ขอเสนอความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการไม่มีตำแหน่งเภสัชกรในรพ.ตำบล นะคะ เนื่องจากว่าได้ทำงานอยู่ในอำเภอที่มีรพ.ตำบลแห่งแรกจนรัฐบาลนำมาเป็นนโยบายพัฒนาPCUหรือสถานีอนามัยเดิมให้เป็นรพ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ตามconceptรพ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลจะเป็นการเพิ่มศักยภาพทั้งในด้านสถานที่ บุคลากรและการบริการจัดการให้PCUหรือสถานีอนามัยสามารถให้บริการระดับปฐมภูมิได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยยึดหลักการให้บริการแบบใกล้บ้านเพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องมารับบริการนานที่รพ. แต่เนื่องจากจำนวนบุคลากรในแต่ละวิชาชีพที่มีจำนวนจำกัดเช่นแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร ทำให้ต้องกำหนดให้มี/มีหมุนเวียนไปให้บริการได้ตามความเหมาะสม
บทบาทและหน้าที่ของเภสัชกรในการดูแลรพ.ตำบลที่ได้ทำมาตั้งแต่ปี2545ที่เริ่มมีรพ.ตำบลจนถึงปัจจุบัน จะมีการแบ่งหน้าที่ของเภสัชกรที่ดูแลระบบยาที่รพ.และที่รพ.ตำบลที่ชัดเจน โดยเภสัชกรที่รับผิดชอบคลังยาของรพต.จะทำหน้าที่ดูแลระบบคลังยา บริหารจัดการยา การเบิกจ่ายยาและควบคุมตรวจสอบการใช้ยาของรพ.ตำบลทั้งอำเภอโดยในช่วงแรกที่เริ่มมีรพ.ตำบลทางรพ.ได้จัดให้มีแพทย์ ทันตแพทย์ออกไปตรวจให้บริการ และมีเจ้าพนักงานเภสัชชุมชนออกไปจ่ายยาร่วมด้วย โดยจะหมุนเวียนไปตามรพต.ต่างๆ ต่อมาเมื่อมีรพต.หลายแห่งมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถออกให้บริการได้ทั่วถึง จึงไปเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการจากมีแพทย์ไปออกตรวจเป็นการมีพยาบาลเวชปฏิบัติไปประจำที่รพต.แทนโดยจะให้บริการร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ แต่ในเรื่องระบบยาก็ยังคงจัดระบบเช่นเดิมคือเภสัชกรที่รับผิดชอบคลังยาของรพต.จะทำหน้าที่ดูแลระบบคลังยา บริหารจัดการยา การเบิกจ่ายยาและควบคุมตรวจสอบการใช้ยาของรพต.เพียงแค่ไม่มีเจ้าพนักงานเภสัชกรไปจ่ายยา
ส่วนในกรณีที่ต้องมีการเบิกจ่ายยาที่ต้องมีการควบคุมเป็นพิเศษเช่นยาพวก high alert drug แพทย์จะเป็นคนสั่งยา โดยมีเภสัชกรเป็นผู้จัดเตรียมและจ่ายยาส่วนพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเป็นเพียงผู้มารับยาและจ่ายยาให้ผู้ป่วยตามแพทย์สั่ง
โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าเภสัชกรนั้นมีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพไม่แพ้แพทย์ พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เพราะนอกจากการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแล้วการมียาที่มีคุณภาพและสามารถครอบคลุมทุกโรคในระดับปฐมภูมิได้ ทำให้ชาวบ้านไม่ต้องเข้ามารับยาที่รพ.ก็จะทำให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของรพ.ตำบลมากขึ้น บทบาทของเภสัชกรในรพ.ชุมชนในปัจจุบันถึงแม้จะมีจำนวนเภสัชกรที่มากขึ้นแต่ก็ยังมีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับภาระงาน อีกทั้งเห็นว่าการบริหารจัดการยาในรพ.ยังต้องการผู้มีความรู้ในเรื่องยาและสามารถให้แพทย์consultในเรื่องยาได้ส่วนการบริหารจัดการยาในรพต.นั้นถ้าได้จัดระบบในการดูแลระบบคลังยา บริหารจัดการยา การเบิกจ่ายยาและควบคุมตรวจสอบการใช้ยาของรพ.ตำบลให้มีแนวทางและการปฏิบัติที่ชัดเจนก็ไม่จำเป็นต้องมีเภสัชกรไปประจำที่รพต.เพราะตามศักยภาพของเภสัชกรนั้นน่าจะดูแลระบบทั้งหมดมากกว่าไปประจำและบริหารจัดการเฉพาะยาในระดับปฐมภูมิซึ่งพยาบาลเวชปฏิบัติหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพอจะมีความสามารถที่จะเข้าใจและใช้ยาให้เหมาะสมได้
ในส่วนวิชาชีพของทันตแพทย์ คิดว่าทันตแพทย์ในรพ.ชุมชนส่วนใหญ่เข้าใจถึงconceptของรพ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ที่ต้องการให้บริการในระดับปฐมภูมิดังนั้นการมีทันตาภิบาลที่มีความสามารถทั้งในด้านการรักษาและการส่งเสริมป้องกันก็เพียงพอสำหรับการให้บริการในรพต.ที่เป็นระดับปฐมภูมิแต่ถ้าต้องให้การรักษาในระดับที่เกินศักยภาพของรพต.ก็สามารถส่งต่อให้ทันตแพทย์รักษาต่อที่รพ.ชุมชนต่อไป......
