เทคโนโลยีเภสัชกับเภสัชบรบาล

[moon]

เทคโนโลยีเภสัชกับเภสัชบริบาล ต่างกันที่โรงงานกับโรงพยาบาลถ้าไม่นับพวกร้ายยาและผู้แทนยา
แล้ว

เรียนอันไหนดีกว่ากันค่ะ
อันไหนใช้ประโยชน์ได้มากกว่า
อันไหนหางานง่ายกว่า
อันไหนที่ไม่ตกงาน
อันไหนเงินดีกว่า
แล้วคนสวนใหญ่เค้าเลือกเรียนสาขาไหนค่ะระหว่างสองสาขานี้

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

[Myristica]

ขณะนี้คณะเภสัชศาสตร์ปรับหลักสูตรเรียน 6 ปีเพื่อให้สอดคล้องกับ
ข้อกำหนดของสภาเภสัชกรรม
เดิมการเพิ่มเป็น 6 ปี เพื่อเพิ่มการฝึกงาน ทักษะภาคปฎิบัติให้มากขึ้นในปีสุดท้าย
สายบริบาล มีความชัดเจนในการฝึกงานแล้ว และโรงพยาบาลก็มีพัฒนาของการเป็นแหล่งฝึก
สายเทคโนโลยีเพิ่งจะมีการดำเนินการ
เภสัชกรที่ทำงานส่วนมากอยู่ในสายงานบริการโรงพยาบาล ประมาณ 40% ของเภสัชกร
เงินเดือนขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถ

[weerapong_rx]

ผมขอตอบในมุมมองของคนที่จบหลักสูตร 5 ปีและชอบงานด้าน Pharmaceutical Science

เทคโนโลยีเภสัชกับเภสัชบริบาล ต่างกันที่โรงงานกับโรงพยาบาลถ้าไม่นับพวกร้ายยาและผู้แทนยา
แล้ว

เรียนอันไหนดีกว่ากันค่ะ
ผมอยากให้ถามความชอบ ความสนใจส่วนตัว เพราะถ้าเราเรียนไปเพราะเหตุผลอื่นๆ เช่น พ่อ แม่ เพื่อน และคะแนน ฯลฯ ความเป็นต้วเองและแรงขับดันภายในมันจะค่อยๆ หดหายไป จนเมื่อถึงจุดที่เจอปัญหาหรือความยากในวิชาชีพ ซึ่งถ้าหากชอบงานนั้นอยู่แล้วมันก็ยิ่งท้าทายให้แก้ปัญหา แต่ถ้ามันสะสมมาจากการทนทำไปให้ผ่านๆ ไป มันอาจจะถึงจุดที่ต้องมาวิเคราะห์ตัวเองอีกรอบหนึ่งว่าทนไหวหรือต้องตั้งต้นใหม่

อันไหนใช้ประโยชน์ได้มากกว่า
ของทุกอย่างมีคุณค่าในตัวเอง ไม่ต้องไปเทียบกับใครดอกครับ เพราะถ้าเป็นสหวิชาชีพในอุดมคติจริงๆ แพทย์ พยาบาล เภสัช นักเภสัชวิทยา นักสรีรวิทยา นักโภชนาการ นักเทคนิคการแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ สามารถทำงานช่วยกันเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยได้เต็มที่ ซึ่งก็หวังว่าบ้านเราคงจะเกิดขึ้นในเร็ววัน

อันไหนหางานง่ายกว่า
หางานได้ทุกอาชีพครับ ถ้าเราทำงานเป็น

อันไหนที่ไม่ตกงาน
ผมไม่เชื่อว่าเภสัชกรจะตกงาน

อันไหนเงินดีกว่า
ผมเสนอว่าไม่ควรเอาเงินเป็นเป้าหมายในการทำงาน เพราะถ้าได้เงินน้อยกว่าที่คิดไว้ หรือเห็นเงินเดือนคนอื่นๆ เพิ่มขึ้น มันอาจจะทุกข์ได้ อีกอย่างถ้าผลงานดี เงินมันก็น่าจะตามมาเองนะครับ

แล้วคนสวนใหญ่เค้าเลือกเรียนสาขาไหนค่ะระหว่างสองสาขานี้
อย่าเลือกที่คนส่วนใหญ่เขาเรียนกันเลยครับ เลือกที่ตัวเองอยากเรียนดีกว่า และถ้าคุณเลือกทำเหมือนคนอื่นๆ คู่แข่งของคุณในตลาดแรงงานมันก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นผมคิดว่าเรียนในสิ่งที่คุณชอบและสร้างสรรค์สิ่งที่คุณเรียนมาให้มันเกิดเป็นจุดขายแบบใหม่น่าจะดีกว่าครับ

[ShioMi]

เทคโนโลยีเภสัชกับเภสัชบริบาล ต่างกันที่โรงงานกับโรงพยาบาลถ้าไม่นับพวกร้ายยาและผู้แทนยา
แล้ว

เรียนเทคโนโลยีเภสัชกรรม จบมาไม่จำเป็นว่าทำงานได้แต่โรงงานนะครับ เพราะเป็นเภสัชกรเหมือนกัน สามารถทำงานโรงพยาบาลได้เลย

รุ่นผม รวมทั้งตัวผมด้วยที่เรียนมาทางด้านเทคโนโลเภสัชกรรม ก็ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลกันหลายคน

จะเลือกเรียนทางด้านไหนก็แล้วแต่ความชอบเถอะครับ ส่วนตัวผมชอบงานด้านปฏิบัติ ไม่ค่อยชอบด้านทฤษฏีเรื่องโรคเรื่องยาซักเท่าไหร่ "ไม่ชอบ ไม่ได้หมายความว่าไม่รับรู้นะ" เลยเลือกทางเทคโนโลยีเภสัชกรรม ก็ถือว่าเลือกถูกจุดดี จบมาก็ทำงานได้ทุกส่วนที่เภสัชกรทำได้ แต่เรื่องบริบาลทางเภสัชกรรมอาจแย่นิดหน่อยเพราะไม่ถนัดและต้องเพิ่มความรู้อีกเยอะ

สรุป เลือกที่ตัวเองคิดว่าถนัดดีสุดครับ จะได้ไม่เครียด แต่ผมรู้สึกว่าเภสัชบริบาลจะค่อนข้างเก่งนะ ความรู้เรื่องยาเรื่องโรคแน่นดี

เรื่องเงินจบมาค่อยว่ากัน หาเงินได้ดีทั้งคู่แหละ เภสัชกรซะอย่าง

[adRIAmYCin]

ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้ซัก 10 ปีขึ้นไป ก็ไม่เห็นจะมีการแยกสาย แต่สุดท้ายจบออกมาก็ทำงานได้ทุกอย่าง (ไม่เชื่อลองถามพี่นิวัชดูดิ )


แต่พอเวลาผ่านไป เรียนเยอะขึ้น จำนวนปีมากขึ้น ถ้ามันจะทำงานไม่ได้เท่าเดิมก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วครับเจ้านาย


มีอาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งแถวมาบุญครองพูดติดตลกแกมประชดว่า เภสัชเรียน 5 ปีทำงานได้ทุกอย่าง แต่พอเรียน 6 ปี ทำได้แค่อย่างเดียว