PharmaCafe.com

มีจังหวัดหนึ่งคะ (และอาจมีอีกหลายจังหวัด) พยายามจัดเรทร้านยา โดยให้อาสาสมัครไปตรวจสอบว่าเภสัชกรอยู่ตามที่แจ้งไว้ไหม แล้วก็จะมาออกไปรับรองว่าเป็น "สีขาว" อันนี้ก็ดีละคะ .... ถ้ามันตรงไปตรงมาจริงตามที่แจ้งนะคะ .... แต่โีครงการนี้กำลังบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่คะ ... เพราะจะไปรับรอง "ร้านยา" ว่า "สีขาว" จากการมาปฏิบัติงานของเภสัชกร .... แต่ไอ้ที่ขายยาอันตรายนอกเวลาที่เภสัชกรไม่ได้แจ้งไว้ละคะ ใครรับผิดชอบว่าสีขาว ... กะอีแค่นี้ก็จัดการกันไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่จัดการได้ง่ายกว่าจัดการกับเภสัชกรโสเภณีแขวนป้ายอีก แต่ไม่ทำกัน แปลกนะคะ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค ... ต้องรอให้ผู้บริโภคมาแจ้งหรือคะ ว่าคนขายยาไม่ใช่เภสัชกร ...จ้างให้ล้านหนึ่งก็ไม่มีหรอก ประชาชนเขาไม่รับรู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร ... คนรับผิดชอบก็สบาย ตามน้ำคะ ... ก็ไม่มีใครมาแจ้งนี่คะ .... แต่จะไปล่อซื้อก็ไม่เห็นจะทำ ... ทั้ง ๆ ที่ทำได้ และก็ทำกับเภสัชกรตัวจริงมาแล้วกับยาควบคุมพิเศษบางกลุ่ม นะคะ ... ก็เป็นให้ตลอดนะคะกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ... ทั้ง ๆ ที่พวกคุณมีอำนาจอยู่ในมือ สามารถปรับเปลี่ยนกฎได้ ทำให้คุณทำงานง่ายขึ้น แต่คุณก็ไม่ทำกันอีก ....

อย่างนี้ดิฉันขอร้องเลยละคะ ช่วยให้ใบรับรองเภสัชกรในกลุ่มงานของคุณหน่อยได้ไหมคะ ว่า สีขาว สีเทา หรือ สีดำ อ้อ รวมทั้งเภสัชกรโรงพยาบาลของรัฐที่เป็นเจ้าพนักงานแล้วเปิดร้านยาให้ใครต่อใครขายยาอันตรายตอนที่ไม่อยู่ด้วยนะคะ ช่วยแสดงตัวหน่อยว่าตัวเอง สีอะไร จะได้เท่าเทียมกัน ... อย่าทำตัวเป็นชนชั้นสูงหน่อยเลยคะ ดิฉันรู้สึกไม่ใคร่ดี ที่เจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติละเมิดกฎหมายเสียเอง ... หรือมันเป็นวัฒนธรรมของประเทศนี้คะ ... ถ้าเช่นนั้นดิฉันก็เห็นกลียุคของบ้านเมืองอยู่รำไรละคะ ก็ดีคะ ... ถึงวันนั้นพวกเราก็จะเท่าเทียมกันเอง คือ พินาศวอดวายกันทุกทั่วตัวคน ดีคะ ดีจริง ๆ

อย่าให้พวกเภสัชกรร้านยาร้อยเปอร์เซนต์ที่ทำงานโดยสุจริต ปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ เป็นเด็กดีมาโดยตลอด อดรนทนไม่ได้นะคะ ถ้าพวกดิฉันรวมตัวกันออกสื่อได้เมื่อไร ดิฉันว่า ป.ป.ช. หรือ D S I อาจจะสนใจพวกดิฉันก็ได้นะคะ ....

ป.ล.โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกคะ นอกจากความดี และความจริงใจ ....ถ้าใครคิดว่าจะเสพสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ก็เชิญตักตวงกันโดยเร็วนะคะ ถ้าโลกไม่แตก ก็ติดคุกกันหัวโตละคะ บ๊าย บาย

กด Like ครับ,

อ่านแล้วนึกถึงคำๆหนึ่งนั่นคือ.." เงื้อง่าราคาคุย !!" ครับ





ปล.
ช่วยกันด่า ช่วยกันบ่นเถอะครับ
(คำว่าด่าเป็นคำที่ใช้เมื่อเกิดการทำผิดขึ้นมาแล้ว
ส่วนถ้าใครที่ไม่ทำผิดโดยทั่วไปจะไม่ใช้คำว่าด่า อาจจะใช้คำว่าปรักปรำแทน),

แม้ด่าแล้ว บ่นแล้ว พวกตีนลอยทั้งหลายจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร...มันก็ยังจะมีตัวอักษรบันทึกความจริงไว้ในโลกนี้ ซึ่งก็จะส่งผลให้มีความผิด ความชั่วร้าย ติดอยู่ในใจของพวกนี้อยู่ไปจนตาย....ถ้ายังไม่ยอมทำสิ่งที่ถูกต้อง

ในจังหวัดดิฉันก็มีแบ่งสีขาว สีเทา สีดำ ค่ะ
แต่ สสจ. ไม่ยอมบอกนะคะ ว่าร้านไหนสีอะไร ปล่อยให้ร้านแต่ละร้านเดาเอาเองละกัน
ร้านบางร้าน อาจจะอยู่ในกลุ่มสีขาว แต่ฉากหลังเป็นสีดำ เราจะทำอะไรได้บ้างล่ะคะ
แต่ถึงแบ่งมาแล้ว ก็ไม่เห็นจะทำอะไรเลยค่ะ

แล้วอย่างนี้ จะแบ่งกันทำไมคะ
น่าจะมี action อะไรบางอย่าง เช่น ประกาศในที่ประชุมเลยสิคะ ว่าร้านไหนสีดำ เอาให้เจ้าของร้านนั้น เสียหน้ากันกลางที่ประชุมเลยค่ะ
มาประชุมทีไร ร้านตัวเองก็อยู่สีดำทุกที ดูซิ จะมีการพัฒนาอะไรบ้างมั้ย
ไม่ใช่เรียกประชุมทีไร ก็ขอความร่วมมือกันทุกครั้ง ร่วมกันหาทางออกกันทุกครั้ง พอออกจากห้องประชุมปุ๊บ ทุกอย่างก็เหมือนเดิมปั๊บ
แล้วอย่างนี้ จะมานั่งเสียเวลาประชุมกันทำไมคะ

สุดท้าย..ก็ยังอยากเห็นสิ่งที่เรียกว่า การบังคับใช้มาตรการต่างๆนาๆที่ออกมากันตั้งเยอะแยะ ให้เห็นว่า มาตรการเหล่านั้นมันเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับสังคมค่ะ

ทำงานเอาหน้ากันทั้งนั้นแหละคะ มาตรการแบ่งสีเหล่านี้นะ บางที่อาจเอาเลื่อนข้งเลื่อนขั้นได้นะคะ ผลงานชิ้นโบว์แดงงงงงงง
มันก็ขนมพอสมน้ำยากันในแต่ละจังหวัดละคะ น้องแอนว่า ... ถ้าหัวมันไม่ส่าย หางมันก็ไม่กระดิกตามหรอก คงทราบนะคะว่าน้องแอนหมายถึงใคร ... แทนที่จะทำงานเพื่อปกป้องประชาชน แต่คนของรัฐส่วนใหญ่เขาทำงานเพื่อตัวเองกันทั้งนั้้่นแหละคะ อย่าไปหวังอะไรเลย ...
ป.ล.ประเดี๋ยวน้องแอนจะแต่งเรียงความสำหรับส่ง ป.ป.ช. มาให้พี่ ๆ น้อง ๆ ช่วยกันคอมเมนต์ก่อนส่งให้ ป.ป.ช.นะคะ เพื่อตกประเด็นสำคัญ ...

เอ้อ คะ น้องแอนลืมไปอีกประเด็น
คือ น้องแอนไม่เข้าใจจจจจ เลยว่า ทำไม กลุ่มงานคุ้มครอง เขามานั่งทำโครงการปัญญาอ่อนนี่กันทำไมคะ เอาเวลาที่นั่งคิดโครงการกับเวลาที่นั่งร่างหนังสือถึงร้านยา 1 ฉบับต่อวันไปออกพื้นที่เพื่อบังคับใช้กฎหมายให้มันทำงานเสียก่อนเถอะคะ อันนั้นหน้าที่ตาม job ไม่ใช่เหรอคะ ย้ำนะคะ ทำไม่ได้ทำไมไม่ลาออกตั้งแต่หัวยันหางละคะ เมื่อข้าราชการไม่มีประสิทธิภาพแล้วจะมานั่งแ้ก้ตัวอะไรกันอีก ... อย่ามาอ้างว่าเดี๋ยวร้านยาเขาจะรำคาที่ออกตรวจบ่อย ๆ ไม่รำคาญคะ ถ้าทำจริง ทำตรงไปตรงมา และมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะนั้นคือการมีมาตรฐานเดียวในการปฏิบัติงาน ... อย่ามาอ้างว่าคนไม่พอด้วยคะ เพราะไม่จริง การออกพื้่นที่สุ่มตรวจ มีวิธีการหลากหลาย ไม่จำเป็นต้อง dump คนคะ กลยุทธ์มีเยอะคะ ถ้าไม่รู้ก็ไปถามหัวหน้าดูก็ได้คะ เพราะหัวหน้าต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาแล้วก่อนรับตำแหน่ง ถ้าหัวหน้าช่วยไม่ได้ ก็ลาออกไปด้วยกันด้วยเหตุผลข้าราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกันได้เลยคะ ... ไม่ทราบว่าจะอ้างอะไรอีกคะ ... เพราะน้องแอนกับคนหลาย ๆ คนเคยตั้งคำถามมานานแล้ว่า อยากทราบเหตุผลที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ... ก็ไม่มีใครเฉลยคะ ... น้องแอนก็เลยต้องคิดเอาเองด้วยสิทธิของประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่เสียภาษีอากรไปจ้างพวกท่านมาทำงาน ....

เอาละคะ น้องแอนแน่ใจแล้วว่า โครงการแบ่งสีนี้ก็คือโครงการย้อมแมว ดี ๆ นี่เอง
ไม่แก้ปัญหาแล้วยังหมกปัญหาอีกคะ ในเมื่อเล่นแรงแบบนี้ ก็ระวังนะคะ จะโดนแรง ๆ บ้าง อาจหมดอนาคตกันไปเลยทีเดียว หาอาชีพสำรองกันไว้หรือยังคะ เปิดร้านยาก็ได้นะคะ ถ้าไม่รังเกียจ

เดาเอาว่า จขกท. จุดประเด็นมาจากการที่ สสจ.หลายแห่ง กำลังดำเนินโครงการร้านยาสีขาว
ซึ่งผมว่ามันเป็นแค่โครงการ/กิจกรรมที่คิดมาเพื่อช่วยส่งเสริมสนับสนุนฯ...ประเด็นการมีเภสัชกรอยู่ประจำร้านตามเวลาทำการ เท่านั้นเอง
(ไม่น่าจะจัดเป็นโครงการปัญญาอ่อนอย่างที่ จขกท.ว่านะครับ)

กระบวนการในการตรวจสอบ มีทั้งโทรไปคุยกับเภสัชกรประจำร้าน NGO ออกไปตรวจสอบโดยการซื้อยา และการที่เจ้าพนักงานจาก สสจ.
ออกไปตรวจเยี่ยม... ประเด็นการรับรองและจะขึ้นป้ายโฆษณาว่าเป็นร้านยาสีขาวนั้น คณะกรรมการของจังหวัดหนึ่ง(เผอิญผมเป็นคณะกรรมการ)
ก็คุยกันอยู่ว่า อาจจะไม่เหมาะสมเพราะประเด็นอื่นๆเรื่องการขายยาอื่นๆที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาด้วย

ดังนั้น
ผมเห็นว่า .....โครงการนี้ก็แค่กิจกรรมที่จะกระตุ้นให้เภสัชแขวนป้ายบางคนรู้สึกกลัวๆขึ้นมาบ้าง เท่านั้นเอง
ผมไม่เห็นว่า ......เภสัชที่อยู่ตามเวลาทำการแล้ว จะต้องกลัวอะไร หรือโวยวายอะไร

ประเด็นร้านยาแขวนป้าย หรือเภสัชอยู่บ้างบางเวลา ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมก็เห็นว่าเป็นปัญหาเรื้อรังเช่นกันนะครับ
ปล.ร้านผมเปิดเฉพาะตอนเภสัชอยู่ อีกสองร้านใกล้ๆกันขายทั้งวันโดยใครก็ไม่รู้

...

sitaya เขียน:เดาเอาว่า จขกท. จุดประเด็นมาจากการที่ สสจ.หลายแห่ง กำลังดำเนินโครงการร้านยาสีขาว
ซึ่งผมว่ามันเป็นแค่โครงการ/กิจกรรมที่คิดมาเพื่อช่วยส่งเสริมสนับสนุนฯ...ประเด็นการมีเภสัชกรอยู่ประจำร้านตามเวลาทำการ เท่านั้นเอง
(ไม่น่าจะจัดเป็นโครงการปัญญาอ่อนอย่างที่ จขกท.ว่านะครับ)

กระบวนการในการตรวจสอบ มีทั้งโทรไปคุยกับเภสัชกรประจำร้าน NGO ออกไปตรวจสอบโดยการซื้อยา และการที่เจ้าพนักงานจาก สสจ.
ออกไปตรวจเยี่ยม... ประเด็นการรับรองและจะขึ้นป้ายโฆษณาว่าเป็นร้านยาสีขาวนั้น คณะกรรมการของจังหวัดหนึ่ง(เผอิญผมเป็นคณะกรรมการ)
ก็คุยกันอยู่ว่า อาจจะไม่เหมาะสมเพราะประเด็นอื่นๆเรื่องการขายยาอื่นๆที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาด้วย

ดังนั้น
ผมเห็นว่า .....โครงการนี้ก็แค่กิจกรรมที่จะกระตุ้นให้เภสัชแขวนป้ายบางคนรู้สึกกลัวๆขึ้นมาบ้าง เท่านั้นเอง
ผมไม่เห็นว่า ......เภสัชที่อยู่ตามเวลาทำการแล้ว จะต้องกลัวอะไร หรือโวยวายอะไร

ประเด็นร้านยาแขวนป้าย หรือเภสัชอยู่บ้างบางเวลา ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมก็เห็นว่าเป็นปัญหาเรื้อรังเช่นกันนะครับ
ปล.ร้านผมเปิดเฉพาะตอนเภสัชอยู่ อีกสองร้านใกล้ๆกันขายทั้งวันโดยใครก็ไม่รู้

ขอบพระคุณคะที่แสดงความคิดเห็น แลนะคิดบวก

แต่ดิฉันขอคิดลบต่อไปคะ เพราะดิฉันคิดว่าโครงการนี้เป็นการย้อมแมว เป็นการฟอกตัวให้ร้านที่มีเภสัชกรไม่เต็มเวลาที่เปิดทำการ กับแค่เภสัชกรมาตามเวลาไม่กี่ครั้งก็ผ่านแล้ว พอไปรับรองว่าเป็นร้านยาสีขาว ก็เป็นการแอบแฝงบอกว่าร้านนี้ดี โดยที่นอกเวลายังขายยาอันตรายโดยบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายอยู่ ดิฉันคิดผิดไหมคะ หรือดิฉันมองโลกในแง่ร้าย ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริงคะ ช่วยตอบหน่อย

แล้ววัตถุประสงค์ คือ แก้ปัญหาของตัวบุคคล คือ เภสัชกรโสเภณีแขวนป้าย ใช่ไหมคะ แล้วไม่ทราบว่าจะไปรับรอง "ร้าน" เพื่ออะไรคะ รับรองตัวเภสัชกรสิคะ ว่าได้ฟอกตัว เอ๊ย ได้ปรับตัวเป็นแม่ชีทุศิลแล้ว

ก็ดีนะคะ ได้เป็นกรรมการ ก็ช่วยดำเนินการตรวจสอบให้โปร่งใสด้วย จะเป็นพระคุณแก่จังหวัดของท่าน

บางเรื่องเราไม่ควรหมกเม็ดคะ ไม่ต้องอลุ่มอล่วย ไม่เช่นนั้นปัญหามันก็แก้ไม่ได้ตรงจุด เสียเวลาคะ เปลืองงบประมาณด้วย

ป.ล.ไม่เคยกลัวคะ เพราะทำถูกต้องมาตลอด เรียนแล้วไงคะว่า เจ้าพนักงานตัวจริงจะมาตรวจบ่อยแค่ไหนก็ไม่หวั่น ขอให้ทำจริง ยุติธรรม ไม่หมกเม็ด แค่นั้น ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปหาคนอื่นมาตรวจสอบหรอกคะ ดิฉันถามจริงนะคะว่า จริงไหมคะว่าคนเลว ๆ เขาก็ไม่เห็นกลัวเจ้าพนักงานตัวจริงกันเลย ม่ายงั้นปัญหามันจะคาราคาซังมาจนถึงบัดนี้หรือคะ แสดงว่าเขาก็มีอำนาจมืดพอสมควร หรือไม่เจ้าพนักงานก็สีเทาเสียเอง จริงไหม่คะ แล้วกะอีกแค่อาสาสมัครมาตรวจสอบ เขาจะกลัวหรือคะ ดิฉันถึงว่าโครงการมันปัญญาอ่อนไงคะ เสียเวลาทำ

ตอนแรกผมคิดว่า จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการ ก็ยังดีกว่าจังหวัดที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
หลังๆมายิ่งได้รับทราบข้อมูลอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น
บางจังหวัดเข้าร่วมโครงการ แบบหน้าไหว้หลังหลอก บางจังหวัดเข้าร่วม เพื่อกำจัดคู่แข่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำผิด แต่มีอำนาจอยู่ในมือ

ตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดตัวเอง ที่ดันทะลึ่งไป รู้เรื่องพวกนี้ของพวกเรามากเกินไป แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รับฟัง

apotheker เขียน:ตอนแรกผมคิดว่า จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการ ก็ยังดีกว่าจังหวัดที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
หลังๆมายิ่งได้รับทราบข้อมูลอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น
บางจังหวัดเข้าร่วมโครงการ แบบหน้าไหว้หลังหลอก บางจังหวัดเข้าร่วม เพื่อกำจัดคู่แข่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำผิด แต่มีอำนาจอยู่ในมือ

ตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดตัวเอง ที่ดันทะลึ่งไป รู้เรื่องพวกนี้ของพวกเรามากเกินไป แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รับฟัง

คราวก่อนบอกให้ลงกรรมการ ไม่ยอมลง ทำอะไรไม่ได้เลยเห็นใหม (ว่าแต่ทั่นเจ้าขุนมูลนายที่สัญญาอะไรไว้หายไปใหนหมด ก่อนเลือกก็อย่าง ไหงพอเลือกเสร็จเรื่องเงียบจ้อยเหมือนมิได้มีไรเกิดขึ้น)

เพิ่งได้ต้อนรับขับสู้ เมื่อตอนกลางวันนี้เองครับ....
"ไม่ได้มาตรวจนะ อิ อิ "...แหม่คุณพี่มากับรถตู้อาหารและยา +ชุดฟอร์มเต็มสูบ ผมก็มีเกร็งๆบ้างสิครับ

วงการนี้ (คงทราบนะคะว่าวงการไหน) เขาเป็นเช่นนี้กันมานานแล้วละคะ แล้วก็ถ่ายทอดพันธุกรรมต่อ ๆ กันมา
ดังนั้นปัญหาเมื่อสามสิบปีที่แล้วก็ยังคงอยู่ และหนักยิ่งกว่าเดิมคะ เพราะบริบทมันทั้งกว้างและลึกขึ้นมาก
แล้วยิ่งมาทำงานแบบหมกเม็ดปัญหาอย่างนี้ ก็ไม่เหลือหรอกคะ ....
กลยุทธ์แหกตาเนี่ย ... เขาฝึกกันมานานแล้วคะ ....
ว่าง ๆ ไปหาหนังสือ " ถ้าข้าพเจ้ารู้ธรรมะ คงไม่ต้องติดคุก " ของพระรักษ์เกียรติ สุขธนะมาอ่านบ้างนะคะ

"คนเคยเลวเคยชั่วแล้วกลับใจไปทำความดี ยังดีกว่า คนเลวคนชั่วที่ไม่สำนึกแล้วถูๆไถๆอยู่ในสภาพเดิมๆไปวันๆ " ...

กลับตัว กลับใจ ปรับปรุงตัวก็ยังทันค่ะ ยังพอมีเวลา คงอีกสักพัก เพราะกระบวนการมันยาวพอสมควรตามประสาราชการไทย
แต่กรรมที่ทำกันมา คงเลี่ยงไม่พ้นนะคะ จะโดนเบาหรือหนักก็แล้วแต่กรรมค่ะ
โชคดีนะคะ ... แต่ถ้าจะวิ่งขาขวิดกัน ก็สืบเสียก่อนนะคะ ว่าเรื่องเข้าใคร ทางไหน ....จะได้ไม่เสียเวลาเปล่า บ๊าย บาย

คนไทย ไม่ชอบทำตามกฎหมาย ก็ยังงี้แหละ มักหาอะไรมาทำเหมือนศรีธนนชัย ไม่ใช่แต่วงการเภสัชหรอก ทุกวงการแหละ อย่างหมวกนิรภัย ยังมีการรณรงค์ให้สวม ทั้ง ๆ ที่เป็นกฎหมายต้องสวม ประเทศเราถึงไม่เจริญไงครับ หรือที่เขาว่าจะจริง "ประเทศไทยมีดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวมีคนไทยอาศัยอยู่"