หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 23 เม.ย. 2011, 22:30
โดย kohboy
จริงๆนะ...
พวกเรานี่สามารถถูก classified ได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ฉลาดกลุ่มหนึ่ง,
..เรามีความรู้,
..เราพอตัว,
..เราเป็นวิชาชีพ
..เรายืนอยู่ได้บนลำแข้งของตัวเอง ( we can stand on our own feet ),
..
..เราไม่ได้โง่โดยสันดาน ( พูดอีกอย่างคือ เภสัชกรไทยเป็นกลุ่มคนที่สามารถแสดงตนว่าเป็นฉลาดได้ตลอดเวลานะ จะบอกให้!!)







แต่บางครั้งเราก็โง่ได้ เพราะเภสัชกรยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน "



ดังนั้น..ถ้าบางครั้งเราเผลอเรอโง่ไปบ้าง เราก็ต้องยอมรับความจริง..
..แล้วตั้งใจ และมีสติดูแลตัวเองว่า "ต่อไปเราจะไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นอีก" !!

:exclaim: :biggrin:








ปล.
เกาะบอยขอเปิดกระทู้อีกซักเรื่องเพื่อเขียนถึงเภสัชกรไทย
ครับ
idea:

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 24 เม.ย. 2011, 10:34
โดย blacksmithday
ปูเสื่อรอฟัง

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 24 เม.ย. 2011, 15:57
โดย mingrx19
เคยมีวิศวะกรคนหนึ่งมาซื้อยาที่ร้าน
เค้าถามเราว่า เราคือเภสัชกร เหรอ
เราตอบไปว่า ใช่
เค้าเลยถามต่อว่า จบมากี่ปีแล้ว
เราตอบไปว่า 5-6 ปีแล้ว
เค้าถามต่อไปว่า จบมา 5-6 ปีนี่ ผลิตยาได้ซักตัวมั้ย
เราก็อึ้งไป....3 วินาที...แล้วตอบว่า ผลิตไม่ได้ค่ะ

เค้าถามต่อว่า เค้าไม่เข้าใจว่า ทำไมโรงงานยาในประเทศไทย ถึงต้องสั่งเคมียาจากต่างประเทศ แล้วมาตอกเม็ดยาขายในประเทศ
แล้วทำไม เภสัชกรไทยไม่สามารถที่จะผลิตเคมียาขึ้นมาเอง
ดูอย่างอินเดียสิยังผลิตเคมียาเองได้เลย แล้วเทคโนโลยีของไทยก็ไม่ใช่ว่าด้อยกว่าประเทศอินเดีย แล้วทำไม ประเทศไทยถึงผลิตเคมียาเองไม่ได้
ไม่ต้องอะไรมาก ผงยา amoxy ampi tetra ไม่ต้องไปค้นคว้าวิจัยใหม่ เพราะมันเป็นสิ่งเรารู้มานานแล้ว
หัวใจหลักของวิชาชีพเภสัชกรรม คือ ผลิตยา มิใช่เหรอ บลาๆๆๆ

เราก็อึ้งไปอีก 3 วิ... (เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง)

เค้าเลยพูดต่อว่า ถ้าเภสัชกรไทยสามารถผลิตเคมียาเองขึ้นมาได้ จะช่วยประเทศไทยได้มากเลย
1. ลดการนำเข้า 2. เผลอๆอาจจะส่งออกไปต่างประเทศได้อีกด้วย
ถ้าเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นเนี่ย ประเทศไทยตายก่อนเพื่อน เพราะประเทศอื่นๆก็คงงดส่งออกเคมี
แล้วประเทศไทยก็จะไม่มียาใช้ เพราะไม่มีเคมี
ทุกวันนี้ เภสัชกรไทยหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ยา ซึ่งผมมองว่า มันเป็นแค่เศษความรู้

(โอ้โห..หน้าชาค่ะ เหมือนโดนรองเท้าลูกค้ากระทืบใส่หน้า)

พอลูกค้าคนนี้เดินออกจากร้านไป เราก็มานั่งคิดถึงคำพูดของเค้า
ตอนแรกยอมรับเลยว่า ตาลูกค้าคนนี้มันบ้า แอบไม่พอใจมากๆ แต่พอมาคิดตามคำพูดของเค้าดีๆ โดยไม่ได้มีอคติ
เค้าก็พูดถูก ตอนเรียน เราแทบจะไม่รู้เลยว่า ไอ้ผงยาที่เรานำมาหัดปรุงยา มาตอกเม็ดยานั้น มาได้ยังไง มาจากไหน
เป็นไปได้อย่างไร ที่เภสัชกรไทย ผลิตยาไม่ได้
แอบตำหนิตัวเองอยู่เล็กน้อย ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเภสัชกรเสื่อมเสีย ด้วยเหตุผลที่ว่า "ผลิตยาไม่เป็น"

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 24 เม.ย. 2011, 17:45
โดย zartingtong
ตอกกลับไปซีครับ

ว่าไทยเราผลิตรถยนต์โดยออกแบบเอง ออกแบบเครื่องยนต์เอง ได้ซักคันหรือเปล่า

ทุกวันนี้คิดจะทำอะไรเองทั้งหมดแล้วแข่งกับขาใหญ่ไม่ใช่ง่ายๆครับ ถึงทำไปก็ขายสู้เค้าไม่ได้

อย่างแนวความคีดการผลิตรถยนต์แห่งชาติเคยคิดแบบชาตินิยมว่าเป็นเรื่องดีมาก แต่ปัจจุบันยอมรับกันแล้วว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูก
แม้แต่ไต้หวันเองก็ยอมรับว่าทำให้การแข่งขันด้านการผลิตรถยนต์ของไต้หวันกลับล้าหลังเพราะการปกป้องอุตสาหกรรมผูกขาดรถยนต์ของตนเป็นเวลานาน แนวความคิดของการพัฒนาปัจจุบันจึงเป็นโลกานุวัตรต่างจากสมัยก่อน ถ้าทำไปแล้วกลับทำให้การแข่งขันด้านเศรษฐกิจแย่ลงก็ไม่ควรทำ
อีกอย่างการลงทุนผลิตเคมียาคงไม่ใช่เรื่องของเภสัชกรพวกเดียวแต่ใหญ่กว่นั้นมากรวมทั้งพวกวิศวะด้วยหรือคิดว่าเภสัชมีปัญญาไปทำเครื่องจักรผลิตเคมีภัณฑ์วิศวะต่างหากที่ทำ แต่ถ้าทำแล้วไม่กำไรหรืออยู่ไม่ได้นั่นคือปัญหาที่ไม่มีใครลงทุนนั้น

โรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ปัจจุบันทางยุโรปหลายๆอย่างเค้าถือเป็นอุตสาหกรรมทำลายสิ่งแวดล้อมครับให้ย้ายไปประเทศโลกที่ 3

อีกอย่าง เภสัชกรผลิตยา ต่อไปก็อาจสูญพันธุ์ ตามที่เภสัชกรช่างฝันสติเฟื่องท่านได้คิดไว้ :redface:
ไม่เชื่อดูไปที่อุบลซีครับ เลิกสอนผลิตยาไปแล้วตามแนวทีใครไม่รู้วางไว้ตามแนวของอเมริกันว่าเภสัชไม่มีหน้าที่ผลิตยาอีกต่อไปแล้ว

แม้แต่อุตสาหกรรมยาไทยแผนโบราณก็อาจไม่เหลือเมื่อไปรับมาตรฐานของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยาที่เจริญแล้วที่ไม่ต้องการให้ประเทศโลกที่ 3 ผลิตยาเองไม่ว่าแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณซึ่งระบุให้โรงงานแผนโบราณในไทยที่ไม่ผ่านมาตรฐานของเขาก็ต้องปิดไปด้วย (อืมอันนี้ชักเชื่อว่าโง่แฮะ)

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 24 เม.ย. 2011, 18:20
โดย white-blue
เคยเจอแต่ คนโง่ ที่คิดว่าตัวเองฉลาด และก็พูดแสดงความโง่ เรียกว่า โชว์โง่ ให้คนอื่นเค้าเห็น และดูแคลนวิชาชีพ

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 24 เม.ย. 2011, 19:32
โดย apotheker
ประเทศที่รีเสิร์ชยากันโครมๆเภสัชก็ไม่ได้ผลิตยากันได้ทุกคนหรอกครับ
ส่วนน้อยด้วยซ้ำที่ผลิตยาได้
แล้วการจ่ายยา ก็ไม่ได้เป็นกากความรู้ซักหน่อย
ไม่งั้นประเทศพัฒนาแล้วเค้าคงไม่เสียเงินจ้างเภสัชมาจ่ายยาหรอก คงให้หมอตี๋จ่ายยาแบบบ้านเราไปแล้ว

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 เม.ย. 2011, 06:17
โดย pongpet
ทุกท่านตอบมาต่างก็มีเหตุผลครับ แต่มีอยู่จุดนึงที่อ้างอิงผิดที่บอกว่า ม.อุบลยกเลิกการสอนผลิตยาแล้ว อันนี้ไม่จริงนะครับ ยังสอนอยู่เหมือนเดิม เพราะผมเพิ่งจบมาปีนี้ครับ และโหดพอควรนะครับเพราะยาที่ผลิตแล้วแต่ละคนต้องชิมต่อหน้าถึงจะผ่าน (ยากินนะ) อันนี้ยืนยัน

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 เม.ย. 2011, 09:11
โดย zartingtong
เริ่มจากปีการศึกษา 2552 เป็นต้นไป คณะเภสัชศาสตรจะเปิดรับนักศึกษาภาคปกติ เฉพาะ หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต (ฉบับปรับปรุง) พ.ศ. 2551 ซึ่งมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปี หลักสูตรนี้เน้นการพัฒนานักศึกษาให้มีความรู้ ทักษะและความเชี่ยวชาญด้านงานบริบาล เภสัชกรรม ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของวิชาชีพเภสัชกรรมใน ประเทศและสากล ซึ่งเภสัชกรได้พัฒนาบทบาทและความรับผิดชอบในงานบริบาลเภสัชกรรม คือการให้คำปรึกษาแนะนำ การวางแผน การติดตามและประเมินผล การใช้ยาของผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยสามารถทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพอื่น โดยเฉพาะแพทย์และ พยาบาล เพื่อให้การใช้ยาในผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงสุด
http://www.phar.ubu.ac.th/component/option,com_wrapper/Itemid,371/
.................................................
kovitwpunya เขียน:
แวะไปถามน้องๆมา ได้คำตอบว่า มีเฉพาะการบริบาลทางเภสัชกรรมครับ เป็นหลักสูตร 6 ปี
.................................................
เลิกสายเกี่ยวกับทางการผลิต อาจมีสอนในภาควิชาใช่ไหมครับ แต่ไม่เน้น สำหรับสายที่ไปทำอุตสาหกรรมจริงคงจะเลิกมังครับ?
.................................................
อีกอย่างพวกผลิตเคมีพวกใช้เยอะในยุโรปเดิมไทยรับจาก อิตาลี สเปน ตอนนี้เจ๊งเพราะ อินเดียกับจีนเป็นระนาว แถมหลายๆอย่างก็เลิกไปเพราะไม่ผ่านเรื่องสภาพแวดล้อมอย่างโรงงานพวกซัลฟากับไวตามินบางตัว พวกวัตถุของที่ถามๆมาอินเดียนี่ถูกกว่ากัน 3-8 เท่า แถมเดิมคุณภาพไม่ดีตอนนี้บางโรงงานเห็นคุยกันบอกว่าคุณภาพดีมากดัวย

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 เม.ย. 2011, 12:20
โดย kohboy
จริงๆแล้ว คำว่า "ฉลาด" ไม่ได้เป็นคำเดียวกับคำว่า "มีความรู้ความสามารถ" ซะทีเดียว!
หรือพูดอีกอย่างก็คือ "คนไม่รู้" หาใช่คนๆเดียวกับ "คนโง่" เสมอไปไม่!

วิดวะที่มาคุยกับหมิ่ง,
นั่นเป็นคุยในประเด็นของความรู้ความสามารถ ครับ
จึ่งไม่ใช่เรื่องความฉลาด

ไม่มีใครมีความรู้ความสามารถในทุกแขนงของวิชาชีพของตนหรอกครับ,
วิดวะเองก็มีตั้งหลายแขนง..
..ซึ่งหากเราตั้งใจจะเถียงกลับไป เราก็เถียงในเรื่องการทำไม่ได้ ไล่ประเทศที่เจริญเค้าไม่ทัน ในหลายเรื่องของวงการวิศวกรรมไทยได้เหมือนกัน ซึ่งเถียงไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องซีเรียสกับเรื่องนั้นครับหมิ่ง



เภสัชฯเราก็เหมือนกัน,
ก็ต้องยอมรับหละครับว่า เราไม่ได้มีความรู้ความสามารถในทุกแขนงของเราหรอกครับ,
เช่น
..อาจารย์เภสัช, อาจไม่เก่งเรื่องจ่ายยา
..คนอยู่ร้านยา, ก็ไม่เก่งเรื่องทำยา ( แถมจริงๆแล้วก็ไม่ได้เก่งไปทุกเรื่องของการจ่ายยาด้วยซ้ำ เก่งเป็นบางเรื่อง บางโรคแค่นั้นแหละ!!),
..,

:cool:










ปล.
ไอ่พวก "กากเกรียน" ที่ไม่พัฒนาในการโพสท์ข้อความในเวปบอร์ด ที่เอาแต่คอยจ้องหาเรื่อง, กระแนะแระแหนชาวบ้าน, โพสท์ข้อความให้เจ้าของกระทู้อารมณ์เสียต่างหาก ที่จัดได้ว่าเป็นพวกโง่
คนเค้ากำลังจะคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวซะหน่อย, กลับมาชักใบให้เรือเสียซะนี่..เดี๊ยะ!..เดี๋ยวเรียก "ไอ้ควาย!!" ซะเลยนี่
:evil:

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 เม.ย. 2011, 12:43
โดย zartingtong
การผลิตเคมีภัณฑ์ของยา เกือบจะไม่ใช่เรื่องของเภสัชกรโดยสิ้นเชิงเลยครับ มีแค่ตอนผลิตเสร็จแล้วต้องมารับประกันคุณภาพให้ตรงตามเภสัชตำรับเท่านั้น สำหรับการผลิตก็อาจต้องมีเภสัชกรไปควบคุมตามกฎหมายไทย แต่ต่างประเทศไม่ใช่

ความรู้ในการควบคุมระดับการสังเคราะห์ใหญ่ๆอย่างเคยไปดูมาเป็นเรื่องที่ไม่ได้เรียนในสถาบันเภสัช แต่จะต้องอาศัยวิศวกรเป็นจำนวนมาก(แล้วจะไปอายแทนเภสัชทำไม? วิศวกรต่างหากที่ไม่รู้จักทำ :mrgreen: )



นี่แหละโรงงานอย่างรูปนี่แหละ

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 เม.ย. 2011, 13:31
โดย mingrx19
ถึงพี่โต้งค่ะ
ก็ไม่ได้ซีเรียสนะคะ..แต่ก็แค่คิดว่า สิ่งที่เค้าพูดมามันก็ถูก
เพราะว่ามันแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย พึ่งตัวเองไม่ได้เลย ถ้าหาก วันนึงประเทศอื่นไม่ส่งเคมียามาให้เรา

และไม่ได้คิดที่จะเถียงอะไรกับเค้าด้วย
ไม่ได้คิดที่จะดูแคลนวิชาชีพของเราเอง และก็ไม่อยากพูดถึงวงการ วิชาชีพอื่น

แต่ที่มาแบ่งปันให้กับพี่น้องเภสัชเราได้รู้ ก็แค่หวังว่า ซักวันจะมีองค์กรไหนซักองค์กรนึงของประเทศไทย สามารถผลิตเคมียาขึ้นมาใช้เองในประเทศได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ
และก็ไม่ได้หวังให้เภสัชกรทุกคนจะต้องผลิตเคมียาเองได้ เพราะอย่างที่พี่ๆพูดมามันก็ถูกค่ะ คนเรามันมีความสามารถต่างกัน

หรือว่า เคมียา มันเป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์เหรอคะ (อันนี้ไม่แน่ใจนะคะเลยถาม ไม่ได้ตั้งจะพูดยอกย้อนใคร)

และที่พูดขึ้นมา ก็เพื่ออยากจะพัฒนาให้วิชาชีพของเรามันดีขึ้นกว่าทุกวันนี้
เพราะจริงๆแล้ว "เภสัชกร = คนปรุงยา"

ไม่ได้อยากจะพูดขึ้นมาให้ทะเลาะกันนะคะ

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 เม.ย. 2011, 20:15
โดย pharmakop
น้อง mingrx18

พี่ถามคำถามนี้ตั้งแต่สมัยเรียน พี่ถามอาจารย์ สุมน
คำตอบที่ได้รับคือ ลงทุนสูง

พอจบออกมา ทำงานใน รพ. เห็นยาอินเดีย หลั่งไหลเข้ามาในบ้านเรา จีนกำลังตามมาติดๆ ทำเรื่องสอบราคายา ทำให้รู้ว่า มีสองตัวที่เราทำได้ที่บ้านเรา erythromycin และ roxithromycin นอกนั้นนำเข้าหมดเลย

คำตอบที่พี่คิดเอง คงถูกแต่อาจไม่ทั้งหมด ลองดูจำนวนประชากร สองประเทศ จีน อินเดีย
ทำไมเขาทำ raw mat แต่ขายบ้านเค้าก็คุ้มแล้ว ที่เหลือส่งมาขายต่อทั่วโลก แล้วใครจะแข่งเค้า
ปัญหาความยากจน เท่าเทียมเป็นปัญหาเขา จึงละเลย เรื่องเฉพาะบุคคลคือการใช้ยาในแต่ละราย แต่เขามองภาพรวม เรื่องเศรษฐกิจมากกว่า
สวิส หรือที่อื่นๆ คิดว่าตั้งต้นก็มาจากจีน แต่เขาอาจทำให้ purified ขึ้นไปอีก แล้วกลับมาขายบ้านเราอีกที

สิ่งที่สู้ได้ ต้องขายนวตกรรม และภูมิปัญญาครับ งานวิจัยต้องเร่งเลย

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 เม.ย. 2011, 20:42
โดย zartingtong
ความจริงเมื่อก่อนมีของ เลเปอตี้ เอาวัตถุดิบที่เป็น intermediate มาทำต่อนิดหน่อยเป็นการเลี่ยงภาษี ไม่นับเป็นการผลิตวัตถุดิบแท้จริง

ที่ทำเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยก็ทำการ Acetylation ของ Salicylic ของกลุ่มโอสถสภา มีโรงงานเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใหญ่มาก แต่ก็แค่ป้อนให้ทำทัมใจของโอสถสภาเท่านั้น

ปัจจุบันเขตการค้าเสรีไม่อาจมีกำแพงภาษีได้อีกต่อไป แม้จะมีความพยายามที่จะรวบรวมสถิติทำยาแก้ปวด แต่ก็ดูเหมือนความต้องการใช้ในประเทศมีไม่มากพอจุดคุ้มทุน ยิ่งส่งออกขายนอกเลิกคิดได้เลยเพราะแพ้ขาใหญ่ทำไปก็เจ๊งเลยคิดกันมาร่วม 10 ปีกว่าแล้ว

จีนกับอินเดียคือ 2 ประเทศที่แค่ความต้องการในประเทศก็พอลงทุนแล้ว

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 26 เม.ย. 2011, 08:37
โดย mingrx19
อันนี้แค่คิดเล่นๆนะคะ อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด
ถ้าเราให้รัฐบาลเป็นคนทำ ลงทุนสูงไม่สูง เชื่อว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอค่ะ

ถ้าเรายึดเศรษฐกิจพอเพียง ตามที่พระเจ้าอยู่หัวท่านเคยทรงตรัสไว้
หากรัฐบาล ลงทุนด้านผลิตเคมียา แล้วส่งให้โรงงานยาในประเทศมาผลิตเป็นเวชภัณฑ์ยา
แล้วให้กระทรวงสาสุข มอบนโยบายให้ รพ.ของรัฐทั่วประเทศ เน้นสั่งยาจากบริษัทยาที่ใช้เคมีจากประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ
ถ้ายาตัวไหนเข้ารพ.แล้ว เชื่อเถอะว่า คนไข้จะถือแผงมาซื้อตามร้านยาเอง ยาที่ผลิตโดยเคมีจากไทย ก็จะเริ่มเข้าสู่ตลาดยาในประเทศไทยเอง
รพ.ของรัฐทั่วประเทศไทย ใช้งบประมาณเฉพาะเรื่องยา ปีละกี่หมื่นกี่แสนล้าน..ถ้าเราแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดมาใช้เคมีจากไทย ได้ปีละประมาณ 2 หมื่นล้าน ก็น่าจะอยู่ได้แล้วในช่วงต้นๆ แล้วค่อยๆขยับขยายไปเรื่อยๆ

"ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ"
ค่อยๆทำค่อยๆเริ่ม เชื่อว่า วันนึงประเทศไทย สามารถยืนบนลำแข้งของตัวเองได้ค่ะ
ถ้าไม่เริ่มทำ แล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นล่ะคะ
เหมือนกับคนที่ อยากเป็นร้านยายี่ปั๊วใหญ่ แต่ไม่ยอมเปิดร้านยาซักที ชาตินี้จะได้เป็นมั้ยร้านยี่ปั๊วใหญ่น่ะ

ก็เป็นแค่ความคิดของเภสัชกรตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้เองได้
ก็ได้แต่หวังว่า คนที่มีอำนาจหรือศักยภาพ จะเริ่มคิดและลงมือทำค่ะ
ขอบคุณค่ะ

ปล. หนู rx'19 ไม่ใช่ rx'18 ...555

Re: เภสัชกรไทยไม่ใช่คนโง่

โพสต์โพสต์แล้ว: 26 เม.ย. 2011, 08:50
โดย Barrios
รัฐคิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2509 แล้ว

ภารกิจ (ตามพระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ.2509)

1. ผลิตยาและเวชภัณฑ์
2. ส่งเสริมให้มีการศึกษาและวิจัยการผลิตยาและเวชภัณฑ์
3. ส่งเสริมการวิเคราะห์ยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาและเวชภัณฑ์
4. ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และให้ซึ่งยาและเวชภัณฑ์
5. ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยาและเวชภัณฑ์

http://www.gpo.or.th/Default.aspx?tabid ... uage=th-TH