ถามเกี่ยวกับเภสัชศาสตร์และบริบาลเภสัชกรรมคะ

[mai_cipher]

คือหนูเห็นว่าปีนี้ในมหาลัยหลายแห่งเปิดสาขา2สาขาเลยบางที่ก็ให้เลือกหลังจากเข้าไปเรียนแล้ว

เวลามีความสงสัยว่า2สาขานี้แตกต่างกันอย่างไร ทั้งด้านการเรียน ด้านสายงานที่จบออกไปทำ แล้วก็สาขาไหนสายงานกว้างกว่ากันค่ะ

แล้วถ้าสมมติว่าเราเลือกมหาลัยที่ให้เลือกสาขาก่อนพอเข้าไปแล้วเนี้ยเราไปเปลี่ยนเป็นอีกสาขาได้ไหมค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะชอบแบบไหนมากกว่า

แล้วเรียนใบประกอบน่ะคะ มันขึ้นอยู่กับปีที่เรียนรึว่าสาขาค่ะที่ว่าจะสอบได้สอบไม่ได้อ่ะค่ะ เกี่ยวกับจำนวนปีอย่างเดียวรึเปล่า

ขอบคุณรุ่นพี่ทุกคนนะคะ ที่ช่วยตอบคำตอบที่เป็นประโยชน์แก่รุ่นน้อง เพราะหนูคิดว่าก็ไม่ใช่หนูคนเดียวที่สงสัยน่ะค่ะ

ขอบคุณมากๆค่ะ

[INDY_Rx]

พี่ขอตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับสายงานน่ะครับ...โดยพี่จะขอตอบเฉพาะสายงานด้านเภสัชศาสตร์ หรือที่เรียกกันว่า Pharm. Science น่ะครับ
เนื่องจากพี่เรียนจบสาขานี้และทำงานด้านนี้จึงเลือกตอบเฉพาะคำถามที่พี่คิดว่ารู้มากที่สุดน่ะครับ ^^ เพราะไม่ทราบว่าหลักสูตรใหม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

สำหรับพี่จบหลักสูตร B.Pharm กล่าวคือหลักสูตรเภสัชศาสตร์ 5 ปีนั่นแหล่ะครับ
เนื้อหาที่เรียนก็จะเรียนเหมือนกันกับสาขา Pharm. care จนกระทั่งถึงปี 4 หลังจากนั้นจะมีการแยกสาขาที่เรียนครับ
โดยพี่เลือกเรียนสาขา Pharm science นั่นเอง...เพราะพี่ชอบในศาสตร์ของเภสัชกรรมครับ...
หรือบางท่านเรียกเภสัชหัตถการ (บางคนอาจไม่เคยได้ยิน )

ตอนเรียนเฉพาะสาขา...เราก็จะได้มีโอกาสศึกษา คิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ รวมถึงบูรณาการทักษะด้านเภสัชกรรมมาประยุกต์ใช้มากขึ้น
ด้วยตนเองอย่างแท้จริง...ว่ากันง่ายๆคือ มันเริ่มเข้มข้นมากขึ้นๆน่ะครับ
นอกจากนี้ก็จะมีการฝึกงานด้านเภสัชศาสตร์ ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมยา ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ศูนย์วิจัยด้านเภสัชศาสตร์ เป็นต้น
ซึ่งแหล่งฝึกมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขึ้นกับความร่วมมือของสถาบันนั้นๆ...

คร่าวๆก็ประมาณนี้น่ะครับสำหรับสาขา Pharm. science (เห็นใจน้องๆเหมือนกัน...พี่ก็แอบงงกับหลักสูตรแบบใหม่ว่าจะเป็นยังไง)

ในส่วนของสายงานด้านเภสัชศาสตร์...แหล่งงานค่อนข้างกว้างและมีตำแหน่งงานว่างค่อนข้างเยอะ...เนื่องจากบุคลากรที่จบสาขานี้มีไม่มาก
อีกทั้งโรงงานในประเทศไทยก็มีจำนวนมาก และเพื่อเป็นไปตามกฎหมายใหม่ด้านยาที่จะนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมยา
ยิ่งมีความจำเป็นที่ต้องการเภสัชกรสาขานี้เข้ามาในองค์กร ได้แก่ เภสัชกรฝ่ายผลิต ,เภสัชกรฝ่ายประกันคุณภาพ, เภสัชกรฝ่ายควบคุมคุณภาพ,
เภสัชกรฝ่ายวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

สำหรับเงินเดือนในสาขานี้ค่อนข้างอยู่ในระดับดี...แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับโรงงาน สวัสดิการ คุณสมบัติ ประสบการณ์ของเภสัชกรเองด้วย
ไม่ว่าจะสาขาไหน...งานอะไร...ถ้าเรามีความจริงใจกับงานที่ทำ...งานนั้นก็จะตอบแทนความจริงใจของเราเอง

ปล.ไม่รู้ว่าคำตอบของพี่จะช่วยน้องได้มากน้อยแค่ไหนน่ะครับ...แต่คำตอบนี้ก็มาจากประสบการณ์ตรงของพี่เอง...^^

[mai_cipher]

ขอบคุณพี่มากนะคะ ที่มาช่วยตอบให้ช่วยหนูให้เข้าใจเยอะขึ้นเลยค่ะ ^^

หวังว่าอีกสายจะมีพี่ๆเข้ามาแนะนำด้วยนะคะ

[Pharma_Name]

หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต แบ่งออกเป็นสองสาขาวิชา คือ สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ หรือบางแห่งเรียกว่า สาขาวิชาเทคโนโลยีเภสัชภัณฑ์ (Pharmaceutical sciences) กับ สาขาการบริบาลเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)

ปัญหาของการเลือกสาขาในคณะเภสัชศาสตร์นั้นอยู่ที่ว่า ตัวผู้เรียนเองยังไม่แน่ใจว่าอยากเรียนอะไรกันแน่ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากพี่ ๆ ที่เรียนอยู่หลายต่อหลายคนก็ยังมีการย้ายสาขาสลับกันไปกันมาอยู่บ่อย ๆ

การแยกสาขานั้นบางมหาวิทยาลัยก็จะมีการรับแยกตั้งแต่ตอนสอบแอดมิชชั่น บางมหาวิทยาลัยก็รับรวมไปก่อน แล้วค่อยไปแยกตอนปีสอง เอาละ กระทู้นี้ผมยอมพลีชีพ เพื่อน้อง ๆ มัธยมปลาย มีอะไรผิดพลาด พี่ ๆเพื่อน ๆ น้อง ๆ ลงความเห็นได้นะครับ

ชั้นปีที่ 1

วิชาที่เรียนก็จะเรียนเหมือนกันทั้งสองสาขา คือเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เหมือนตอนที่เรียนในชั้นมัธยมปลาย แต่เนื้อหาที่เรียนจะเป็นบางบทที่จะเอาไปต่อยอดในชั้นปีสูง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ก็จะเรียนเฉพาะแคลคูลัส เป็นต้น เนื้อหาที่เรียนรวบของชั้นม.4-5-6 มาเรียนในเทอมเดียว เรียนเหมือนการปรับพื้นฐาน บางโรงเรียนปล่อยเกรด บางโรงเรียนกดเกรด ก็ได้รู้กันตอนปีหนึ่งนี่แหละครับ

เสร็จจากปีหนึ่ง นักศึกษาสาขา science ที่ได้เกรดเยอะ ๆ ก็จะขอย้ายสาขามาสาย care และนักศึกษาสาย care ที่ได้เกรดน้อย ๆ ก็จะขอย้ายไปสาย science ซึ่งปกตินักศึกษาสาขา care จะเรียนเก่งกว่า เพราะคะแนนสอบเข้าสูงกว่า เลยทำให้พบว่า นักศึกษาสาขา care ไม่ค่อยย้ายไป science นะครับ (อันนี้เท่าที่ผมสังเกต แต่บางแห่งอาจจะกลับกันได้)

ชั้นปีที่ 2

เรียนวิชาพรีคลินิก (preclinic) เป็นวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น กายวิภาค สรีระวิทยา เภสัชวิทยา พิษวิทยา จุลชีววิทยา ซึ่งสาขา care จะเรียนหน่วยกิตมากกว่าสาย science นิดหน่อย เช่น กายวิภาคสาย care เรียน 9 หน่วยกิต แต่ science เรียน 6 หน่วยกิต (เพิ่มมา 3 หน่วยกิตนี่แบบว่าทำเอาแทบรากเลือดเลยครับ) ส่วนวิชาอื่น ๆ ที่เรียนเหมือนกัน (เช่น ชีวเคมี ฟิสิกส์เคมี เคมีอินทรีย์) ผมไม่พูดถึงนะครับ

จบปีสอง นักเรียนสาขา care ส่วนหนึ่งก็ขอย้ายกลับมาสาขา science อีก

ชั้นปีที่ 3-4

เรียนวิชาคณะที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเภสัชภัณฑ์ครับ เช่น เภสัชวิเคราะห์ เทคโนโลยีเภสัชกรรม เภสัชเวท เนื้อหาก็เกี่ยวข้องกับการทำ lab เกี่ยวกับการคำนวณ ทักษะการใช้เครื่องวิทยาศาสตร์ ซึ่งสาขา science จะต้องเรียนเยอะกว่าครับ ยกตัวอย่าง เภสัชวิเคราะห์ นักศึกษาสาขา science เรียนวิชา เภสัชวิเคราะห์ 1, เภสัชวิเคราะห์ 2, เภสัชวิเคราะห์ 3, เภสัชวิเคราะห์ขั้นสูง รวม 4 รายวิชากระจายกันในแต่ละเทอม ส่วยสาขา care จะเรียน เภสัชวิเคราะห์พื้นฐาน แค่ตัวเดียว เรียนแบบรวม ๆ เอาเนื้อหาสี่รายวิชาของสาขา science มายำรวมกันเรียนครั้งเดียว

และต้องเรียนรายวิชาทางคลินิก เช่น เภสัชบำบัด เภสัชจลนศาสตร์ เนื้อเรื่องการใช้ยาในผู้ป่วย จะพูดยังไงดีละเพื่อให้เห็นภาพ แบบว่าเรียนเหมือนแพทย์นะครับ ก็เหมือนเดิมสาขา care เรียนเยอะกว่า science ครับ

จบปีสี่ คราวนี้ย้ายสาขาไมได้นะครับ เรียนต่างกันเยอะแล้ว ก็ไปฝึกงานครับ เรียกว่า ฝึกงานทั่วไป ไปฝึกตามโรงพยาบาลหนึ่งผลัด และร้ายยาหนึ่งผลัด

ชั้นปีที่ 5

อันนี้แยกจากกันอย่างเด็ดขาดครับ เรียนไม่เหมือนกันแล้ว สาขา care ต้องเรียนรายวิชาทางคลินิกอย่างเข้มข้น เช่น โภชนาการบำบัด เคมีบำบัด เภสัชบำบัดขั้นสูง เภสัชจลนศาสตร์ การบำบัดผู้ป่วยติดเชื้อ เป็นต้น แล้วก็ออกไปเก็บเคสผู้ป่วยตามโรงพยาบาล และก็ทำ special project ด้านการบริบาล
สาขา science เรียนวิชาทางการวิจัยเภสัชภัณฑ์ต่อไป เช่น การวิจัยคุณภาพผลิตภัณฑ์ เภสัชเวทขั้นสูง เคมีวิเคราะห์ประยุกต์ ก็ว่ากันไป และก็มีการแยกสาขาย่อยลงไปอีก (บางมหาวิทยาลัยก็ไม่แยก) เช่น เภสัชเครื่องสำอาง เภสัชสมุนไพร สังเคราะห์ยา เภสัชเทคโนโลยีชีวภาพ เภสัชสังเคราะห์ และทำ special project ด้านผลิตภัณฑ์

ชั้นปีที่ 6

นักศึกษาสาขา care ก็ลาจากคณะ ไม่ใช่ หมายถึงไปฝึกงานครับ คราวนี้เป็นฝึกงานประจำสาขา care ใช้ระยะเวลาฝึก 9 เดือน แบ่งออกเป็น 6 ผลัด ผลัดละหนึ่งเดือนครึ่ง (นานมาก) ฝึกตามโรงพยาบาล บริษัทยา ร้านยา ฝึกงานตอนนี้แหละ ที่มีร้องไห้ มีอยากหนีไปให้พ้น เพราะหนักมาก หลาย ๆ คนเรียนมาห้าหกปีพอมาฝึกงานแล้วพึ่งรู้ว่าไม่ชอบสาขานี้เลย หนีไปเป็นผู้แทนยากันหมด

สาขา science ก็ต้องทำไปฝึกงานเช่นกัน แต่ฝึกงานสั้นกว่าประมาณ หนึ่งเดือนครึ่ง ฝึกตามศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ โรงงานอุตสาหกรรมยา สถาบันวิจัย ฝึกเสร็จก็กลับมาทำ project ต่อไป

เรียนจบแล้ว

เรียนจบแล้วก็ไปสมัครสอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม (ใบประกอบโรคศิลป์ของเภสัชกร) สอบผ่านก็ไปสมัครงานได้ สอบไม่ผ่านก็สอบใหม่จนกว่าจะผ่าน เปิดสอบปีละ 2 ครั้ง

สาขา care ก็ไปสมัครโรงพยาบาล สมัครผู้แทนยา สมัครร้านยา สาขา science ก็ไปสมัครโรงงานยา สมัครผู้แทน สมัครร้านยา สังเกตนะครับ งานผู้แทนยา งานร้านยา สาขาไหนก็สมัครได้

ไม่รู้จะเป็นประโยชน์ต่อน้อง ๆ มากแค่ไหนนะครับ หวังว่าคงมีประโยชน์แก่น้อง ๆ ม.ปลายที่จะสอบเข้าม

[mai_cipher]

ขอบคุณพี่ๆมากๆเลยนะค่ะ อุตส่าห์พิมพ์อธิบายกันละเอียดทั้งคู่เลย^^

พอจะเข้าใจแล้วค่ะ ว่าแต่ล่ะสายเป็นยังไงกันบ้าง

จะได้เลือกคณะส่งสกอ.เด๊ยวจะหมดเขตซะก่อน

ขอบคุณพี่ๆมากเลยค่ะ