเช่าห้อง ลบ ดอกเบี้ยธนาคาร ในแต่ละเดือน

รายจ่ายดอกเบี้ยของหลินฮุ้ย คือเท่าไร?
หากคำนวณแบบหยาบที่สุด Flat rate ณ อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
เงินต้น 4.5 ล้าน เท่ากับดอกเบี้ยตกปีละ 225,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 18,750 บาท
เท่ากับว่า หลินฮุ้ยได้รายรับเดือนละ 30,000-18,750 เท่ากับ 11,250 บาทต่อเดือน
เมื่อเทียบกับเงินลงทุน 5 แสนบาท เท่ากับว่าหลินฮุ้ยได้ Yield ถึง 27%

แต่อย่าลืมว่า การผ่อนชำระสินเชื่อเคหะนั้น เป็นแบบลดต้นลดดอก ยิ่งเวลาผ่านไป เงินต้นยิ่งเยอะ ดอกเบี้ยยิ่งน้อยลง
ถ้าคำนวณอย่างละเอียด หารเฉลี่ยดอกเบี้ยทั้ง 20 ปี จะตกเดือนละ 11,000 บาทเท่านั้น
ดังนั้น ผลตอบแทนที่แท้จริงของหลินฮุ้ยจึงเท่ากับ 30,000 - 11,000 = 19,000 บาทต่อเดือนหรือ Yield เท่ากับ 45%
เทียบกับผลตอบแทนของช่วงช่วงที่ 8% จะพบว่า หลินฮุ้ยได้ผลตอบแทนดีกว่าถึง 6 เท่า

แม้ญาติพี่น้องจะบ่นว่า หลินฮุ้ยไม่ได้เรื่อง ลงทุนอะไรกัน 5 แสนได้แค่เดือนละ 300 บาท
ช่วงช่วงสิ เจ๋งกว่าได้ตั้งเดือนละ 3,333 บาท หลินฮุ้ยก็ได้แต่หัวเราะหึหึ
ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่า ผลตอบแทนที่แท้จริงของตัวเองไม่ใช่ 300 แต่เป็น 19,000 บาทต่อเดือน!

เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ด้วยทำเลที่ดี และตามสภาพเศรษฐกิจที่เจริญขึ้น
คอนโดมิเนียมของหลินฮุ้ย ราคาแพงขึ้น 20% จาก 5 ล้านเป็น 6 ล้าน
หลินฮุ้ย ตัดสินใจขายคอนโดนั้น

มาดูกันว่าหลินฮุ้ยได้ผลตอบแทนเท่าไร
หลินฮุ้ย ได้เงินค่าเช่าห้อง(ที่หักดอกเบี้ยเงินกู้ออกแล้ว)เป็นเวลา 5 ปี เท่ากับ 760,000 บาท
บวกกับ กำไรจากการขายต่อ อีก 1 ล้าน รวมเป็น 1,760,000 บาท หรือเท่ากับ 250% ของเงินต้น 5 แสน!

ขณะที่ ช่วงช่วงได้ผลตอบแทน 8% ในเวลา 5 ปี = 200,000 บาท หรือเท่ากับ 40%

คนสองคน เริ่มต้นลงทุนพร้อมกันด้วยเงิน 5 แสนบาท
ผ่านไป 5 ปี ช่วงช่วงได้กำไร 2 แสน หลินฮุ้ยได้กำไร 1.76 ล้าน
ใครมีวิสัยทัศน์ในการลงทุนกว่ากัน?

ตอนนี้ ช่วงช่วงเริ่มยิ้มไม่ออกแล้ว เมื่อพบว่า ผลตอบแทนของตนเองแพ้หลินฮุ้ยหลุดลุ่ย

ในเวลาต่อมา ชูวิทย์ เพื่อนช่วงช่วงเห็นหลินฮุ้ยรวยจากการลงทุนคอนโด จึงเลียนแบบบ้าง
แต่ด้วยความที่เป็นคนรวย ชูวิทย์ จึงเอาเงินสดของตัวเองซื้อคอนโดราคา 5 ล้านเพียวๆ
โดยคิดว่า ไม่ต้องกู้เงิน ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ชูวิทย์เอาห้องมาให้เช่าได้ค่าเช่าเดือนละ 30,000 เท่าหลินฮุ้ย
คิดเป็นผลตอบแทนปีละ 360,000 บาท Yield เท่ากับ 7.2%
ผ่านไป 5 ปี ได้เงินรวม 1.8 ล้านบาท หรือ 36%

ชูวิทย์ โดนช่วงช่วง เตะตูด 1 ป้าบ

เพราะว่า หากชูวิทย์เอาเงิน 5 ล้านนั่นมาซื้อกองทุนแบบช่วงช่วง
ผลตอบแทนที่ชูวิทย์ได้รับจะเป็น 40%
มากกว่าที่ไปซื้อคอนโดเงินสดตั้ง 4 % หรือ 200,000 บาท แถมไม่ต้องเหนื่อยดูแลด้วย
นับว่าชูวิทย์ลงทุนได้ห่วยที่สุดในกลุ่ม

สรุป
หากไม่นับเรื่อง capital gain หรือกำไรจากราคาคอนโดที่สูงขึ้น
ผลตอบแทนการลงทุนของคน 3 คน

ช่วงช่วง ซื้อกองทุนอสังหา ไม่เหนื่อยไม่ต้องดูแล ได้ Yield 8 %
ชูวิทย์ ซื้อคอนโดเงินสด ต้องคอยดูแลเก็บค่าเช่า ได้ Yield 7 %
หลินฮุ้ย ซื้อคอนโดเงินผ่อน ต้องคอยดูแลเก็บค่าเช่า ได้ Yield 45 %

หลินฮุ้ยชนะเลิศ!!

- จบ -

นิทานข้างบน ผมยกมาเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นประโยชน์ของ"การกู้"
จะเห็นว่า ความแตกต่างของหลินฮุ้ยกับช่วงช่วง อยู่ตรงที่หลินฮุ้ย ใช้การกู้สินเชื่อเคหะ
เพื่อขยายอัตราผลกำไรของการลงทุนของตัวเอง จากเดิม 5 แสน ขยายได้ถึง 5 ล้าน
วิธีนี้ในทางการเงินเรียกว่า "Leverage" ครับ

การทำ Leverage จะให้ผลตอบแทนทวีคูณหลายเท่าตัว
ตราบที่อัตราดอกเบี้ยที่เราไปกู้มา ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนของการลงทุน
ในที่นี้ ดอกเงินกู้คือ 5% ขณะที่รายได้คือ 7% หากกลับกัน ผลตอบแทนการลงทุนต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ย
การทำ Leverage นอกจากจะไม่กำไรแล้วยังทำให้ขาดทุนหนักเป็นทวีคูณเช่นกันครับ
ดังนั้น หลักง่ายๆคือ การลงทุนซื้อคอนโดให้เช่า ผลตอบแทนค่าเช่าต้องมากกว่าอัตราดอกเบี้ย จึงจะคุ้มค่าการลงทุน

ผมเคยแนะนำไว้ใน blog ของผมว่า
ทุกคนที่มีเงินเดือนหรือรายได้ประจำที่อยากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ควรใช้บริการสินเชื่อเคหะ (Housing loan)
เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดที่ธนาคารจะปล่อยได้ หรือที่เรียกว่า MLR (Minimum Loan Rate)
การซื้อคอนโดด้วยเงินสดแบบชูวิทย์ จึงไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก
หากเราสามารถหาต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าผลตอบแทนที่ได้รับ เราสมควรกู้เป็นอย่างยิ่ง
เพราะจะได้ผลตอบแทนเป็นทวีคูณ
นอกจากการกู้สินเชื่อเคหะจะเป็นการ Leverage ผลตอบแทนของเราแล้ว
เรายังได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอีก
คือ เอาค่างวดผ่อนชำระคอนโดไปหักเป็นรายจ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีปลายปีได้ถึง 100,000 บาท

อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงของการลงทุนคอนโดมิเนี่ยมเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเสมอ
จากการคำนวณที่ผมแสดงให้ดู จะเห็นว่า มีตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อผลตอบแทนการลงทุนได้แก่
อัตราค่าเช่า ควรคงที่และสามารถ up ขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ
และ อัตราการพัก (Occupancy rate) ควรสม่ำเสมอ หาผู้เช่าได้เรื่อยๆ ห้องไม่ว่างนานเกินไป
การเลือกซื้อคอนโดในทำเลที่ดีเยี่ยม จะช่วยลดความเสี่ยงทั้งสองข้อนี้ลง
ทำให้การลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ครับผม

นี่ก็คือเหตุผลที่บางคนถึงกับยอมอดหลับอดนอนเพื่อไปยืนต่อแถวเข้าคิวจองคอนโดทำเลดี
ไปตั้งแต่ตี3 ตี4 ถึงขั้นทะเลาะตบตีด่าทอคนขายเมื่อจองไม่ได้ กลับบ้านยังมาโพสต์ด่าต่อในเน็ทอีก
ในขณะที่คอนโดบางแห่ง ขายแล้วขายอีก เซลแล้วเซลอีก ก็ไม่หมดซะที

ก็คอนโดทำเลเยี่ยมมันกำไรดีนี่นา..ชิมิๆๆ!!

จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด (C.BUN)
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity







Re: เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

โพสต์โดย apotheker » 30 ต.ค. 2009, 13:46

จากกระทู้แนะนำห้องสินธรครับ

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 65638.html

แต่อย่าลืมอ่านความเห็นที่ตามมาด้วยนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิตารณญาณในการอ่าน :wink:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

โพสต์โดย DrugCenter » 30 ต.ค. 2009, 13:47

แจ่มครับ...

...แต่ถ้าเงินไม่เหลือ มีวิธีมั๊ยพี่ :biggrin:
ภาพประจำตัวสมาชิก
DrugCenter
 
โพสต์: 2502
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2005, 07:45
ที่อยู่: Drug Center ขอนแก่น

Re: เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

โพสต์โดย Barrios » 02 พ.ย. 2009, 09:42

งงครับ
ผลตอบแทนที่แท้จริงของหลินฮุ้ยจึงเท่ากับ 30,000 - 11,000 = 19,000 บาทต่อเดือนหรือ Yield เท่ากับ 45%
ทำไมผลตอบแทนจึงเอาแต่ดอกเบี้ยมาคิด ผมคิดเป็นแต่ รายรับ-รายจ่าย = รายได้สุทธิ

รายจ่ายดอกเบี้ยของหลินฮุ้ย คือเท่าไร?
หากคำนวณแบบหยาบที่สุด Flat rate ณ อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
เงินต้น 4.5 ล้าน เท่ากับดอกเบี้ยตกปีละ 225,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 18,750 บาท

แต่อย่าลืมว่า การผ่อนชำระสินเชื่อเคหะนั้น เป็นแบบลดต้นลดดอก ยิ่งเวลาผ่านไป เงินต้นยิ่งเยอะ ดอกเบี้ยยิ่งน้อยลง
ถ้าคำนวณอย่างละเอียด หารเฉลี่ยดอกเบี้ยทั้ง 20 ปี จะตกเดือนละ 11,000 บาทเท่านั้น
มื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ด้วยทำเลที่ดี และตามสภาพเศรษฐกิจที่เจริญขึ้น
คอนโดมิเนียมของหลินฮุ้ย ราคาแพงขึ้น 20% จาก 5 ล้านเป็น 6 ล้าน
หลินฮุ้ย ตัดสินใจขายคอนโดนั้น

มาดูกันว่าหลินฮุ้ยได้ผลตอบแทนเท่าไร
หลินฮุ้ย ได้เงินค่าเช่าห้อง(ที่หักดอกเบี้ยเงินกู้ออกแล้ว)เป็นเวลา 5 ปี เท่ากับ 760,000 บาท
บวกกับ กำไรจากการขายต่อ อีก 1 ล้าน รวมเป็น 1,760,000 บาท หรือเท่ากับ 250% ของเงินต้น 5 แสน!
"ตรงนี้บอกว่าปีแรก ๆ เราเสียดอกเบี้ยมากกว่าค่าเฉลี่ย 11,000 บาท แต่ตอนมาคิดกำไรที่ 5 ปี เอาค่าเฉลี่ยที่น้อยกว่ามาคิด"

หลินปิง เรียนมาน้อย อายุยังน้อยคิดได้แบบนี้ค่ะ
รายรับ ค่าเช่า เดือนละ 30,000 * 5 ปี(60 เดือน) = 1,800,000 บาท

เงินกู้ 4,500
ภาพประจำตัวสมาชิก
Barrios
 
โพสต์: 714
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2009, 08:41
ที่อยู่: ประเวศ กทม.

Re: เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

โพสต์โดย Barrios » 02 พ.ย. 2009, 10:13

งงครับ
ผลตอบแทนที่แท้จริงของหลินฮุ้ยจึงเท่ากับ 30,000 - 11,000 = 19,000 บาทต่อเดือนหรือ Yield เท่ากับ 45%
ทำไมผลตอบแทนจึงเอาแต่ดอกเบี้ยมาคิด ผมคิดเป็นแต่ รายรับ-รายจ่าย = รายได้สุทธิ

รายจ่ายดอกเบี้ยของหลินฮุ้ย คือเท่าไร?
หากคำนวณแบบหยาบที่สุด Flat rate ณ อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
เงินต้น 4.5 ล้าน เท่ากับดอกเบี้ยตกปีละ 225,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 18,750 บาท

แต่อย่าลืมว่า การผ่อนชำระสินเชื่อเคหะนั้น เป็นแบบลดต้นลดดอก ยิ่งเวลาผ่านไป เงินต้นยิ่งเยอะ ดอกเบี้ยยิ่งน้อยลง
ถ้าคำนวณอย่างละเอียด หารเฉลี่ยดอกเบี้ยทั้ง 20 ปี จะตกเดือนละ 11,000 บาทเท่านั้น
มื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ด้วยทำเลที่ดี และตามสภาพเศรษฐกิจที่เจริญขึ้น
คอนโดมิเนียมของหลินฮุ้ย ราคาแพงขึ้น 20% จาก 5 ล้านเป็น 6 ล้าน
หลินฮุ้ย ตัดสินใจขายคอนโดนั้น

มาดูกันว่าหลินฮุ้ยได้ผลตอบแทนเท่าไร
หลินฮุ้ย ได้เงินค่าเช่าห้อง(ที่หักดอกเบี้ยเงินกู้ออกแล้ว)เป็นเวลา 5 ปี เท่ากับ 760,000 บาท
บวกกับ กำไรจากการขายต่อ อีก 1 ล้าน รวมเป็น 1,760,000 บาท หรือเท่ากับ 250% ของเงินต้น 5 แสน!
"ตรงนี้บอกว่าปีแรก ๆ เราเสียดอกเบี้ยมากกว่าค่าเฉลี่ย 11,000 บาท แต่ตอนมาคิดกำไรที่ 5 ปี เอาค่าเฉลี่ยที่น้อยกว่ามาคิด"

หลินปิง เรียนมาน้อย อายุยังน้อยคิดได้แบบนี้ค่ะ
รายรับ ค่าเช่า เดือนละ 30,000 * 5 ปี(60 เดือน) = 1,800,000 บาท
ขายคอนโดได้ 6,000,000 บาท
รวมรายรับ 7,800,000 บาท

รายจ่าย เงินต้น 500,000 บาท
เงินกู้ 4,500,000 บาท
ดอกเบี้ยเฉลี่ยของ 20 ปี เดือนละ 11,000(240 เดือน) 2,640,000 บาท
ถ้าเราขายคอนโดแล้ว ต้องนำเงินที่ได้ไปชำระเงินต้น+ดอกเบี้ยคืนให้ ธนาคาร
รวมรายจ่าย 7,640,000 บาท
รายรับ-รายจ่าย 7,800,000-7,640,000 = 160,000 บาท
5 ปี เฉลี่ย ปีละ 32,000 บาท

หลินปิง ก็ยังกลัวว่าห้องว่างซัก 1 เดือน ปีนั้นขาดทุนแหง ๆ หลินปิงคิดง่ายไปรึเปล่าคะ :question:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Barrios
 
โพสต์: 714
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2009, 08:41
ที่อยู่: ประเวศ กทม.

Re: เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

โพสต์โดย apotheker » 02 พ.ย. 2009, 10:56

ผมถึงบอกไงให้อ่านความเห็นที่ตามมาในกระทู้ที่ลิงค์ไปยังพันทิพด้วย
:lol:
มันไม่มีหรอกครับ No risk high return
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: เงินเหลือเอาไปทำอะไรดี ลองอ่านดูวิธีคิดเค้าครับ

โพสต์โดย rinko » 02 พ.ย. 2009, 11:22

เงินเหลือเมื่อไร จะมาอ่านใหม่ :lol: :lol:
ตอนนี้ผ่อนตึก ผ่อนรถ ผ่อนค่าเครื่องสำอางและความงาม เหลือเก็บจ่ายประกัน ค่าเรียน ค่าขนมนิดๆหน่อยๆ ฝันมีคอนโดก็ใกล้ความจริงแล้วค่า ตอนนี้ขอลงทุนเรียนหนังสือเพิ่มก่อน ไม่เกิน 5 ปี ได้ร้านอาหาร+รีสอร์ทแน่นอน H33
ภาพประจำตัวสมาชิก
rinko
 
โพสต์: 662
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2008, 14:53


ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document