PharmaCafe.com

พรบ.ยาฉบับใหม่จะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. วีนพุธนี้ครับ
ดูรายละเอียดของร่างพรบ.ยา ได้ที่

http://www.senate.go.th/agenda62-50/23.pdf

วาระการประชุมของ สนช.

http://www.senate.go.th/Secretariat/pro ... d=vi62-50_ nla

อยู่ ช่วงที่  2 เรื่องที่ 16 เสนอโดยท่านผู้หญิงปรียา เกษมสันต์ ณ อยุธยา

ที่เปลี่ยนแปลงมากหน่อยก็คืออนุญาตให้แบ่งบรรจุยาเฉพาะยาที่ขี้นทะเบียบแล้ว
พยาบลและผู้ประกอบวิชาชีพสาขาอื่นสามารถขายยาได้ตามรายการที่รัฐมนตรีประกาศ


ช่วยกันดูนะครับ



[size=100]พรบ.ยา ฉบับใหม่ เข้า สนช.[/size]

ขอบคุณมากที่ช่วยแจ้งให้ทราบ ช่วยติดตาม มีอะไรคืบหน้า บอกให้ทราบด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆ

เภสัชกร...ก็คงต้องเตรียมตัวและปรับตัวสำหรับ พรบ.ยาฉบับใหม่...กันได้แล้วครับ..
ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อฝากบอกมายังเภสัชกรว่า...
ทางร้านสะดวกซื้อยินดีรับเภสัชกรเป็นลูกน้องในอัตราเงินเดือน 15000-20000 บาท ครับ สบายใจได้...มีเท่าไร่รับไม่อั้น....5555+
และงานคุ้มครองผู้บริโภคเตรียมมควบคุมกำกับการขายยา OTC  ในร้านค้าทั่วไปไม่ให้ขายยาอันตรายได้แน่นอน
และที่สำคัญแพทย์ เภสัชกร พยาบาลจะต้องบอกชื่อยาแก่ผู้รับบริการเวลาจ่ายยาทุกครั้ง
อ้อที่สำคัญอย่าลืมขอบคุณเภสัชกรที่ร่วมสร้างวีรกรรมที่น่าชมเชยในครั้งนี้ด้วยนะครับ...
ของขวัญปีใหม่...

พยาบลและผู้ประกอบวิชาชีพสาขาอื่นสามารถขายยาได้ตามรายการที่รัฐมนตรีประกาศ ...ถ้าจะสนุกกันใหญ่คราวนี้ 

แสดงว่า ต่อไปร้านยาจะได้ขายยาในราคาเดียวกันทั่วประเทศ อะดิ

ขอบคุณครับเภสัชกรทุง
ตอนนี้ท่าทางจะมันหยด เพราะมีร่างฉบับประชาชนจะเข้าไปแข่งด้วย
เขาเริ่มเรียก แต่ละส่วนเข้าไปถามความเห็น

ตอนนี้แม้จะมีส่วนภาครัฐ
แต่ทราบว่ามีการนำร่างของภาคประชาชนไปแจกให้ดูด้วย

เมื่อวานผมได้รวบรวมความคิดเห็นบางส่วนที่ชาวPharmacafe ได้เคยแสดงความคิดเห็นไว้
ส่งเป็นประเด็นๆไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำเสนอด้วยแล้วครับ
(รับรองว่าไม่ใช่ส่วน อย ครับ)

ดีครับช่วยๆกันดูหลายๆคน
ตอนนี้อยากระดมความเห็น
ช่วยกันมองหลายๆประเด็นยิ่งดีครับ

กลุ่มแพทย์ ทพ สว และพยาบาล สามารถขายยาให้กับคนไข้ที่ดูแลได้
ออกกฏหมายมาอย่างนี้ เภสัชอย่าไปเปิดร้านยาเลยครับ
เพราะร้านยาจะมีข้อกำหนดมากมาย
แต่ในคลินิคขายยาได้ โดยไม่มีการระบุข้อกำหนดอื่นๆ ใดๆ
ถ้าอย่างนี้ทุกคลินิคโดยทั่วไปจะติดป้ายว่า
"ตรวจรักษาโรคทั่วไป และเฉพาะทาง...."
ก็เสมือนหมายถึงหมอขายยา ขย1 ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
คงท้อแท้กันไปล่ะ เภสัชร้านยา
แล้วที่เคยทำกันไป ทำไปเพื่ออะไรครับ
1. ร้านยาคุณภาพ จะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อไปพบแพทย์กันหมด
2. ที่เคยคิดถึงการแยกการจ่ายยาจากคลินิค ตอนนี้ก็แก้กฏหมายมันซะ ให้ขายยาได้ซะเลย ต่อไปก็อย่าไปว่าเขา จ่ายยาโดยเภสัชกรนั้นจะหายไป
3. ค่าต่อใบอนุญาตของคลินิคแพทย์ คุ้มจะตายเพราะขายยาได้ด้วย

ต่างๆ นั้นคิดกันเองครับ
ไม่มีใครเขาทำอาชีพตัวเองให้แย่ลงเหมือนเภสัชนั้นไม่มีครับ เพราะส่วนใหญ่เขาจะปกป้องอาชีพตนเองอย่างเข็มแข็ง

ู^
^
^
เท่าที่ผมเข้าใจ แพทย์สามารถขายยาได้เหมือนเภสัชอยู่แล้วครับ และสามารถขายยาบางอย่างได้มากกว่าเภสัชด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปรุงยาให้แก่คนไข้เฉพาะที่ดูแลอยู่ได้ด้วย แต่ พรบ.ใหม่นี้จะให้แบ่งบรรจุได้เฉพาะยาที่มีทะเบียนเท่านั้น ส่วนของพยาบาลคงต้องดูรายการยาที่จะประกาศต่อไป

จริงๆ แพทย์ก็มีสิทธิเทียบเท่าและดีกว่า ขย1 มาตั้งนานแล้วครับ อย่าเข้าใจผิด

คุณ API ครับ หากคุณได้เคยดูรายการถึงลูกถึงคนตอนที่เภสัชกับหมอออกรายการถึง 2 อาทิตย์ติดกัน
ในเรื่องการแยกการจ่ายยาออกจากคลินิค
ตอนนั้นทั้งทางฝ่ายหมอและเภสัชก็ให้เหตุผลกันต่างๆ ว่าทำไมถึงต้องควรทำและไม่ควรทำ

ซึ่งหมอจะอ้างว่าเขาไม่ได้ขายยาให้กับคนไข้ที่เข้ามาในคลินิค ยาที่จ่ายให้ก็เพื่อการรักษาไม่ได้เก็บตังค์ค่ายา
และไม่มีใบสั่งแพทย์เพื่อไปรับยาจากร้านยาเลย

นั่นคืออะไรครับ ว่ากฏหมายระบุว่าแพทย์คลินิคสามารถขายยาได้หรือครับ

มาตอนนี้ร่างกฏหมายกลับระบุว่าสามารถขายได้มันซะเลย ไม่ต้องเถียงกันอีกแล้ว
สิ่งที่ไม่เคยพูดได้เต็มปาก ต่อไปก็พูดได้แล้ว
ซึ่งในความเห็นของผม ผมว่าน่าจะแก้กฏหมายให้ทุกคลินิคมีเภสัชกรจ่ายยาจะถูกต้องกว่า หากมองกันที่ประโยชน์ของประชาชนจริงๆ
แต่ โอ้ย.... มันเปลือง แก้กฏหมายให้ขายยาเองได้ดีกว่า กินรวบ!!!

ต่อไปนี้วิชาชีพที่ต้องจ่ายยาโดยเภสัชกรคงจะหายไป เพราะต่อไปคงไม่เห็น นอกจากโรงพยาบาล

คำถามที่ประชาชนจะสงสัยต่อไปก็คือ เภสัชกรจำเป็นต้องจ่ายยาหรือ 

เพราะกินยาแล้วหายเหมือนกัน แล้วมันต่างกันอย่างไร แค่นั้นครับจริงๆ


ที่เราต้องพัฒนาวิชาชีพนั้น หากไม่ได้มีทิศทางให้ตัวเอง มีความชัดเจนในอาชีพ คือเรื่องยาต้องเภสัชกรนั้น ทุกย่างที่ทำผ่านมามันเสียเวลาเปล่าครับ
เพราะทุกวันนี้คิดออกมาต้องเป็นลูกไล่หมอตลอด จนเภสัชกรหลายคนคิดหรือแสดงความเห็นแบบเป็นลูกไล่เขาจนเคยชิน

ถ้าทางเภสัชกรที่ทำงานในสายวิชาชีพยังคิดตามหมอ เภสัชกรอีกหลายหมื่นคนจะไม่มีที่ยืนหรอกครับ
เพราะเรากำลังโดนเขี่ยทิ้งจากผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับ

ถ้าแพทย์หรือทันตแพทย์คิดจะขายยาแข่งกับเภสัชกรแล้วหละก็ ซี้แหงแก๋ครับ
ไม่เชื่อลองโทรไปสั่งยาดีทแฮล์ม หรือ ซิลลิค
แพทย์ ทันตแพทย์ คลีนิค โรงพยาบาล กด1
ร้านขายยา กด2

เพราะprice list มันคนละอันกัน ไม่ต้องบอกนะครับ ว่าใครถูกกว่า

อ่านเรื่องแบบนี้แล้วเครียดเบื่อ ไม่ค่อยอยากจะเข้ามาอ่านเลย







เลิกขายยา เลี้ยงลูกอย่างเดียวดีกว่า 555555555

อยากกด 1 ไปหาหมอมาเเต่งงานด้วยดีกว่า